19 ม.ค. 2023 เวลา 08:56 • ศิลปะ & ออกแบบ

ช่างทำกีตาร์ชาวเยอรมันอีกกลุ่มหนึ่งที่อาจจะเพิ่งเป็นที่รู้จักในไทย

Sebastian Stenzel
- ช่างทำกีตาร์ชาวเยอรมันผู้ชื่นชอบงานไม้ตั้งแต่อายุยังน้อย เริ่มเล่นกีตาร์คลาสสิกเมื่ออายุ 10 ขวบ และเริ่มทำกีตาร์ตัวแรกตั้งแต่อายุ 13
- ในปี 1996 เขาได้ก่อตั้งเวิร์กช็อปของตนเองขึ้นในมิวนิก ตั้งแต่นั้น ชื่อเสียงก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในด้านกีตาร์ที่เสียงดี เล่นง่าย และสวยงาม และในปี 1998 เขาได้รับรางวัล Masterprize จากรัฐบาลบาวาเรีย ในระหว่างการสอบ Master of Crafts
- ในปี 2002 Stenzel เป็นอาจารย์ประจำที่มหาวิทยาลัย Mozarteum ในเมืองซาลซ์บูร์ก ประเทศออสเตรีย เขายังบรรยายที่ Colleges of Music in Hamburg, Munich, และ Freiburg ตลอดจนเทศกาลกีตาร์หลายงาน
- กีตาร์ Stenzel มีลักษณะพิเศษ คือ น้ำหนักเบา คอและ Fingerboard ออกแบบมาให้เล่นง่ายเป็นพิเศษ กีตาร์ทุกตัวสามารถจำแนกเสียงสูง กลาง ต่ำ ออกจากกันได้อย่างชัดเจน แต่ยังคงความกลมกล่อม ฟังสบายทั้งผู้เล่นและผู้ฟัง กีตาร์ทุกตัวที่ออกจากมือของ Stenzel มั่นใจได้ว่าใช้ไม้คุณภาพเยี่ยมทุกแผ่นเพื่อทำกีตาร์ให้ได้คุณภาพสูงที่สุด
Angela Waltner
- ช่างทำกีตาร์หญิงชาวเยอรมัน ที่ให้ความสนใจและเริ่มทำกีตาร์ตั้งแต่อายุ 22 ปี และเสาะแสวงหาความรู้เพิ่มเติมจนผ่านการรับรองด้านวิชาการมากที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งรสนิยมการทำกีตาร์ร่วมสมัยของ Waltner ไม่ได้รับความสนใจแค่ในคอนเสิร์ตฮอลล์เท่านั้น แต่กำลังกลายเป็นจุดสนใจมากที่สุดของโลกกีตาร์คลาสสิกทั่วโลก
Waltner สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาด้านการทำกีตาร์จาก Westsächsische Hochschule Zwickau, University of Applied Sciences ใน Markneukirchen และประกาศนียบัตร Master Craftsman และ Artisan sponsorship award จาก Chemnitz Chamber of Trade และได้เป็นผู้ช่วยฝ่ายวิจัยที่ the Institute for Musical Instrument Making (IfM) ใน Zwota
- หนึ่งในนิสัยเด่นของ Waltner คือ เธอมีความต้องการก้าวข้ามขีดจำกัดด้วยการทดลองสม่ำเสมอ ส่งผลให้มีกีตาร์ของ Waltner มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
Waltners ใช้ระบบ "FABS" ("Free Adjustable Bridge System") ที่แบ่ง Saddle ออกเป็น 3 ส่วน เพื่อให้แต่ละสายมีความยาวที่ไม่เท่ากัน ทำให้ Intonation บนกีตาร์ของเธอเสถียรและสมบูรณ์แบบ
- ทั้งผู้ที่เลือกใช้กีตาร์ของ Waltner และผู้ที่ผ่านประสบการณ์การฟังเสียงของ Waltner มา ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นกีตาร์ที่ดังกระหึ่ม ทรงพลัง แต่ยังคงความสวยงามของโทนเสียงในทุกชั่วขณะ
Sato Guitars (Kazuo & Hideo)
- เริ่มต้นจาก Kazuo Sato ผู้เป็นพ่อ เริ่มเรียนทำกีตาร์กับอาจารย์ Kuniharu Nobe ในโตเกียว และ 6 ปีต่อมาในปี 1971 Kazuo เดินทางไป Oxford ประเทศอังกฤษและเริ่มทำงานในเวิร์กช็อปของ David Rubio ปัจจุบัน Kazuo ได้ย้ายมาที่เมือง Saarlouis ประเทศเยอรมนีและยังคงอยู่ที่นี่มาจนถึงปัจจุบัน รวมเวลากว่า 40 ปีที่เริ่มสร้างกีตาร์
- ส่วน Hideo Sato รุ่นที่ 2 แม้ว่าเขาจะมีอาชีพเป็นนักวิจัยซอฟต์แวร์ในประเทศญี่ปุ่น แต่เขาก็ตัดสินใจทุ่มเทให้กับการทำกีตาร์อย่างเต็มที่ในปี 2011 หลังจากฝึกงานได้ 2 ปี เขาก็เริ่มสร้างกีตาร์คลาสสิกร่วมกับพ่อของเขา จากประสบการณ์อันยาวนานของพ่อของเขา ตอนนี้เขาได้นำแนวคิดของตัวเองไปใช้ในการทำกีตาร์ของตัวเอง กีตาร์ตัวแรกของ Hideo ได้รับความสนใจจากนักกีตาร์คลาสสิกทั่วโลกกับช่างทำกีตาร์ที่มีชื่อเสีย
- Sato Guitar ยังคงมีไอเดียและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อผลักดันการพัฒนากีตาร์คลาสิกแบบดั้งเดิม(Traditional Guitar)มาจนถึงทุกวันนี้
- หากเปรียบเทียบระหว่างกีตาร์ระหว่างพ่อลูก Hideo จะมีเสียงที่สว่าง มี Dynamic Range ที่กว้าง แต่ยังคงให้กลิ่นอายเสียงตามโครงสร้างแบบดั้งเดิม ซึ่งของ Kazuo จะมีความหนาและดุดันกว่า
Guitar Classic Magazine by Ayadaguitars
AYADA GUITAR TALK กลุ่มพูดคุยสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกีตาร์คลาสสิก
โฆษณา