30 พ.ค. 2023 เวลา 01:11 • ไลฟ์สไตล์

"หยุดเติมอาหารกิเลส"

"... การบริโภคอาหารกิเลส คือ บริโภคด้วยตัณหา ความอยาก ความติดใจ ความเพลิดเพลินต่าง ๆ
3
เพราะฉะนั้นเวลาปฏิบัติ ท่านถึงสอนให้เราพิจารณา รู้ประมาณในการบริโภค พิจารณาโดยแยบคายก่อนบริโภคอาหาร
1
ถ้าอย่างพระ ก็จะมีปฏิสังขาโย ไม่กินเพื่อประดับ เพื่อเพิ่มกำลังกาย เพื่อความมัวเมา
บริโภคเพียงเพื่อบรรเทาทุกขเวทนาเก่า
เพียงเพื่ออัตภาพให้คงอยู่
ไม่ทำทุกขเวทนาใหม่ คือ ความอิ่มเกินไปให้เกิดขึ้น
นี่บริโภคอย่างมีสติ แล้วก็บริโภคอย่างนี้
คือพิจารณาตรงนี้ มันจะลดความติดใจ
ลดความเพลิดเพลิน ลดความกำหนัดยินดี
ลดการบริโภคอาหารกิเลสนั่นเอง
1
อาหารกิเลสนี่มีหลายอย่าง หลัก ๆ ก็คือสิ่งที่เราติดใจ เพลิดเพลินใจ หลงใหลนั่นแหละ
เพราะฉะนั้นในการปฏิบัติ เขาถึงพิจารณาพวกนี้ก่อน ละก่อน ละอาหารกิเลสก่อน กลายเป็นบริโภคที่มันเป็นอาหารของสติ อาหารของปัญญานั่นเอง การพิจารณาธรรม มีโยนิโสมนสิการ การพิจารณาโดยแยบคาย แล้วใช้สอยต่าง ๆ
ไม่ใช่เฉพาะอาหารเท่านั้น เครื่องนุ่งห่ม เวลาเราห่มกายจริง ๆ แล้ว รู้ประมาณ เสื้อผ้าก็ทำหน้าที่แค่ประดับ บดบังเหลือบ ยุง ลม แดด บรรเทาสิ่งที่เรียกว่าความอุจาดออกไปเท่านั้นเอง
อย่างพระนี่ก็ใส่ชุดอย่างนี้ ก็อยู่ได้ตลอดแล้ว ทำไมเราต้องสรรหา ประดับประดา
บ้านใครมีเสื้อผ้าเต็มตู้บ้าง ตู้เดียวไม่พอ เดี๋ยวเต็มบ้านเลยนะ บางทีเราไปดู เอ๊า บางทีเราซื้อมา เราไม่ได้ใช้เต็มไปหมด มีสารพัดแบรนด์สารพัดอะไร
รองเท้าใส่ได้ทีละคู่ บางคนมีเป็น 10 คู่เลย สารภาพมา ใครมีรองเท้าเกิน 10 คู่บ้าง บางทีมันก็ใส่ได้คู่เดียว แต่ทำไมเราต้องมีเยอะ อะไรขนาดนั้นใช่ไหม ?
1
จริง ๆ ชีวิตคนเรา ร่างกายคนเรา มันไม่ได้ใช้อะไรเยอะเลย ที่มันเยอะ คือ กิเลสในใจเราต่างหาก สนองความต้องการ แล้วมันไม่มีที่สิ้นสุด
"ห้วงน้ำแห่งตัณหาไม่มีที่สิ้นสุด"
เราอย่าคิดว่าเราสนองมันแล้ว มันจะรู้จักพอนะ มันเหมือนไฟ เวลามันเผาแล้ว มันมีแต่เผามากขึ้น มากขึ้น ต่อให้เราจะกินได้ทั้งวัฏฏะ มันกินทั้งวัฏฏะนั่นล่ะ
มันไม่มีพอหรอก กิเลสน่ะ มันจะมากขึ้น มากขึ้น มีกำลังขึ้น แล้วมันจะกดหัวเรา มันทำให้เราตกเป็นทาสมันอยู่ร่ำไป มันมีแต่ต้องค่อยๆ ลดการบริโภคอาหารกิเลสลง
เหมือนไฟที่มันลุกโชนแล้ว เราไม่มีกำลังไปดับมันหรอก เราต้องค่อย ๆ ลดเชื้อมันลง เอาเชื้อมันออก เอาเชื้อมันออก
สังเกตไหม ? เวลาไฟไหม้ป่า เค้าดับไม่อยู่หรอก เค้าต้องค่อยๆ ล้อมก่อน ไม่เติมเชื้อใหม่เข้าไป ให้มันเผาสิ่งที่มี ถ้ามันไม่มีเชื้อใหม่ เดี๋ยวมันจะค่อย ๆ มอดไปเอง
ไฟในใจท่านทั้งหลายก็เช่นกัน เมื่อมันติดแล้วมันดับไม่ลงหรอก เราต้องค่อยๆ ลดอาหารของกิเลสลง
ลดตัณหาลง ลดความทะยานอยากลง
ลดความติดใจ ความเพลิดเพลินในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส
การเสพสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัณหา ด้วยความอยาก มันจะคืออาหารกิเลส ต้องค่อยๆ ลดลง
1
เพิ่มอาหารของสติ อาหารของปัญญา
ก็คือการฝึกปฏิบัติ
การมีโยนิโสมนสิการ การพิจารณาโดยแยบคาย
การสำรวมอินทรีย์
ความเป็นผู้รู้ประมาณในการบริโภค
การประกอบความเพียรเป็นเครื่องตื่นอยู่
สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องหล่อเลี้ยง เพาะบ่มสติปัญญา
1
สติปัญญานี่แหละที่จะใช้ในการประหัตประหารกิเลส ดับความเร่าร้อนทั้งปวง ทำให้ท่านทั้งหลายมีชีวิตที่สงบ ชุ่มเย็น เป็นอิสระ กว้างขวางนั่นเอง …"
.
ธรรมบรรยาย
โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
1
Photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา