Lee Byung-Chul ผู้ก่อตั้งซัมซุงซึ่งแต่เดิมทีทำธุรกิจเล็กๆ เป็นธุรกิจค้าของชำ ปลาแห้ง หรือแม้กระทั่งขายผักโดยเป็นการนำผลผลิตจากเกาหลีและส่งไปยังจีนตอนเหนือเพื่อป้อนให้กับเหล่าทหารญี่ปุ่นในช่วงยุคสงครามเกาหลี
เกาหลีเป็นประเทศที่ยากจนไม่มีอุตสาหกรรมหรือเทคโนโลยีอะไรเลย แต่ Lee เองมีความฝันที่จะสร้างธุรกิจที่ยิ่งใหญ่และสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศของพวกเขา
Lee ได้เริ่มขยายธุรกิจหลังสงครามโดยที่ทำสิ่งต่างๆเพื่อผลประโยชน์ของประเทศทำให้เหล่านักการเมืองก็หันมาสนับสนุน Lee ในการผลักดันให้กิจการของเขาเติบโตขึ้น ขยายธุรกิจไปตั้งแต่การแปรรูปหนัง สิ่งทอ ปุ๋ย การก่อสร้าง การธนาคาร รวมถึงธุรกิจด้านประกันภัย
2
ซึ่งตอนนั้นเศรษฐกิจของเกาหลีก็เริ่มเฟื่องฟูในช่วงปี 1960 และปี 1970 แต่ Lee มีความฝันที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นต้องการที่จะเข้าสู่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยเขาได้เฝ้าดูบริษัทยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นโตชิบาและฟูจิตสึซึ่งครองตลาดชิป DRAM ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 และต้นทศวรรษที่ 1980
แม้ว่าการที่จะก้าวข้ามจากประเทศยากจนไปเป็นประเทศที่ใช้แรงงานทักษะสูงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่าการผลิตชิปเป็นเรื่องที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยเป็นอย่างมาก แต่ว่า Lee เองก็ไม่เคยย่อท้อ
Bill Hewlett and Dave Packard สร้าง HP ขึ้นมาจากโรงรถ (CR : Kid News)
การที่ฝันของ Lee จะเป็นจริงก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลแน่นอนว่าเงินทุนเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ด้วยความที่มีคอนเนคชั่นที่ดีมากๆ กับหน่วยงานรัฐบาลอยู่แล้วทางรัฐบาลก็ยืนยันที่จะสนับสนุน Lee ในการเดิมพันในการผลิตชิปของซัมซุง และถือเป็นการเดิมพันในการสร้างชาติใหม่สู่ยุคความรุ่งเรืองอีกด้วย
ฝั่งสหรัฐอเมริกาไม่ได้เป็นเพียงแค่ตลาดสำหรับชิป DRAM ของเกาหลีใต้เท่านั้นเพราะว่าผู้ผลิตในซิลิคอนวัลเลย์เองก็มีการส่งต่อเทคโนโลยีให้กับซัมซุงด้วย เพราะว่าตอนนั้นมีการแข่งขันจากญี่ปุ่นเอง ทำให้บริษัทอเมริกันส่วนใหญ่ใกล้จะล่มสลายเต็มทีจึงได้ถ่ายโอนเทคโนโลยีชั้นสูงไปยังเกาหลี
1
Lee จึงได้ออกใบอนุญาตการออกแบบสำหรับชิป 64K DRAM ของ Micron ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพหน่วยความจำซึ่งตอนนั้นขาดเงินทุนเป็นอย่างมาก ซึ่งมันเป็นทางลัดที่สำคัญมากๆของซัมซุงในการก้าวขึ้นมากลายเป็นมหาอำนาจทางด้านเซมิคอนดักเตอร์ แถมมันเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวของทางสหรัฐอเมริการวมถึงบริษัทในซิลิคอนวัลเลย์