กูเกิ้ล ลดพนักงาน 1.2 หมื่น ปูทาง AI ทำงานแทน แล้วดึงผู้ก่อตั้ง 2 คนกลับฉุกเฉิน
เพื่อต่อกรกับ ChatGPT จาก Microsoft-OpenAI
(เครดิตภาพจาก CNBC.com)
Google กำลังอยู่ในภาวะฉุกเฉินเพราะ ChatGPT อาจจะทำลาย "รายได้โฆษณา" จาก “Search” ซึ่งคิดเป็น 60% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท
เป็นครั้งแรกของบริษัทที่รู้สึกอันตราย หลังจากปลอดภัยจากสงคราม Search Engine กว่า 2 ทศวรรษ
“ยุคจากนี้ไป แพลตฟอร์มกำลังจะเปลี่ยนครั้งใหญ่จาก ยุคคลาวด์-โมบาย ไปสู่ยุคเอไอ (ที่มีคลาวด์และโมบายเป็นอินฟราสตักเจอร์)” ซีอีโอของ Microsoft เคยกล่าวไว้
ข่าวเมื่อวาน ซีอีโอ Sundar Pichai ได้ประกาศระดมพลัง จะนำผู้ก่อตั้งกูเกิ้ลทั้งสอง Larry Page และ Sergey Brin กลับมาบริหารจัดการเรื่องเสิร์ชและโมเดลธุรกิจใหม่ที่กำลังจะเปลี่ยนไปเพราะเอไอ
เพจและบริน แม้จะเข้าประชุมร่วมกับบอร์ดบริหารของกูเกิ้ลมาโดยตลอด แต่ไม่เคยเข้าบริหารหรือกำหนดนโยบายเทคโนโลยีโดยตรงมาตั้งแต่ปี 2019 แต่ครั้งนี้ บอร์ดบริหารขอเรียกรวมพลัง และได้อนุมัติโครงการเพิ่มคุณสมบัติแชทบ็อตในเครื่องมือค้นหาของ Google ตามไอเดียของผู้ก่อตั้งทั้งสองแล้ว
ที่จริง สิ่งใดกันแน่ที่ทำให้กูเกิ้ลปวดหัว ?
...ไม่น่าใช่เรื่อง ChatGPT เพราะกูเกิ้ลเป็นผู้คิดค้น “โมเดลภาษาขนาดใหญ่” ที่ชื่อว่า Transformer ซึ่งเป็นรากฐานการพัฒนาของ ChatBERT ของโอเพ่นเอไอ
กูเกิ้ลสามารถพัฒนาโมเดลภาษาที่เก่งกว่า ดีกว่า ChatGPT โดยไม่ยาก (หรือว่าอาจจะมีอยู่แล้วก็ได้ เช่น โครงการ Sparrow ของ DeepMind บริษัทลูกของกูเกิ้ล)
สิ่งที่น่าจะทำให้กูเกิ้ลปวดหัวมากกว่า แต่ไม่เป็นข่าวก็คือ เอไอ จะทำให้ "วิธีหารายได้" เปลี่ยนไป
เสิร์ชเอ็นจินของกูเกิ้ล แค่ "ชี้เป้า หาลิงค์ที่เกี่ยวข้องให้" แล้วแฝงโฆษณาได้ แต่ถ้าเป็น ChatGPT จะได้เป็นคำตอบชนิด "ปรุงเสร็จพร้อมใช้ ไม่ใช่แค่ลิงค์" คำถามก็คือ แล้วจะแฝงโฆษณาได้ยังไง (อ่านต่อ...)
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
