2 พ.ค. 2023 เวลา 04:45 • สุขภาพ

😫ท้องผูก

🤰ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ท้องผูกและจำเป็นต้องใช้ยา สามารถใช้ยาระบายกลุ่มต่าง ๆ ได้เช่นเดียวกับผู้ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ อาทิเช่น
▶️ยาระบายชนิดเพิ่มปริมาณอุจจาระ​ (bulk-forming laxatives)​ ได้แก่​ ไฟเบอร์จากเมล็ดเทียนเกล็ดหอย (psyllium husk), เมทิลเซลลูโลส (methylcellulose)​
ยาระบายเหล่านี้ออกฤทธิ์เพิ่มปริมาณอุจจาระโดยดูดน้ำไว้ในลำไส้ใหญ่ ทำให้ลำไส้ใหญ่ขยาย ส่งผลกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวและเกิดการขับถ่าย
ก่อนกินยาในกลุ่มนี้ต้องปล่อยให้ยาพองตัวในน้ำให้เต็มที่ก่อน และต้องดื่มน้ำตามให้เพียงพอเพื่อป้องกันไม่ให้ยาอุดตันทางเดินอาหาร
▶️ยาระบายชนิดเพิ่มน้ำในลำไส้ (osmotic laxative) เช่น​ polyethylene glycol / PEG แลคตูโลส และซอร์บิทอล ยากลุ่มนี้มีความสามารถในการดูดน้ำเข้ามาในลำไส้ได้ด้วย​ แต่ตัวยาไม่ใช่เกลือ​ ซึ่งน้ำที่ดูดซึมเข้ามาจะทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม เพิ่มแรงดันในลำไส้ กระตุ้นให้เกิดการบีบตัวของลำไส้ และขับถ่ายอุจจาระออกมา
นอกจากนี้แลคตูโลส ยังมีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติกส์ ซึ่งถูกย่อยโดยแบคทีเรียในลําไส้ใหญ่เกิดเป็นกรดอินทรีย์ซึ่งจะดูดน้ำเข้ามาในอุจจาระ ช่วยให้อุจจาระมีลักษณะอ่อนนุ่ม และยังสามารถกระตุ้นให้ลําไส้ใหญ่มีการเคลื่อนไหวดีขึ้น
▶️ยาระบายชนิดทำให้อุจจาระนุ่ม (ด็อกคิวเสต) ถือว่าไม่ถูกดูดซึมเข้าระบบร่างกาย​
ยาให้ผลช่วยขับถ่ายภายใน 1-2 วันหลังกินยา หากเป็นชนิดที่ให้ทางทวารหนักยาให้ผลช่วยขับถ่ายภายใน 15 นาที
▶️ส่วนยาอื่น ได้แก่ แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ บิซาโคดิล และยามะขามแขก ถูกดูดซึมเข้าร่างกายได้บ้างในปริมาณที่ถือว่าไม่มาก และไม่พบว่ายาทำให้เกิดผลเสียต่อทารกในครรภ์เมื่อมารดาใช้ยาเหล่านี้เป็นครั้งคราว
⛔ไม่แนะนำให้ใช้ยาระบายชนิดสวนทวารในหญิง​มีครรภ์​ เนื่องจากมีข้อมูลน้อย​ นอกจากนี้การใช้ยาระบายบ่อยเกินไปไม่ว่ายาชนิดใดอาจส่งผลกระทบต่อสมดุลอิเล็กโทรไลต์ของทารกหลังคลอด
.
.
👩‍👦ผู้หญิงที่ให้นมบุตรและมีอาการท้องผูก สามารถใช้ยาระบายกลุ่มต่าง ๆ​ อาทิเช่น
ยาระบายชนิดเพิ่มปริมาณอุจจาระ
ยาระบายชนิดเพิ่มน้ำในลำไส้ (พีอีจีและแล็กทูโลส) และ
ยาระบายชนิดทำให้อุจจาระนุ่ม (ด็อกคิวเสต) ถือว่าไม่ถูกดูดซึมเข้าระบบร่างกาย จึงไม่พบในน้ำนม
ส่วนยาอื่น ได้แก่ แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ บิซาโคดิล และยามะขามแขก ถูกดูดซึมเข้าระบบร่างกายได้บ้างในปริมาณที่ถือว่าไม่มาก การใช้ยาเป็นครั้งคราวไม่พบยาเหล่านี้ในน้ำนม มีเพียง​ ​metabolite (ซึ่งหมายถึงสารที่เกิดจากกระบวนการสร้างและสลาย) ของยามะขามแขก (ได้แก่ rhein ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์) ที่พบได้เล็กน้อยในน้ำนมและไม่ส่งผลกระทบต่อทารกที่ดื่มนมมารดา
.
.
🧙‍♂️ผู้สูงอายุแม้ใช้ยาระบายกลุ่มต่าง ๆ ได้ แต่ไม่ควรใช้ยาระบายชนิดกระตุ้นการทำงานของลำไส้บ่อยเกิน (เช่น​ บิซาโคดิล และยามะขามแขก)
ในผู้สูงอายุบางรายการบีบตัวของลำไส้ลดลง​ ยาระบายชนิดเพิ่มปริมาณอุจจาระ​ (เช่น​ ไฟเบอร์จากเมล็ดเทียนเกล็ดหอย)​ อาจทำให้ท้องอืดหรือไม่ขับถ่าย
ยาที่มีการศึกษาค่อนข้างมากที่สนุบสนุนทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัยแม้ใช้เป็นเวลานานในผู้สูงอายุคือพีอีจี
แล็กทูโลสมีการใช้มากในผู้สูงอายุเช่นกันแต่มีประสิทธิภาพด้อยกว่าและมีผลข้างเคียงมากกว่าพีอีจี
โดยพีอีจีทำให้ระคายลำไส้ใหญ่​ และแล็กทูโลสทำให้คลื่นไส้
หากยังคงมีอาการท้องผูกเรื้อรังหลังจากใช้ยาระบายชนิดเพิ่มน้ำในลำไส้ไปนานไม่น้อยกว่า 6 สัปดาห์ สามารถเปลี่ยนไปใช้ยาระบายชนิดกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ซึ่งอาจเป็นบิซาโคดิลหรือยามะขามแขก
แต่ถ้าอุจจาระอัดเป็นก้อนแข็งจนถ่ายไม่ออก​ ควรพิจารณาใช้ยาระบายชนิดยาสวนหรือยาเหน็บทวาร
😊โดยสรุปหากไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาระบาย โดยให้กินผักผลไม้​ และอาหารที่มีกากใยอาหารสูง เช่น​ ข้าวโอ๊ต​ ดื่มน้ำให้มากขึ้น​ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ​
หรือเพิ่มอาหารที่มีโพรไบโอติกส์ (Probiotics)​ ซึ่งเป็นจุลินทรีย์มีประโยชน์ที่อาศัยอยู่ภายในร่างกายมนุษย์ ส่งผลดีต่อการทำงานของลำไส้และการขับถ่าย ช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเสีย ท้องผูก และอาการปวดท้องด้วยการปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งโพรไบโอติกส์พบได้ในอาหารหมักดอง เช่น โยเกิร์ต กิมจิ และอื่นๆ​
แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ยาระบาย ควรขอคำปรึกษาจากเภสัชกรใกล้บ้านก่อนเสมอ​
.
.
😄มี​ปัญหา​เรื่อง​การ​ใช้​ยา​ เชิญ​ปรึกษา​เภสัชกร​
.
.
💢
.
ภาพ​ cover จาก
.
.
POSTED 2023.05.02
บทความอื่น
ยาระบาย
ยาสวนทวาร
🍌ก็แค่ยาระบาย​ เรื่องกล้วยๆ​ - milk of magnesia
🔰Forlax®
📌ไฟเบอร์สำหรับคนเป็นท้องผูก
ยาระบาย​ - โรคไต
😰ท้องผูกเรื้อรัง​
โฆษณา