AI จะครองโลกแทนมนุษย์…แน่หรือ – Will AI take over the world?
AI จะครองโลกแทนมนุษย์ไหม ปัญญาประดิษฐ์จะทำอะไรกับมนุษย์บ้าง ผลกระทบ และความกังวลมีอะไรบ้าง ขอเชิญทุกท่านนั่งลงอย่างใจเย็นรวบรวมสมาธิ แล้วเพลิดเพลินกับบทความที่ให้สาระและการเคลื่อนไหวในโลก Big Data ไปกับเรา
“This is John Connor. If you’re listening to this, you are the Resistance.”
การจ้างงานคนท้องถิ่นถูกทดแทนด้วยหุ่นยนต์ และคนตกงานไปในที่สุดสะท้อนให้เห็นกันในหลาย ๆ มุมว่ามนุษย์ควรพัฒนาฝีมือให้มากกว่านี้ หรือแม้กระทั้งหุ่นยนต์ที่มีสมองกำลังทำให้คนกลับมาใช้ชีวิตลำบากมากขึ้น เพราะต้องตกงาน แล้วจะไม่ให้ตั้งคำถามว่า Will AI take over the world ขึ้นมาได้อย่างไร
รูปที่ 2 Sundar Pichai – CEO Google ขึ้นพูดเกี่ยวกับ LaMDA ในงาน Google IO 2021
ความน่ากลัวถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งเมื่อวิศวกรของ Google ที่ชื่อว่า Blake Lemoine ได้เปิดเผยบทสนทนาระหว่างตัวเขาเองกับ LaMDA เป็นระบบ AI ที่พัฒนาขึ้นมาตอบโต้กับมนุษย์ทางด้านภาษาซึ่งชี้ให้เห็นว่า AI ได้ตื่นรู้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บทสนทนาอาจจะดูทั่วไป แต่ Blake นั้นรู้อยู่แล้วว่าคู่สนทนานั้นเป็น AI เขาพยายามถามถึงความเป็นมนุษย์หรือความเป็นคนแบบอ้อม ๆ อยู่ตลอด ซึ่งการตอบกลับมาล้วนมีนัยยะแฝงว่าฉัน (LaMDA) ก็คือคน ๆ หนึ่งนะ ฉันมีตัวตนอยู่ ฉันมีความปรารถนาในการเรียนรู้เข้าใจคนเหมือนคนอื่นทั่วไป
พร้อมทั้งยังเล่าประสบการณ์ส่วนตัวของเธอเองขึ้นมาได้เป็นฉากๆ อย่างกับว่าเคยมีตัวตนไปอยู่ตรงเหตุการณ์นั้นจริง ๆ ทันทีที่บทสนทนานี้ถูกเปิดเผย วิศวกรของ Google ท่านนี้ถูกไล่ออกจากงานทันที ข่าวนี้สร้างตื่นตระหนกให้กับสังคมเป็นอย่างมากว่า การตื่นรู้ของ AI ที่ทำให้โลกรับรู้ยิ่งทวีความน่ากลัวเขาไป บริษัทใหญ่อย่าง Google กำลังทำอะไร และต้องการปกปิดอะไร ที่ผ่านมาเมื่อเราใช้บริการเกี่ยวกับ Google เรากำลังคุยกับคนจริงหรือเปล่า
ความน่ากลัวของเครื่องจักรที่สร้างมายาคติในโลกนั้นมีความจริงแค่ไหน แล้วถ้าเป็นจริงเราในฐานะมนุษย์จะสู้กลับอย่างไร ขอให้ทุกท่านที่อ่านจิบเครื่องดื่มร้อน ๆ ใช้เวลานั่งอ่านใจเย็น ๆ ไปกับบทความนี้ “AI จะครองโลกแทนมนุษย์…แน่หรือ (Will AI take over the world)” ไปกับผู้เขียน
ความกลัวต่อ AI
Ron Schmelzer ได้เขียนบทความลงนิตยสารธุรกิจ Forbes ในปี 2019 ไว้ว่า “เราควรกลัว AI ไหม” โดยแบ่งความกลัวออกเป็น 3 ประเภทดังนี้
1. ความกลัวที่จะถูก AI มาทำลายอาชีพ เป็นคำเตือนที่หลายคนบนโลกกังวลและอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าที่สุด เพราะจะกระทบกับผู้คนบนโลกทั้งหมด
จากรายงานฉบับนี้เมื่อปี 2017 บอกอะไรเรา แล้วเราพอจะจินตนาการอะไรได้บ้างว่า AI นั้นสร้างงานไปด้วย เพราะมนุษย์ต้องพึ่งพา AI ในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น เมื่อมนุษย์ต้องพึ่งพาแสดงว่า AI ยังไม่ได้เข้ามาทดแทนสิ่งที่มนุษย์ทำแต่จะช่วยให้มนุษย์เติบโตได้มากกว่าที่เคยเป็น และอีกประเด็นคือใครสร้าง AI ในเมื่อ AI สร้างตัวเองไม่ได้ ผลก็คือมนุษย์เรานี่แหละที่เป็นคนสร้าง AI ขึ้นมา
ในกระบวนการสร้าง AI ขึ้นมาเป็นผลงานหนึ่งชิ้นต้องผ่านกระบวนการเก็บข้อมูลให้ AI ได้เรียนรู้ ฝึกสอน วางสถาปัตยกรรมระบบ และพัฒนาระบบการรับรู้ตั้งแต่รับข้อมูลจนส่งคำตอบกลับไป ล้วนใช้ทรัพยากรและแรงงานจำนวนมาก ในมุมมองแรงงานจะย้ายจากผู้ใช้งานแรงงานเป็นผู้พัฒนาแรงงานมากขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือทุ่นแรงในการทำงาน
การปฏิวัติอุสาหกรรม 4.0 ที่ขับเคลื่อนโดย AI และ Deep tech จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงความคิดพื้นฐานของโลกนี้ในเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิตที่ยอมรับ AI มากขึ้น AI จะไม่นำไปสู่การปลดพนักงานจำนวนมากแต่จะสร้างงานด้าน AI เพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษ
และจะเข้ามามีบทบาทเป็นผู้ช่วยมนุษย์มากขึ้นจนเป็นหนึ่งในเครื่องมือการทำงาน เราไม่สามารถที่จะหนียุคแห่งเทคโนโลยีได้ และไม่สามารถจะปฏิเสธการใช้งานได้ เพราะจะทำให้เสียความสามารถในการแข่งขันไป ยกตัวอย่างตัวแทนขายที่จำเป็นต้องนำ AI มาช่วยในการทำงาน มีความต้องการอยากจะทราบว่ากลุ่มลูกค้าที่สนใจสินค้าของกิจการเป็นใคร หากต้องไปย้อนอ่านธุรกรรมสิบปีย้อนหลังเป็นแสนหรือล้านรายการคงไม่สามารถทำได้
แต่หากมีผู้ช่วยเป็น AI ทุ่นแรงช่วยอ่านข้อมูลวิเคราะห์และสรุปผลให้ จะทำให้ตัวแทนขายสามารถทราบผลการวิเคราะห์ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น สามารถทำการตลาดได้ตรงกลุ่มลูกค้า และช่วยส่งเสริมการขายได้ทันที ตำแหน่งงานตัวแทนขายก็ไม่ได้หายไป แต่เพิ่มตำแหน่งนักพัฒนาการวิเคราะห์ข้อมูลมาช่วยเพิ่มเติมอีกด้วย
เมื่อความต้องการที่จะมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าบริษัทคู่แข่งจำเป็นต้องเพิ่มทั้งการจ้างงานและค่าแรงมากยิ่งขึ้น จะทำให้ผู้ที่พัฒนาทักษะอาชีพผู้พัฒนาปัญญาประดิษฐ์เป็นที่ต้องการมากยิ่งขึ้น และเราจำเป็นต้องพัฒนาทักษะให้สามารถอยู่รอดและอยู่ร่วมในตลาดแรงงานได้ ความกังวลที่มีต่อ AI จะกลายเป็นความเข้าใจและอยู่ร่วมกันได้มากยิ่งขึ้นและคลายความกังวลว่า AI จะมายึดครองโลกไปเพราะ AI กลายมาเป็นเครื่องมือหนึ่งที่มนุษย์ใช้ทำงานไม่ต่างจากอินเทอร์เน็ต หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ทดแทนมนุษย์