27 ม.ค. 2023 เวลา 07:22 • ไลฟ์สไตล์

คุณภาพชีวิต กรุงเทพ vs ไทเป

เราเพิ่งกลับจากไต้หวัน หลังจากไปเที่ยวมารอบที่ 3 (ค่าเงินเราจะพูดรวมๆเพราะค่าเงินไม่ต่างกันมาก)
1. มลพิษทางอากาศ
ที่ไต้หวันอากาศดีมาก รู้สึกสดชื่น ไทเปเช็คค่า PM2.5 ได้ 50 พอออกไปตจว. อยู่ที่ 30 สีเขียวเลย
ขณะที่กรุงเทพ 150 สีแดดเถือก ไม่อยากออกไปไหน ระคายผิวและเจ็บคอปวดหัว
ไต้หวันมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา ทำให้ต้นไม้เยอะตาม แต่ตัวไทเปเองก็สร้างเมืองได้ดีด้วย รถราไม่ปล่อยมลพิษ รถไฟฟ้าใต้ดินเหมือนญี่ปุ่นเลย เชื่อมต่อกันหมดทุกยี่ห้อในสถานีเดียว ไม่ต้องเดินออกไปต่อที่ไหน เดินทางสะดวก คนไม่จำเป็นต้องขับรถเลย
แต่ที่ไต้หวันฝนตกปอยๆบ่อย แต่นี่ก็ไม่ต่างจากกรุงเทพเท่าไหร่ที่แดดแรงจัด เราคิดว่าเรื่องสภาพอากาศคนเราปรับตัวให้อยู่กับมันได้ เราไปเที่ยว Jiufen ในวันที่ฝนตก ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นปัญหาอะไร
สิ่งสำคัญคือถ้าอากาศมันแย่จนเราไม่อยากออกจากบ้านมาหายใจข้างนอก คือจบเลย
2. อาหาร
เรื่องที่เรารู้สึกว่าน่าอิจฉาไต้หวันมากๆคือ คุณภาพอาหารที่นี่ ร้านข้าวแกงมีเยอะ อาหารเขาดูสุขภาพดีมาก ไม่มัน ไม่เค็มเกินเหตุ และสำหรับเราคืออร่อยมาก
ส่วนใหญ่เราสั่ง 4-5 อย่าง ราคาอยู่ที่ 140-170 (แบบมาเที่ยวแบบกินไม่หมด ถ้ากินประจำคงสั่งแค่ 2-3 อย่าง ก็จะถูกกว่านี้)
ซึ่งพอกลับมาไทย เราลองหาร้านอาหารที่จะให้คุณค่าโปรตีนและผักแบบจึ้งๆเลือกได้หลากหลายอย่างไต้หวัน คือหาไม่ได้เลย ในบริเวณ 1 กิโลเมตรจากคอนโดเราไม่มีร้านข้าวแกง มีแต่ร้านไก่ทอดเกาหลีผุดเต็มไปหมด
พอเราสั่งแกรปร้านอาหารตามสั่ง ต้องสั่งแต่ กะเพราหมูสับไข่ดาว+ต้มจืดผัดกาด เพื่อให้ได้โปรตีนเน้นๆและผักจากต้มจืด ถ้าสั่งเมนูอย่างคะน้าหมู จะได้วิญญาญหมูทันที โปรตีนไม่พอ ต้องสั่งซุปที่ได้โปรตีนเพิ่มอย่างต้มแซ่บ ถ้าจะให้ได้โปรตีนและผักเพียงพอ มันไม่สามารถจบในเมนูเดียวได้
ก็ต้องคิดปรับเปลี่ยนไป แบบนี้ 2 อย่างจาก grab ราคาอยู่ที่ 150 แล้ว (หักส่วนลดส่งฟรีไปแล้วนะ) มันสู้ความหลากหลายอย่างไต้หวันไม่ได้เลย ซึ่งถ้าสั่ง 2-3 อย่างที่ไต้หวันมันถูกกว่าอีก
แต่จริงๆเรื่องนี้ก็เทียบยาก เพราะสั่งเดลิเวอรี่กับเดินเข้าร้าน ไม่รู้ว่าถ้าเราอยู่ไต้หวันแล้วใน 1 กิโล ไม่มีร้านข้าวแกง จะเป็นยังไง (แต่ที่เราพักโรงแรมร้านอยู่ข้างหน้าเลย และเดินไปไหนก็เจอร้านข้าวแกงบ่อยๆนะ)
7 อย่าง ข้าวต้ม 4 ถ้วย ตกคนละ 350 บาท (ในรูปคือกินจนเหลือร่อยหรอแล้ว เขาตักพูนๆให้เต็มจานทุกจาน) สั่งเยอะเลยเพราะเป็นมื้อสุดท้ายก่อนบินกลับ
ที่ไต้หวัน ตอนเย็นเราชอบกินร้านข้าวต้ม อร่อยมาก! รสจัด อยากกินทุกวัน! เห็นโต๊ะข้างๆเขาสั่งผัก 2 จาน โปรตีน 1 จาน ข้าวต้ม 1 ถ้วย เราคิดว่าดีจังน้า ถ้าได้กินงี้ทุกวัน (คงประมาณ 150-200) ร้านนี้น่าจะร้านดังด้วย
ร้านข้าวแกงและร้านข้าวต้มร้านประจำของเรานี้ เป็นแบบที่เขาเรียงอาหารไว้ ชี้ได้เลยว่าจะเอาอะไร ซึ่งลูกค้ามักจะเยอะ ทำสดใหม่มาเติมตลอด เป็นร้านปิดประตูติดแอร์ทุกร้าน ไม่สกปรกจากฝุ่นข้างนอก ซึ่งที่ไต้หวันก็คือไม่มีมลพิษด้วยไปอีก คุ้มราคา กินอิ่มทุกมื้อ (ที่ไทยราคาถูกแต่กินไม่อิ่ม ต้องกินจุกจิกทั้งวัน อ้วนอีก)
1
3. ค่าครองชีพ
เรามีเพื่อนคนไต้หวัน ข้อมูลจะมาจากที่เพื่อนบอก คือเด็กจบใหม่ป.ตรีเงินเดือนเริ่มที่ 30,000 หรือเป็นพนักงานในร้านปิ้งย่างที่งานหนักมากก็ได้ 30,000
ค่าเช่าในไทเป ถ้าเดือนละ 11k-20k ก็อาจจะอยู่ชานเมืองหรือในเมืองแบบห้องเล็กๆไม่ค่อยดีเท่าไหร่ 20k-30k ก็คือในเมืองแบบห้องดูดี ถือว่าค่าที่พักแพงมาก เกิน 50% ของเงินเดือน ยิ่งถ้าจะซื้อบ้าน เพื่อนเราบอกแทบเป็นไปไม่ได้เลย แพง หลัก 10 ล้าน คนไต้หวันส่วนใหญ่เลยอยู่กับพ่อแม่
เพราะไต้หวันเป็นประเทศที่เล็กมาก ค่าที่ดินเลยแพงหูฉี่ supply น้อย demand มาก
ช่วงโควิด ค่าน้ำ ไทย 7 บาท ไต้หวัน 20 TWD ที่ต้องบอกว่าช่วงโควิดเพราะว่าปกติที่ไต้หวันมีตู้กดน้ำฟรีอยู่แทบทุกที่ แต่ช่วงโควิดไม่มี หรือเราไม่คิดกดเลยไม่ได้มองหาก็ไม่รู้
ค่าเดินทางรถไฟฟ้าที่ไต้หวันถูกกว่าไทย และยังสะดวกกว่ามาก(อยู่แล้วล่ะ ค่าโดยสารรถไฟฟ้าประเทศไทยแพงที่สุดในเอเชีย)
ที่ไทยเงินเดือนเริ่มต้น 15,000 ค่าเช่าที่พัก 6,000-8,000 ได้ห้องดีๆขนาดกว้างทำเลดีได้เลย อาจเพราะว่าชานเมืองของกรุงเทพก็เจริญ มีห้างใหญ่ๆ ก็ถือว่าทำเลดีได้ แต่อาจจะเป็นคอนโดที่ unit เยอะๆหน่อย (ยกตัวอย่าง ลุมพินี รามอินทรา ติดกับห้าง Central และหน้าคอนโดมี BTS (ตอนนี้ยังไม่เปิด) ค่าเช่า 6,000+) ซึ่งค่าเช่าไม่ถึงครึ่งของเงินเดือน และถ้าค่าเช่า 10,000 ขึ้นคือทำเลดี อยู่หรูเลย
แต่ลองคิดดูว่าอยู่ไต้หวัน เงินเดือน 30,000-15,000(อยู่ห้องเล็กๆในเมือง) = เหลือเงินกินใช้ 15,000 ซึ่งอาหาร การเดินทาง ของใช้ราคาพอๆกับกรุงเทพ
อยู่ไทย เงินเดือน 15,000-6,000 = เหลือ 9,000 ของถูกกว่าหน่อนก็จริงแต่พอที่พักทำเลถูกก็มีค่าเดินทางแพงด้วย
ยังไงอยู่ไต้หวันก็มีเงินกินใช้เยอะกว่า
ชานมไข่มุกคืออร่อยที่สุดจริงๆ ของแท้ต้องที่ไต้หวัน
4. ความรื่นเริงในชีวิต
เรารู้จักคนไต้หวัน 4 คน (เป็นคนที่พูดอังกฤษเก่ง หรือได้ภาษาที่ 3 และเรามองว่าพวกเขา EQ สูงมาก ฉลาด) ดูเหมือนว่าเขาจะไม่อยากอยู่ไต้หวันกันนะ เขาคิดว่าเขามีศักยภาพมากกว่าที่จะอยู่ประเทศนี้ เขามองว่าประเทศตัวเองเล็ก ไม่มีอะไร น่าเบื่อ ทุกคนคือไปอยู่ต่างประเทศและแต่งงานไปอยู่ประเทศอื่นหมด สเปน เนเธอแลนด์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น
ในเคสของเพื่อนไต้หวันที่เราสนิทที่สุดเป็นคนที่มีออร่า เป็นคนที่เปล่งแสงออกมาหลายสีสัน คิดว่าเขาคงอึดอัดกับ culture ที่นี่ ไต้หวันก็คือมีความญี่ปุ่นอยู่สูง ต้องเรียบร้อย ต้องเงียบๆในที่สาธารณะ และมีความหัวโบราณแบบจีนนิดนึง
ถ้าเราเป็นต่างชาติที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ มันเป็นตัวเองได้ ถ้าเสียงดังไปหน่อย คนก็อาจจะแค่หัวเราะไม่อะไรมากเพราะเราเป็นต่างชาติ เพื่อนเลยสบายใจกว่า
ซึ่งถ้าเราไปเที่ยวไต้หวัน 7 วันก็คือเที่ยวครบแล้ว ไม่มีอะไรทำแล้ว เป็นประเทศที่เล็กและไม่ค่อยมีอะไรทำจริงๆ
อีกอย่างคือ "ไม่อยากให้วันนึงตื่นมาแล้ว ทางการประกาศว่า เราคือ China" เพื่อนเราตอบคำถามที่ว่า 'ทำไมถึงอยากไปอยู่ประเทศอื่น' เป็นเรื่องที่น่าเศร้านะ
คนไต้หวันไม่ชอบคนจีน(ที่คิดว่าไต้หวันคือจีน ซึ่งส่วนใหญ่คนจีนคิดแบบนั้น) และไม่อยากเป็นจีน อยากหลุดพ้นจากเรื่องการเมืองในประเทศนี้ ซึ่งตามประวัติศาสตร์มันคือเรื่องที่เราเข้าใจได้เลย จีนทำไต้หวันเจ็บปวดมาเยอะ เพื่อนเลยไม่อยากอยู่ในความขัดแย้งในเรื่องนี้ที่นี่ ไปอยู่ประเทศอื่นดีกว่า
ถ้าเทียบความรื่นเริงกับไทย
ในไทยคือ Bangkok never sleeps ของจริง มีที่ให้ไป มีร้านคาเฟ่ มีร้านอาหารให้ไปลองไม่จบไม่สิ้น
Culture คนไทยก็สบายๆ ไม่มีใครสนใจคนอื่น จะใส่แตะใส่เรกกิ้งออกกำลังกายขึ้นรถไฟฟ้าก็ไม่มีใครมองหรือมากดดัน เราคิดว่าคนไทยคิดว่าการมองคนอื่น judge คนอื่นคือเรื่องเสียมารยาทมากกว่า(เราคิดงี้นะ) เพื่อนคนญี่ปุ่นเรารักประเทศไทยตรงนี้มาก เพื่อนบอกพอกลับญี่ปุ่นแล้วเศร้าเลย ไปยิมคือต้องเปลี่ยนชุดตลอด ก้าวขาออกจากบ้านคือต้องทำตัว presentable ไม่อิสระเหมือนไทย
เราก็เป็นคนเฮฮาเสียงดังในบางครั้งนะ แต่ในรถไฟฟ้า ไม่เคยรู้สึกว่าโดนตีกรอบตรงนี้อะไรมากมาย มันไม่มีใครสนใจกันจริงๆอ่ะ ทุกคนยุ่งกับการสนใจตัวเองจนไม่มีเวลามามองคนอื่น หรือถ้ามี เราว่าส่วนใหญ่ก็จะคิดไปในทางที่ดีมากกว่า ประมาณว่า 'เฮฮาดีจัง' เรารู้สึกมีอิสระ เราคิดว่าไทยเป็นแบบนี้มันดีนะ
แต่ที่รู้สึกหมดหวังก็คือเรื่องการเมืองไทยเหมือนกัน ตรงนี้ไม่ต่างจากคนไต้หวันเท่าไหร่ ที่ทำให้ไม่มีความสุขเท่าไหร่ ประเทศเราไปได้ไกลกว่านี้มากจริงๆ ถ้าเลิกขัดผลประโยชน์กัน แล้วทำเพื่อคนจริงๆ
เราคิดว่าทุกประเทศมีข้อดีข้อเสียสำหรับ lifestyle ของแต่ละคนต่างกัน บางคนอาจจะไม่สนใจว่าต้องกินอิ่มโปรตีนและผักครบอย่างเราก็ได้อ่ะ😂
คอนเม้นท์กันได้นะคะ
โฆษณา