ผลกระทบด้านลบของ "การปฏิวัติฝรั่งเศส (French Revolution)"
"การปฏิวัติฝรั่งเศส (French Revolution)" เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ที่ทำให้เกิดการตื่นตัวทางการเมืองและสังคม โดยจุดมุ่งหมายสำคัญคือการยกเลิกระบอบกษัตริย์ในฝรั่งเศสและก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยในฝรั่งเศส
กลุ่มคณะปฏิวัติมีจุดมุ่งหมายในการปลดปล่อยมวลชน ส่งเสริมความเท่าเทียมในสังคม และนำพาฝรั่งเศสเข้าสู่ยุคใหม่
แต่หากศึกษาประวัติศาสตร์จริงๆ แล้ว ก็จะพบว่าผลที่ตามมานั้นไม่ได้มีแต่ผลดี และการปฏิวัติก็ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จเสียทีเดียว ซึ่งนั่นก็คือสาเหตุที่ในฝรั่งเศส ยุคนี้ถูกขนานนามว่า "ยุคแห่งความน่าสะพรึงกลัว (Reign of Terror)"
ในช่วงเวลาของการปฏิวัติ "คณะกรรมาธิการความปลอดภัยสาธารณะ (Committee of Public Safety)" ซึ่งนำโดย "แม็กซีมีเลียน รอแบ็สปีแยร์ (Maximilien Robespierre)" ได้ใช้ความรุนแรงและการปราบปรามต่อบุคคลต่างๆ โดยใช้ข้ออ้างว่าเป็นการรักษาความสงบของคณะปฏิวัติและต่อสู้กับกลุ่มต่อต้านการปฏิวัติ
แม็กซีมีเลียน รอแบ็สปีแยร์ (Maximilien Robespierre)
กลุ่มคณะกรรมาธิการได้พยายามที่จะทำให้ประชาชนหวาดกลัวผ่านการปราบปรามโดยใช้ความรุนแรง และมีการประหารบุคคลเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้ประชาชน โดยบุคคลสำคัญต่างๆ ขุนนาง และประชาชนทั่วไปล้วนแต่ถูกสังหารเป็นจำนวนมาก
ยุคแห่งความน่าสะพรึงกลัวเป็นผลจากการกระทำของคณะปฏิวัติซึ่งไม่ได้ปฏิบัติตามหลักการที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรก นั่นคือแทนที่จะสร้างสังคมที่ยึดมั่นในเสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ แต่กลับสร้างสังคมที่มีแต่ความหวาดระแวงและความหวาดกลัว
มีการประเมินว่าในช่วงนี้ มีคนถูกประหารด้วยกิโยตินกว่า 17,000 คน ทั้งบุคคลสำคัญในวงสังคมชั้นสูงและบุคคลทั่วไป
เริ่มแรกเดิมที คณะปฏิวัติต้องการที่จะท้าทายอำนาจของราชวงศ์ รวมทั้งต้องการจะทำลายพริวิเลจต่างๆ ที่กลุ่มบุคคลชั้นสูงเพียงไม่กี่ครอบครัวได้รับและกัดกินสังคม โดยภาพความฝันของคณะปฏิวัติ คือสังคมที่ประชาชนทุกคนมีสิทธิต่างๆ อย่างเท่าเทียม ไม่มีชนชั้นทางสังคม และโอกาสก็มีสำหรับทุกคนอย่างเท่าเทียม
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในยุคนี้ คือประชาชนต่างอยู่อย่างหวาดระแวง ต่างคนต่างกลัวที่จะถูกกล่าวหาว่าเป็นศัตรูกับคณะปฏิวัติ ซึ่งความหวาดระแวงนี้ก็นำมาซึ่งผลร้ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการถูกจองจำ การทรมาน รวมทั้งการประหาร ทำให้บรรยากาศในสังคมอยู่ในความตึงเครียด
นอกจากผลกระทบทางการเมืองและสังคมแล้ว ภาคเศรษฐกิจก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
สงครามที่เกิดกับประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับความวุ่นวายทางการเมือง ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจฝรั่งเศส ความวุ่นวายเหล่านี้ทำให้การค้าชะงัก ภาคการผลิตก็ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ ตลาดก็ไม่มีความมั่นคง
ผลที่ตามมาคือภาวะเงินเฟ้อ การว่างงาน และความอดอยากของประชาชนพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งการก่อความไม่สงบก็ได้ทำให้อาคารต่างๆ ทั้งโรงงาน อาคารต่างๆ และสาธารณูปโภคได้รับความเสียหาย ซึ่งก็ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงแก่ภาคเศรษฐกิจ
เรื่องสุดท้ายคือ "ศาสนา"
หลังจากการปฏิวัติ ก็ได้เกิดคนแยกเป็นสองกลุ่ม
หนึ่งคือกลุ่มที่ไม่เชื่อในพระเจ้า ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มเคร่งศาสนาที่ยังอุทิศตนต่อนิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้ก็เกิดความขัดแย้ง ทำให้เกิดความรุนแรงตามมา
จะเห็นได้ว่ายุคแห่งความน่าสะพรึงกลัวเป็นยุคที่โหดร้ายและเป็นผลจากการไม่สามารถบรรลุจุดประสงค์ของคณะปฏิวัติในการสร้างสังคมที่มีคุณภาพ
ด้วยความที่มีความรุนแรงต่างๆ เกิดขึ้น ซึ่งห่างจากจุดประสงค์ของคณะปฏิวัติในทีแรก ทำให้แรงสนับสนุนจากมวลชนเริ่มหดหาย ทำให้เกิดความผันผวนทางการเมืองและเศรษฐกิจ
ถึงแม้ว่าการปฏิวัติฝรั่งเศสจะทำให้เกิดข้อดีต่างๆ ตามมา แต่ก็ตามมาด้วยข้อเสียที่ดำมืดเช่นกัน
- 21
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
