25 พ.ค. 2023 เวลา 03:15 • ความคิดเห็น

ต้นไม้ที่ปลูกในกระถางกับที่ปลูกในดิน จ่างกันอย่างไร?

ต้นไม้ คือ สิ่งมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มาช้านาน
เป็นตัวช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
แล้วคายออกซิเจนออกมา
เปรียบเหมือนปอดของโลกที่ช่วยฟอกอากาศให้กับทุกสิ่งมีชีวิต
ต้นไม้บางต้นมีอายุยาวนานหลายร้อยหลายพันปี
บางต้นมีอายุถึงหมื่นปีก็มี
แต่การที่ต้นไม้จะเติบโตมีอายุยาวนาน
สามารถให้คุณประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้
ต้นไม้ก็ต้องพึ่งพาบางสิ่งบางอย่างด้วยเช่นกัน
นั่นคือการได้รับน้ำ ได้รับอาหารจากดินและปุ๋ย
หากต้นไม้ต้นไหนได้รับอาหาร
ได้รับปุ๋ย ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
ต้นไม้ต้นนั้นก็จะเติบใหญ่ แข็งแรง
แผ่กิ่งก้านให้ความร่มเย็นแก่เรากลับมา
1
แต่หากต้นไม้ต้นไหนที่ไม่ได้รับอาหาร
ไม่ได้รับการเหลียวแลเลย ในไม่ช้าต้นไม้ต้นนั้น
ก็จะแห้งเหี่ยวเฉาตายลง
อย่างที่ทุกคนรู้ว่าต้นไม้คือปอดของโลก ช่วยฟอกอากาศให้กับสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้
การปลูกต้นไม้จึงนับเป็นการช่วยโลก ช่วยสิ่งมีชีวิตได้ในทางหนึ่ง
ต้นไม้เดิมทีนั่นจะถูกปลูกลงในดิน แต่ด้วยพื้นที่ใช้สอยในปัจจุบันที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้มีการปลูกต้นไม้ลงในกระถางด้วย ซึ่งการปลูกต้นไม้ลงในดิน กับ การปลูกต้นไม้ลงในกระถาง ก็ให้ผลที่แตกต่างกัน
การปลูกต้นไม้ลงในดินที่อุดมสมบูรณ์ จะทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้ดี เพราะรากสามารถชอนไชหาแร่ธาตุแหล่งอาหารได้ แม้ว่าเราจะลืมรดน้ำต้นไม้ก็ตาม เราไม่จำเป็นต้องดูแลประคบประหงมมากมาย แต่หากปลูกต้นไม้ลงในดินที่ไม่เหมาะสม ไม่อุดมสมบูรณ์ ต้นไม้ก็ไม่เจริญเติบโต
ในขณะที่การปลูกต้นไม้ลงในกระถาง เราสามารถควบคุมสภาวะของดินให้เหมาะสมกับพันธุ์ต้นไม้ได้ ซึ่งก็จะทำให้ต้นไม้ออกดอกออกผลได้ดี แต่ถ้าเราปลูกต้นไม้ลงในกระถางที่ใหญ่เกินไป รากไม้ก็จะดูดน้ำไปได้ไม่หมด สภาพดินก็อาจจะอุ้มน้ำจนทำให้รากเน่าได้ แต่ถ้าเราปลูกต้นไม้ลงในกระถางที่เล็กเกินไป ต้นไม้ก็จะแคะแกร็นไม่เติบโต และที่สำคัญ คือ เราต้องไม่ลืมรดน้ำ เพราะรากต้นไม้ไม่สามารถชอนไชไปหาแร่ธาตุได้จากดินที่อื่นนอกจากภายในกระถางเหมือนอย่างการปลูกต้นไม้ลงในดิน การรดน้ำอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็น
จากที่กล่าวมาหากเปรียบการปลูกต้นไม้เหมือนกับการเลี้ยงดูเด็ก
การปลูกต้นไม้ลงในดินก็อาจเหมือนกับการเลี้ยงเด็กแบบปล่อยให้ไปเผชิญชีวิตเอง ไปเผชิญกับโลกภายนอกด้วยตัวเอง เด็กจะต้องฝึกความรับผิดชอบเพื่อเอาตัวเองให้รอด ซึ่งแน่นอนว่าเด็กจะต้องแบกรับความกดดัน เจอปัญหามากมายที่ต้องแก้ด้วยตัวเอง แต่หากผ่านมาได้ก็จะทำให้เด็กแข็งแกร่งยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้
ในขณะที่การปลูกต้นไม้ลงในกระถางก็อาจเหมือนการเลี้ยงเด็กแบบอยู่ในสายตา ที่เราจะต้องคอยดูแลจัดเตรียมสภาพแวดล้อมทุกอย่างให้เหมาะสม เพื่อที่จะให้เด็กเจริญเติบได้อย่างดี ข้อดี คือ จะมีผู้ใหญ่คอยดูแลซัพพอร์ตให้ตลอด แต่ข้อเสียคือเมื่อวันที่คนซัพพอร์ตไม่อยู่แล้วก็อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายว่าเด็กจะอยู่รอดด้วยตัวเองได้อย่างไร
ซึ่งการดูแลทั้งสองแบบต่างก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป คงต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยและสภาวะแวดล้อมว่าอะไร คือ สิ่งที่เหมาะสมที่สุดกับเรา เพราะที่สุดแล้วไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงดูเด็ก หรือ การปลูกต้นไม้ ทั้งสองแบบ ต่างก็สามารถให้เด็กหรือต้นกล้าสามารถเจริญเติบโตออกดอกออกผลดีได้เช่นกัน
สำคัญที่เราต้องเริ่มลงมือปลูกต้นกล้ากันก่อนครับ
โฆษณา