11 มี.ค. 2023 เวลา 06:32 • นิยาย เรื่องสั้น

Olden อันตรายร้ายรัก [บทที่หนึ่ง]

สายตาคมจ้องมองไปยังจอคอมขนาดใหญ่ภายในห้องทำงานของตัวเองหลังทราบข่าวจากวงในว่าจะมีทายาทคนที่สองของเอ็มมอลล์เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเพื่อค้นหาความจริงบางอย่างที่เขาเองตกก็อยู่ในหนึ่งผู้ต้องสงสัย แม้จะถูกสอบสวนไปแล้วหลายครั้งก็ตาม
แต่การสอบปากคำไม่ได้ทำให้เขาสนใจเท่ากับการรับรู้ว่าทายาทของเอ็มมอลล์ไม่ได้มีเพียงแค่เมษาคนเดียว ไม่มีใครเคยรับรู้หรือพูดถึงมาก่อนจนเมื่อไม่นานมานี้หลังจบการประชุมความร่วมมือระหว่างโรงแรมของเขากับห้างสรรพสินค้าของเอ็มมอลล์
อคิน วงศ์วริศ ชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดรองประธานบริษัท ทายาทเคกรุ๊ป ลูกชายคนเล็กของอวี้เฟยเทียนและเจียวหนิงเหอ อดีตหัวหน้ามาเฟียแห่งพรรคเหนือและพรรคใต้ นิสัยจริงจังและเด็ดขาด แต่เจ้าตัวยังมีมุมอ่อนโยนเมื่อได้อยู่กับน้องชายบุญธรรมอย่าง รามิล วงศ์วริศ
ครอบครัวของเขายังมีพี่ชายคนโตอีกคนคือคุณพายุ วงศ์วริศ นิสัยเหมือนคุณแม่ชนิดที่ถอดแบบออกกันมา แต่เวลาเอาจริงคุณพายุเรียกได้ว่าเป็นอีกเงาของอวี้เฟยเทียน ประมุขของบ้าน
“อีกกี่นาที”
“ยี่สิบนาทีครับคุณคิน มีคนของเอ็มมอลล์มารอรับหลายสิบคน หนึ่งในนั้นคืออดีตตำรวจฝีมือดีที่ปลดเกษียณไปก่อนอายุ ผู้กองมหิ และยังมีลูกน้องที่ลาออกจากราชการมาช่วยงานผู้กองอีกจำนวนหนึ่งครับ”
“ไม่แปลกใจที่เขาจะเพิ่มการคุ้มกันขึ้นมากขนาดนี้ ประวัติของเขาเป็นยังไงบ้าง ได้เรื่องหรือยัง”
“ครับ คุณมีนา ศินท์พิรัช ลูกชายคนเล็กของคุณมารุติกับอดีตภรรยาที่เสียชีวิตไปเมื่อสิบห้าปีก่อนด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ข้อมูลนี้เรายังไม่ได้รับรายละเอียดเพิ่มเติมครับ ส่วนคุณมารุติไม่ได้แต่งงานใหม่”
“เก่งเกินคน ผู้ชายคนเดียวเลี้ยงเด็กตั้งสองคน”
“คุณมีนาถูกส่งไปอยู่ต่างประเทศกับคนรู้จักของคุณมารุติ สาเหตุผมคาดว่าน่าจะเกิดจากสภาพจิตใจเพราะมีผลตรวจสุขภาพในช่วงที่คุณแม่ของเขาเสียครับ และยังมีผลตรวจอีกอย่างที่น่าสงสัยครับ…”
“อะไร”
“คุณมีนาความจำเสื่อม สาเหตุไม่ได้ระบุว่าเกิดจากอะไร”
“อืมมมม” อคินจ้องมองหนุ่มตัวเล็กเดินออกมาจากเกต มีผู้คุ้มกันแน่นหนาตามที่เสือรายงานเขามาแล้วก่อนหน้านี้ เด็กมีนานั่นดูบอบบางเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้ แต่สำหรับเขาแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้ประเมินได้ว่าอีกฝ่ายจะไม่แข็งแรงแม้มีร่างกายที่เล็กกว่า
ร่างสูงหันมาสบตากับผู้เป็นลูกน้องอย่างเสือ พยัคฆา คนที่เขาสนิทด้วยที่สุด นอกจากนี้เขายังมีลูกน้องอีกสามคนด้วยธุรกิจที่เขาทำนั้นมีหลายอย่างด้วยกัน อวี้เฟยเทียน ประมุขของบ้านจึงสั่งเพิ่มคนให้กับเขา
“จะให้เชิญขึ้นมาที่นี่ไหมครับ”
“ยังก่อน วันนี้คงเดินทางมาเหนื่อยแล้ว ไว้วันหน้าค่อยหาโอกาสไปทักทาย ฉันอยากรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา อยู่ดี ๆ บินกลับมาไทยแบบนี้ คงไม่พ้นเรื่องของเมษา” ชายหนุ่มเอ่ยถึงหญิงสาวทายาทอีกคนแห่งเอ็มมอลล์กรุ๊ป เธอเป็นทั้งนักแสดงและนางแบบอยู่ในแวดวงมายา คบหาดูใจกับโฬม ธารภพ เพื่อนสนิทที่สุดของเขา ทำธุรกิจโรงแรมและกาสิโนที่กำลังจะลงทุนร่วมกัน
จนในที่สุดการ์ดแต่งงานก็ถูกเชิญด้วยรอยยิ้มของทั้งสองคน เขาที่เป็นเพื่อนแสดงความยินดีและจัดการใช้โรงแรมใจกลางกรุงในเครือเคกรุ๊ปเป็นสถานที่จัดงาน
"คุณพ่อคุณแม่รู้เรื่องนี้หรือเปล่า พี่พายุรู้เรื่องนี้ด้วยไหม"
"คุณท่านทั้งสองยังไม่ทราบครับ คุณพายุยังอยู่ที่ฮ่องกงกับคนสนิท อีกหนึ่งอาทิตย์ถึงจะเดินทางกลับมาครับ" อคินพลิกข้อมือดูเวลาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนสนิทอีกครั้ง เขาไม่อยากให้เรื่องนี้ขยายเป็นวงกว้างจนกระทบกับงานที่เขากำลังทำอยู่
เรื่องกาสิโนที่เขาพยายามทำให้ถูกกฎหมายบนพื้นที่เกาะส่วนตัว ถูกสายตาคมอย่างผู้กองจิระเขม่นจนแทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ ไหนจะเรื่องที่เมษามาหายตัวไปคืนวันแต่งงานภายในโรงแรมนั่นอีก ฝ่ายนั้นตั้งข้อสงสัยว่าเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังธุรกิจค้ามนุษย์
แต่เพราะหลักฐานไม่แน่นหนาพอ และเขาเองก็มีพยานบุคคลในที่เกิดเหตุ จึงไม่สามารถเอาผิดกับเขาได้ นอกจากนี้เขายังสวมบทเป็นคนดียินดีจะช่วยแจ้งเบาะแสหากว่ามีอะไรคืบหน้าหรือว่าสงสัยเกี่ยวกับการหายตัวไปของเมษา
อคินลุกขึ้นยืนเต็มความสูง วันนี้เขาไม่มีอะไรสำหรับที่นี่แล้ว เพียงแค่แวะมาดูความเคลื่อนไหวของมีนา กับตรวจงานบางส่วนเท่านั้น
"เก็บเรื่องที่ฉันจะทำไว้เป็นความลับก่อนอย่าให้ใครรู้เรื่องนี้ โดยเฉพาะคุณพ่อกับพี่พายุ บอกรามิลเย็นนี้ให้กลับบ้าน ถ้าไอ้โฬมมันขวางทางไม่ยอมให้กลับก็ให้สิงห์กับกระทิงจัดการได้เลย"
"ได้ครับคุณอคิน" อคินสวมแว่นสีชาเดินนำหน้าคนสนิทออกจากห้องทำงานตรงไปยังลานจอดรถ ชายหนุ่มอยู่ในชุดสูทสีเข้มทั้งด้านในและด้านนอก ไม่มีเนกไทเป็นพิธีการมากเพราะไม่ได้เข้าพบผู้บริหารคนไหน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังดูดีและสุภาพเสมอ
อคินได้นิสัยมาจากทั้งอวี้เฟยเทียนและเจียวหนิงเหอ เขามีมุมที่ต้องอ่อนโยนและแข็งแกร่งในบางช่วงเวลาแล้วแต่สถานการณ์จะพาไป ชายหนุ่มถูกเลี้ยงดูโดยคุณแม่และพี่เลี้ยงเป็นส่วนใหญ่ แต่กับคุณพ่ออย่างอวี้เฟยเทียนสิ่งเดียวที่เขาได้รับคือการฝึกฝนทั้งสติปัญญาและพละกำลัง
เขาเรียนรู้และเติบโตมาอย่างดีจากความรักและความเอาใจใส่ของทุกคนภายในบ้าน รวมไปถึงพี่ชายแม้จะมีนิสัยที่แตกต่างกันแต่พวกเขารักกันดี
ร่างสูงหยุดเดินกะทันหัน เขามีความคิดบางอย่างเข้ามาในหัว ถ้าตอนนี้มีนากลับมาเพื่อตามสืบเรื่องของพี่สาวตัวเอง ไม่ใช่แค่เพราะคุณมารุติเรียกให้กลับมา ฝ่ายนั้นจะหาใครมาช่วยกับเรื่องนี้ หากเป็นมหิคงจะไม่แกร่งพอเท่ากับคนในสำนักงานตำรวจแน่นอน
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณอคิน”
“เสือ ถ้านายเป็นมีนา นายจะกลับมาเพราะเหตุผลอะไรเป็นหลัก”
“ถ้าผมเป็นคุณมีนาเหรอครับ…ก็คงจะมาตามหาพี่สาวครับ เรื่องธุรกิจคงไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะถ้าเป็นเรื่องนี้ คุณมารุติคงให้คุณมีนา เทียวไปเทียวมาระหว่างเมืองนอกกับไทย อีกอย่าง เราคงรู้จักเด็กคนนี้ตั้งนานแล้ว”
“ถ้าฉันไม่อยากให้เด็กมีนาไปยุ่งเกี่ยวกับผู้กองจิระล่ะ ฉันต้องทำยังไง”
“คุณอคินหมายความว่ายังไงครับ คุณคินคิดว่าคุณมีนาจะพึ่งตำรวจในการตามหาคุณเมษาอย่างนั้นใช่ไหมครับ”
“ติดต่อคุณแม่ให้ฉันที ฉันต้องการเป็นคู่หมั้นกับมีนา และอย่าให้คุณพ่อทราบเรื่องนี้เด็ดขาดจนกว่าจะเจรจากันได้”
“แบบนี้มันอันตรายนะครับ อีกอย่างไม่ใช่แค่กับฝ่ายเราเท่านั้น แต่รวมไปถึงฝ่ายของคุณมารุติด้วย”
“คุณแม่จะช่วยฉันได้ ฉันไม่อยากให้ผู้กองจิระเข้ามาวุ่นวายเรื่องนี้ ตำรวจนั่นไม่สืบแค่เรื่องของเมษาอย่างเดียวแน่นอน กาสิโนที่ฉันกำลังจะทำจะมีปัญหาไปด้วย มีนาจะเป็นเกราะกำบังไล่พวกนั้นออกไปให้ห่างได้"
"แต่ ผมคิดว่า..."
"ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ทำอะไรเด็กคนนั้นหรอก ขอแค่หาเบาะแสเจอว่าเมษาหายตัวไปได้อย่างไรเป็นการตอบแทนก็พอ"
"ครับ ผมจะจัดการให้ครับ" อคินเดินต่อไปยังลานจอดรถ ผ่านเกทผู้โดยสารขาเข้ามองผู้คนที่เดินสวนกันไปมา ที่นี่ใหญ่ที่สุดในประเทศ รองรับลูกค้าได้หลายหมื่นคนต่อวัน มีโรงแรมในเครือเพื่อความสะดวกสบายของลูกค้า โรงพยาบาลของคุณแม่ในกรณีฉุกเฉินรวมไปถึงห้างสรรพสินค้าขนาดกลางของเอ็มมอลล์อีกด้วย
เขาหยุดมองใบหน้าขาวของเด็กมีนาที่กำลังส่งกระเป๋าให้กับบอดี้การ์ดของตระกูลศินท์พิรัช ครอบครัวนี้ถือว่ายิ่งใหญ่พอสมควรและมีการป้องกันระดับดีเยี่ยม คุณมารุติได้อดีตตำรวจฝีมือดีถึงห้าคนมาทำงานให้กับเขา และยังมีลูกน้องของตำรวจพวกนั้นที่ถูกฝึกมาอย่างดีอีกด้วย
"กลับบ้าน วันนี้ฉันมีอีกเรื่องที่ต้องจัดการ"
"ครับคุณคิน" อคินหันหลังเดินออกไปยังลานจอดรถสำหรับผู้บริหาร เป็นจังหวะเดียวกับที่มีนาเงยหน้าจากบอดี้การ์ดมองไปทางนั้น ผู้คนมากมายเดินสวนกันจนน่าเวียนหัว ชายหนุ่มถอนหายใจแผ่วเบา เขาไม่อยากกลับเมืองไทย ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับที่นี่ ถ้าไม่เพราะพี่สาวของเขาหายไป ให้ตายเขาก็ไม่มีทางกลับมา
มีนา ศินท์พิรัช เด็กหนุ่มวัยยี่สิบสองปี อาศัยอยู่ในต่างแดนนานนับสิบกว่าปี ตั้งแต่วันที่แม่เสียไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ และเขาเองก็จำเรื่องราวอะไรในวัยเด็กไม่ได้
เขาในตอนนี้เป็นเพียงชายหนุ่มร่างเล็กที่มีความสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบแปด ผิวขาวเพราะแทบจะไม่โดนแดด มีใบหน้าคล้ายกับเมษาจนบางคนเข้าใจผิดว่าเขาคือฝาแฝดสมัยเด็ก ๆ ที่ตอนนี้กำลังยืนมองบอดี้การ์ดของคุณพ่อตัวเองทำหน้าที่อยู่
"เชิญคุณหนูทางนี้ครับ"
"ครับ" จำต้องเดินตามคนของคุณพ่อขึ้นรถไป สถานที่ที่เขาเคยอาศัยอยู่เมื่อสมัยยังเด็ก มีนามีปัญหาเรื่องสุขภาพหลังจากเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป ร่างกายไม่แข็งเพราะซึมเศร้า ร้องหาแต่คุณแม่จนคุณมารุติไม่อาจจะทนได้ จึงส่งเขาไปอยู่กับคนรู้จักที่เมืองนอกเพื่อรักษาและเจอกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ
“เชิญครับ ผมจะพากลับบ้าน”
“ครับ ขอบคุณครับ” เอ่ยตอบลูกน้องของคุณพ่อแล้วก้าวขึ้นรถยนต์สีดำสนิทที่มารับตนเอง ชายหนุ่มดูความวุ่นวายของเหล่าบอดี้การ์ดนับสิบที่มารับก่อนจะหันออกนอกกระจกรถเพื่อพักสายตา
ความทรงจำมากมายค่อย ๆ ย้อนกลับมาราวกับว่ากำลังกรอเทป มีนานั่งอยู่ในรถมองท้องฟ้าที่มีกลุ่มก้อนเมฆลอยฟุ้งกระจายไปทั่ว อากาศภายในรถแม้จะมีเครื่องปรับอากาศแต่เขาก็ยังรู้สึกร้อนอยู่ดี มือเล็กล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบเอาสร้อยคอร็อคเก็ตออกมา ใครสักคนมอบให้เขาเมื่อนานมาแล้ว
โลมาตัวเล็กบนสร้อยเส้นนี้ ติดตัวเขามาตั้งแต่ยังเด็ก สิ่งเดียวที่จำได้คือ มันเป็นของสำคัญที่ต้องรักษาไว้อย่างดี
"ทำไมถึงจำอะไรไม่ได้เลยนะเรา" มีนาลูบสร้อยเส้นเล็กก่อนจะสวมมันเข้าไป จี้โลมาอยู่ในระดับเหนืออกมองเห็นชัดเจนก่อนจะหันมองท้องฟ้าข้างนอกอีกครั้ง
ความจำสมัยเด็กมีนาจำอะไรไม่ได้เลยหลังจากตื่นนอนในห้องคนป่วยของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง คุณพ่อบอกเขาเพียงว่าตนเองเล่นซนจนล้มหัวกระแทกพื้นไป และไม่มีใครยอมเล่าเรื่องก่อนหน้านั้นให้มีนาฟังอีกเลย ส่วนมีนาเองก็ไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องรื้อฟื้นความทรงจำอะไรเพราะเขายังเด็ก เรื่องวัยเด็กก็คงเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปไม่มีอะไรให้ใส่ใจ
"คุณท่านโทรมาบอกว่าจะกลับช้าหน่อย คุณหนูอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ ผมจะสั่งจากโรงแรมมาให้ครับ"
"แวะทานที่ร้านข้างทางก็พอครับ ผมไม่อยากวุ่นวาย"
"แบบนั้นจะไม่ปลอดภัยเอานะครับ ตอนนี้คุณท่านสั่งเข้มงวดมาก กลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นอีก"
"งั้นโทรสั่งจากโรงแรมมาก็ได้ครับ มีนทานได้หมดยกเว้นอาหารทะเล"
"ครับคุณหนู" มีนาถอนหายใจละสายตาจากท้องฟ้าหลับตาลง เอนหัวพิงพนักเบาะ เดินทางมาถึงก็มีเรื่องให้ขัดใจ ต่อไปคงเจออีกนับไม่ถ้วน
คุณพ่อของเขาค่อนข้างจะเข้มงวดและวิตกกังวลหลังจากวันที่เขาเกิดอุบัติเหตุ ท่านสั่งให้เลขาจัดหาพี่เลี้ยงเข้ามาดูแลเขาเพิ่มพร้อมกับลูกน้องฝีมือดีอีกสองคน ไม่ว่ามีนาคิดจะทำอะไรจะมีพวกเขาเหล่านั้นคอยรายงานท่านอยู่เสมอ
จนถึงวันที่ท่านตัดสินใจส่งเขาไปเรียนต่อที่เมืองนอก ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นมีนาก็ยังถือว่าเด็กอยู่ แต่เพื่อความปลอดภัยและอยากรักษาอาการซึมเศร้า ท่านจึงจำเป็นต้องทำ มีนาเองเมื่อรู้ถึงความต้องการของพ่อเขาก็รับทราบโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ
เอี๊ยดดดดด!
"อะ"
"เป็นอะไรไหมครับคุณหนู"
"เกิดอะไรขึ้นกัน"
"คุณหนูหมอบลงก่อนครับ" มีนาทำตามคำสั่งของบอดี้การ์ดคนหนึ่งยอมหมอบลงไปกับเบาะนั่ง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาเกือบจะปะทะกับหลังเบาะด้านหน้าเพราะแรงเบรกกะทันหัน ใจของเขาเต้นแรงทั้งตกใจและกลัว
เสียงเอะอะโวยวายด้านนอกทำให้มีนาไม่กล้าลุกขึ้นไปมอง มือเล็กบีบเบาะนั่งแน่นหลับตาสนิท ขดตัวกอดเข่าอยู่ภายใน
“พวกไหน”
“ยังไม่ทราบครับหัวหน้า แต่จู่โจมแบบนี้ตั้งใจชัด ๆ ไม่น่าจะใช้โจรธรรมดาแน่นอน”
“คุ้มกันคุณหนูให้ดี ส่งเสื้อเกราะให้ใส่ไว้ก่อน ถึงจะเป็นรถกันกระสุนก็เถอะ”
“ครับหัวหน้า”
“......” มีนาไม่ได้จับประเด็นเรื่องที่ได้ยินระหว่างหัวหน้ากับลูกน้องที่มาคุ้มกันเขาในวันนี้ หัวใจของมีตอนนี้เรียกได้ว่าเต้นไม่เป็นจังหวะ ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเรียบง่ายเสียจนไม่นึกไม่ฝัน ว่าจะมีวันที่เลวร้ายแบบนี้
“เล่นแบบนี้จะหนีไปไหนได้วะ”
“ทำยังไงดีครับหัวหน้า”
“นั่น หัวหน้า” มหิมองตามมือลูกน้องคนหนึ่งที่ชี้ออกไป เขาตัดสินใจปลดล็อกประตูรถทันที เวลาแบบนี้ถึงแม้จะไม่อยากญาติดีกับอีกฝ่ายก็ต้องทำ เพราะความปลอดภัยของคนที่เขารับหน้าที่มาสำคัญที่สุด
พลั่ก!
"..."
"ลงมา"
"คุณเป็นใคร"
"ลงมาก่อน ที่นี่อันตราย"
“ผมไม่ไปกับคุณ”
“คุณหนูรีบไปเถอะครับ ตรงนี้ไม่ปลอดภัย”
“แต่…”
“ลงมาสักที” อคินดึงแขนเล็กให้ลงจากรถตามเขามา นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเขาผ่านมาทางนี้ก็ไม่มีทางรู้เลยว่าเกิดอันตรายขึ้นกับศินท์พิรัช ร่างสูงพยายามพามีนาเดินหลบดงกระสุนที่สาดใส่กลุ่มคนร้ายไม่ทราบฝ่ายไปยังรถส่วนตัวของเขาที่อยู่ถัดไปไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ
"คุณเป็นใคร"
"ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาตอบคำถาม" แขนแกร่งรัดคนตัวเล็กกว่าไว้ในอ้อมกอด เขาหมอบต่ำโดยมีลูกน้องเป็นเกราะกำบังช่วยเขาอยู่ อคินไม่ตอบคำถามเขาเปิดประตูรถยัดร่างเล็กเข้าไปก่อนที่จะสั่งให้เสือออกรถทันที
"ไปที่บ้านฉัน"
"อะไรนะ คุณคิดจะลักพาตัวผมงั้นเหรอ"
"..."
"บอกคุณมารุติ มีนาตกอยู่ในอันตราย คนของเขาคุ้มกันไม่ไหว"
"ครับคุณคิน"
"คุณฟังที่ผมพูดบ้างหรือเปล่า คุณเป็นพวกไหนกันแน่"
"ฉันไม่ใช่พวกนั้นก็แล้วกัน" อคินละสายตามองไปยังกระจกหลังที่มีรถขับตามมา เสือเองก็มองเช่นกันหลังวางสายเขาหยิบปืนพกสั้นเตรียมตัวปะทะกับพวกนั้นหากมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล การคุ้มกันคุณอคินเป็นหน้าที่ของเขา
ชายหนุ่มหักเลี้ยวรถเข้าซอยเปลี่ยวด้านซ้ายของถนน เส้นทางนี้เขาค่อนข้างชำนาญเพราะเป็นทางลัดและไม่ค่อยมีผู้คนมากมาย ถึงจะเป็นแหล่งซ่องสุมกลุ่มโจรลักเล็กขโมยน้อยก็ตาม กับเขาไม่มีใครกล้าทำอันตรายได้อยู่แล้ว
เบื้องหน้าคือคลองน้ำดำมีเสาเหล็กสนิมเกรอะ เสือเหยียบคันเร่งทำความเร็วเพื่อหนีรถคันข้างหลังให้พ้น
"นั่นมัน คุณ"
"ไอ้เสือ"
"ไว้ใจผมครับคุณคิน" อคินไว้ใจลูกน้องของตัวเองทั้งสี่คนไม่ว่าจะเป็นเสือ สิงห์ กระทิงหรือแรด ทุกคนล้วนถูกป๊าฝึกมาอย่างหนักเพื่อให้ดูแลเขาและช่วยงานกิจการทั้งหมดที่ไทย มีนาหลับตาแน่นสนิทหัวใจแทบจะหยุดเต้นเมื่อมองเห็นเบื้องหน้า ร่างกายถูกแขนแข็งแรงของคนข้าง ๆ คว้าเข้าไปในอ้อมกอด
เสียงล้อรถกระทบกับพื้นถนนดังลั่นเมื่อมันทรงตัวแบบผิด ๆ จังหวะเลี้ยวของเสือเรียกได้ว่ายิ่งกว่ามืออาชีพในสนามแข่งรถ เส้นยาแดงผ่าแปดเฉียดกับรั้วเหล็กไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น ในขณะที่เสียงรถด้านหลังเหมือนกำลังชนกับอะไรสักอย่างก่อนจะได้ยินเสียงคล้ายของหนักตกลงไปในน้ำ
ตู้ม!
น้ำในคลองกระเด็นขึ้นมาพอให้ได้เห็น ชายหนุ่มสองคนหันไปมองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ยังอ่อนหัดไปนักถ้าหากจะมาเล่นกับคนอย่างพวกเขา
ลูกน้องทั้งสี่คนของอคินไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะขึ้นมาอยู่ตรงจุดนี้ จุดที่ยอมตายแทนเขาได้ ทุกคนต้องมีฝีมือที่มากกว่าเขาหลายเท่าตัว
“ปลอดภัยแล้วครับ”
“อืม”
"คุณคิน คุณหนูเล็ก"
"...มีนา มีนา!"
"เอายังไงต่อครับ"
"ไปโรงพยาบาลคุณแม่ก่อน" เสือพยักหน้าให้หันไปสนใจทางข้างหน้า เขากดโทรศัพท์บอกกับแรดให้จัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อยก่อนที่ผู้กองจิระจะเข้ามาจัดการ เหลือไว้แค่เพียงข้างนอกที่ต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่จัดการ เรื่องนี้ยังไม่รู้สาเหตุแน่ชัดว่าเกิดจากอะไร และใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
แรดโทรรายงานให้เสือรับรู้ว่าเก็บกวาดเรียบร้อยดีแล้ว ไม่เหลือให้สงสัยสาวตัวมาถึงอคินให้ยุ่งยากแน่นอน ตอนนี้ทั้งเสือและอคินยังคงนั่งรอคนตัวเล็กฟื้นภายในห้องพักพิเศษบนชั้นห้าของตึกผู้ป่วย ร่างสูงจำเป็นต้องโทรรายงานคุณแม่ก่อนเพราะไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจ และไม่อยากให้ป๊าต้องรับรู้เรื่องนี้ทีหลัง ความลับที่เขาตั้งใจจะปิดเอาไว้คงต้องพับมันลงแล้วปล่อยให้ผู้ใหญ่เข้ามาจัดการแทน
"คุณอคินจะดื่มกาแฟไหมครับ ตอนนี้สองทุ่มแล้ว คุณมารุติกำลังเดินทางมาที่นี่พร้อมกัยลูกน้องคนสนิทครับ"
"อืม สักหน่อยก็ดี เด็กนี่ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาง่าย ๆ สักที"
“เดินทางเหนื่อยมาทั้งวัน ไหนจะต้องมาเจอเรื่องน่าตกใจขนาดนี้ ร่างกายอ่อนล้าเป็นธรรมดาครับ คุณคินเองก็ต้องพักผ่อนบ้าง”
“ฉันคงได้พักหลังจากเรื่องนี้จบลง ไปเอากาแฟมาให้ฉันเถอะ”
"ครับ" เสือโค้งหัวเล็กน้อยเดินออกจากห้องพักคนไข้ไป อคินถอนหายใจแผ่วเบาลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปนั่งบนเตียงจ้องมองใบหน้าขาวของมีนาชัด ๆ ยังไม่พ้นยี่สิบสี่ชั่วโมงที่เมืองไทยก็ถูกตามฆ่ากันแล้ว แบบนี้จะปล่อยไปให้ไกลสายตาได้อีกงั้นหรือ หากว่าการกระทำของพวกนั้นในวันนี้คือจุดหมายเดียวกับการที่เมษาหายตัวไป เขาจะได้หาเบาะแสจากพวกมัน
เสือรายงานกับเขาว่าแรดจับตัวคนซุ่มยิงไว้ได้หนึ่งคน และนำมันไปขังไว้ที่เซฟเฮ้าส์ที่สองของเขา ไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ที่ไหนแม้แต่ป๊าที่มักจะเดาทางเขาออกทุกครั้งก็ยังหาไม่เจอ
มือหนาจับผ้าห่มนวมยกขึ้นปิดลำคอของอีกฝ่าย บนแขนเล็กมีน้ำเกลือที่ใกล้จะหมดขวด หากฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็กลับบ้านได้ทันที หมอใหญ่แจ้งว่ามีนาคงจะตกใจจนช็อกเลยทำให้หมดสติบวกกับการเดินทางที่ยาวนานร่างกายเลยอ่อนเพลียง่าย
"อืมมม ร้อน"
"อย่าดึงผ้าออก"
"ร้อน" มือเล็กปัดป่ายดึงผ้าห่มออกจากตัวเพราะรู้สึกร้อน อคินอังหลังมือไปที่หน้าผากเนียนของเจ้าตัว มีนามีอาการไข้ขึ้นเล็กน้อยและไม่สบายตัวจึงได้ปัดผ้าห่มออก ร่างสูงพยายามที่จะไม่หงุดหงิดเพราะเขาไม่ชอบคนโวยวายไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
"นี่มัน สร้อยโลมา…ของฉันนี่ ไปอยู่ที่นายได้ยังไงกัน มีนา ตื่นขึ้นมา"
"ปล่อย ร้อน"
"มีนา ตื่น มีนาตื่นขึ้นมา!"
แกร๊ก
"นั่นคุณจะทำอะไร ปล่อยลูกชายผมเดี๋ยวนี้นะ" มารุติเดินอย่างรวดเร็วเข้ามาดึงให้อคินถอยออกไป เสือเห็นเข้าจึงรีบเข้าไปช่วยเจ้านายตัวเอง อคินยกมือเป็นสัญญาณไม่ให้ลูกน้องเขาทำอะไรแม้จะมีลูกน้องของอีกฝ่ายพร้อมจะจู่โจมก็ตาม ที่นี่โรงพยาบาลจะไม่มีใครทำอะไรเป็นการรบกวนคนไข้รวมไปถึงสถานที่ของคุณแม่เขาได้เด็ดขาด
มีนาลืมตาตื่นขึ้นมามองเห็นแสงไฟภายในห้องแสบตาจนต้องหลับตาอีกครั้ง เขาเหมือนหนักหัวจนต้องยกมือขึ้นกุมเอาไว้
"เรียกหมอมาตรวจอีกที"
"ครับคุณคิน"
"ผมจะพาลูกผมกลับ"
"ให้หมอตรวจให้แน่ใจก่อนเถอะครับคุณมารุติ เกิดเป็นอะไรหนักขึ้นมาจะได้รักษาทัน"
"ไม่ดีกว่าครับ ตระกูลผมมีหมอประจำ คงไม่รบกวนคุณจะดีกว่า"
"ผมยังไม่ให้ไป"
"..."
Tbc.

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา