21 เม.ย. 2023 เวลา 03:00 • ธุรกิจ

เทคโนโลยี Web3 กับการปฎิวัติกลยุทธ์ CRM ยุคดิจิทัล

ในยุคของ Web2 ผู้ประกอบการธุรกิจมักเลือกใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆอย่างเช่น Social Meida ในการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) แต่ในยุคของเทคโนโลยี Web3 ผู้ประกอบการสามารถใช้เครื่องมืออย่าง Wallet,Token Digital และ NFT ในการทำ CRM กับลูกค้าได้หลากหลายและสามารถปิดจุดอ่อนที่มีใน Web2 ได้
ยืนยันความเป็นเจ้าของและซื้อขายถ่ายโอนได้ด้วย Blockchain
พื้นฐานเทคโนโลยีของ Web3 คือ Blockchain ซึ่งมีคุณสมบัติในการพิสูจน์ยืนยันความเป็นเจ้าของได้รวมถึงการตรวจสอบธุรกรรมย้อนหลังซึ่งไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ นอกจากนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มอินเทอร์เนตตลอดจนการชำระเงินในโลกของ Web2 ได้ นี้คือจุดแข็งเชิงโครงสร้างเทคโนโลยีของ Web3
นอกจากนี้ยังมีความเป็น Decentralized ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับผู้ใช้งาที่อยู่ทั่วโลกได้อย่างไร้ขอบเขต ซึ่งคอนเซบท์ดังกล่าวนี้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถนำมาปรับใช้กับกลยุทธ์ทางด้าน CRM กับลูกค้าได้หลากหลายรูปแบบ
แต้มสะสมในรูปแบบโทเคนดิจิทัล
ธุรกิจหรือร้านค้าที่เน้นจับกลุ่ม Consumer โดยตรงหรือแบบ B2C อาจจะมีการสร้างสายสัมพันธ์กับลูกค้าด้วยการเก็บสะสมแต้มเมื่อเข้ามาซื้อสินค้าและบริการซึ่งรูปแบบการจัดเก็บอาจจะอยู่ในรูปของ Physical อย่างเช่นแผ่นกระดาษหรือการ์ดต่างๆหรือถ้าในรูปแบบดิจิทัลอาจจะอยู่ในแอปพลิเคชั่นต่างๆ
แต่ข้อเสียของการสะสมแต้มในระบบเดิมคือความไม่สะดวกในการจัดเก็บรวมถึงแต้มในรูปแบบดิจิทัลจะอยู่ในระบบปิดหรือใช้ได้เฉพาะธุรกิจที่ให้มาเท่านั้น บางครั้งที่ธุรกิจนั้นมีปัญหา แต้มที่ได้มาก็อาจจะสูญค่าไปก็ได้หรือสิทธิประโยชน์ที่ได้ไม่ตรงกับความต้องการของตัวเอง
หากเป็นเทคโนโลยี Web3 ร้านค้าหรือธุรกิจสามารถที่จะใช้โทเคนดิจิทัลมาเป็นแต้มสะสมได้ซึ่งการทำงานบน Blockchain ทำให้แต้มสะสมที่อยู่ในรูปแบบโทเคนดิจิทัลสามารถถ่ายโอนซื้อขายหรือนำไปแลกเปลี่ยนกับธุรกิจอื่นที่ใช้โทเคนดิจิทัลเป็นโครงสร้างเทคโนโลยีเหมือนกันซึ่งจะช่วยให้มีสภาพคล่องและลูกเล่นในการใช้งานมากขึ้น
บัตรสมาชิกในรูปแบบ NFT Collections
สิ่งหนึ่งที่นำมาใช้ยืนยันการเป็นสมาชิกของร้านค้าหรือธุรกิจเพื่อที่จะรับสิทธิพิเศษต่างๆนั่นคือบัตรสมาชิกที่อาจจะอยู่ในรูปแบบของการ์ดแข็งหรือดิจิทัล แต่ในตอนนี้ธุรกิจสามารถที่จะใช้ NFT ในการยืนยันสิทธิการเป็นสมาชิกได้เช่นกันด้วยจุดเด่นของการที่เป็นโทเคนซึ่งมีเพียงชิ้นเดียวสามารถตรวจสอบยืนยันตัวได้บนบล็อกเชนจึงสามารถนำมาใช้แทนสิทธิพิเศษส่วนตัวได้
นอกจากนี้เจ้าของ NFT ยังสามารถที่จะขายต่อให้กับบุคคลอื่นได้แบบตัวต่อตัวหรือ P2P รวมถึงตลาดซื้อขาย (Marketplace) โดยผู้ที่ซื้อต่อไปก็ยังได้สิทธิจากร้านค้าเช่นเดิม ส่วนธุรกิจผู้ออก NFT สามารถที่จะสร้างรายได้พิเศษจากการขาย NFT ได้อีกด้วย
Utility NFT
NFT ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของงานศิลปะดิจิทัลเท่านั้นแต่มีคุณสมบัติในฐานะการเป็นโทเคนดิจิทัลที่มีความเป็นหนึ่งเดียว (Non Fungible Token) จึงสามารถที่จะนำมาใช้งานได้หลากหลายในโลกของ Blockchain อื่นๆไม่ว่าจะเป็น DeFi GameFi หรือ Metaverse
ตัวอย่างเช่นไอเท็มที่ใช้ภายในเกมส์ Avatar ที่ใช้ใน Metaverse สินทรัพย์เสมือนที่ซื้อขายหรือลงทุนใน DeFi ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้มีโอกาสที่จะเข้ามาแชร์ส่วนแบ่งการตลาดของเทคโนโลยีเดิมในยุค Web2 นักการตลาดจึงสามารถนำ Utility NFT เหล่านี้มาใช้เป็นเครื่องมือการทำ CRM ได้อีกด้วย อย่างเช่นการซื้อ NFT และแถมสินค้าที่ใช้งานได้จริงควบคู่ไปด้วย
NFT ยังสามารถที่จะใส่ Smart Contract ลงในตัวโทเคนได้อีกด้วยจึงทำให้การใช้งานมีความหลากหลายและยืดหยุ่นมากขึ้น
การมีส่วนร่วมของชุมชนผู้ใช้งานผ่านคอนเซบท์ DAO
สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ความสัมพันธ์กับแบรนด์และลูกค้ามีความเหนียวแน่นขึ้นคือการสร้างความมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและเสนอนโยบายต่างๆ ซึ่งในเทคโนโลยี Web3 สามารถใช้โทเคนดิจิทัลเป็นตัวแทนของลูกค้าหรือผู้ใช้งานได้ เสมือนกับเป็นตัวแทนของการลงคะแนนเสียงหรือเลือกตั้งโดยผู้ที่ถือโทเคนจำนวนมากก็มีเสียงในการแสดงความคิดเห็นเท่ากับจำนวนโทเคนที่มี
คอนเซบท์ดังกล่าวเรียกว่า DAO หรือ Decentralized Autonomous Organization ซึ่งใช้ Smart Contract ในการบริหารจัดการแบบอัตโนมัติจึงมีความโปร่งใสสูงและไม่มีอคติเหมือนกับการปกครองโดยมนุษย์ และยังช่วยให้ผู้ใช้งานซึ่งอาจจะอยู่กันละประเทศสามารถมีส่วนร่วมในคอมมูนิตี้ได้พร้อมกัน
กล่าวได้ว่า Web3 คือ เทคโนโลยีที่ภาคธุรกิจสามารถนำมาใช้ต่อยอดทางธุรกิจได้จริงไม่ได้เป็นเพียงแค่สินค้าเก็งกำไรอย่างเดียวและยังสามารถเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจได้อีกด้วย ถือเป็นเทคโนโลยีที่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ไม่ควรพลาดที่จะศึกษาตั้งแต่ตอนนี้
โฆษณา