ความอ่อนแอทางด้านเศรษฐกิจของเมียนมากำลังเข้าขั้นวิกฤติ(Crisis)
ความอ่อนแอภายในเมียนมา นอกจากในด้านยุทธการด้านความมั่นคงที่รัฐบาลกองทัพเมียนมากำลังจะประสบปัญหาของการสูญเสียอำนาจการควบคุมพื้นที่ในรัฐและภูมิภาค ในเรื่องด้านเศรษฐกิจภายในหลังการsanctionของชาติตะวันตก ก็ได้ส่งผลกระทบต่อสภาวะทางเศรษฐกิจโดยรวม
ในเมียนมา สิ่งหนึ่งที่เห็นชัด คือ ค่าเงินจั๊ตที่อ่อนตัวลงอย่างมาก ส่งผลให้รัฐบาลกองทัพเมียนมา พยายามแก้ไขปัญหาด้านนี้ ได้แก่ การผลักดันข้อตกลงแลกเปลี่ยนการทำธุรกรรม “บาทกับจั๊ต” และ “หยวนกับจั๊ต” ให้เกิดความคืบหน้าในการทำธุรกิจการเงินเพื่อลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์
การกำหนดให้นักท่องเที่ยวที่เข้าเมียนมาต้องนำเงิน ๑,๐๐๐ USD ติดตัวไปด้วย โดยมีเป้าหมายในการสร้างความเข้มแข็งให้ค่าเงิน จั๊ต และการกำหนดให้แรงงานเมียนมาต้องส่งรายได้ร้อยละ ๒๕ เข้าธนาคารทางการของเมียนมา หากฝ่าฝืนจะไม่ให้ไปทำงานนอกประเทศ ๓ ปี
รวมทั้งการกำหนดให้นำเงินมาแลกที่ธนาคารของรัฐและไม่ให้เก็บไว้ที่ตัว สิ่งต่างๆ เหล่านี้สะท้อนสภาพความเป็นจริงภายในของเมียนมาเป็นอย่างดี โดยมีแนวโน้มว่าจะเกิดการขาดแคลนอาหารและน้ำมันในระยะต่อไป
ปัญหาอีกด้านหนึ่ง คือ การทุจริตคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับการดูแลด้านเศรษฐกิจ เป็นการสะท้อนสภาวะของความอ่อนแอภายในของเมียนมาเป็นอย่างดี ล่าสุด เมื่อ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๖ SAC ได้ปลดพลโท โมมิ้นทุน(Lieutenant General Moe Myint Tun) ออกจากการรับผิดชอบทางเศรษฐกิจของรัฐบาลกองทัพเมียนมา
หลังจากถูกแต่งตั้งเป็น ประธาน Myanmar Investment Committee ประธาน Foreign Exchange Supervisory Committee (ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลเพื่อตอบสนองต่อปัญหาการขาดแคลนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีอำนาจควบคุมไม่เพียงแต่ธนาคารกลางแห่งเมียนมา แต่ยังควบคุมรายจ่ายที่เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐในประเทศด้วย นอกจากนี้ยังออกใบอนุญาตส่งออกและนำเข้าอีกด้วย )และ ประธานCentral Committee on Ensuring the Smooth Flow of Trade and Goods
พลโทโมมิ้นทุน ถือว่าเป็นนายทหารคนสำคัญ เป็นสมาชิกของSAC ในอันดับที่ ๗ ที่ พลเอกอาวุโสมินอ่องไหล่ ประธานSAC วางใจให้เป็นผู้สืบทอดอำนาจคนต่อไป แต่ต้องยุติบทบาทลงเพราะการเข้าไปทุจริตหาผลประโยชน์ส่วนตัว และกำลังในขั้นตอนการสอบสวนของ ณะกรรมการต่อต้านการทุจริต (Anti-Corruption Commission: ACC) จึงทำให้พลเอกอาวุโสมินอ่องไหล่ ต้องปรับโครงสร้างภายใน
ตัวอย่างของพลโทโมมิ้นทุน เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะในแต่ละภูมิภาค นายทหารที่เป็นผู้บัญชาการประจำภาค ก็มีพฤติกรรมที่ไม่แตกต่างกันโดยเฉพาะภาคที่ติดชายแดนของเมียนมา กล่าว คือ การเรียกรับผลประโยชน์จากธุรกิจทั้งที่ถูกและผิดกฎหมาย ส่งผลให้ธุรกิจผิดกฎหมายได้ขยายตัวและเฟื่องฟูขึ้นเป็นอย่างมากในห้วงปัจจุบัน โดยเฉพาะยาเสพติดนับตั้งแต่การควบคุมอำนาจมีการขยายตัวเป็นไปตามการขยายอิทธิพลของกลุ่มUWSA
สภาพความเป็นอยู่ภายในจากตัวเลขของหน่วยงาน UN และตะวันตก ที่ระบุว่ามีชาวเมียนมาที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบระหว่างSACกับกลุ่มต่อต้านมีจำนวนถึง ๑๙ ล้านคน ที่ต้องรับความช่วยเหลือเป็นสิ่งที่น่ากังวล เพราะเป็นการสะท้อนปัญหาขนาดใหญ่ของเมียนมา ที่จะกระทบกับภูมิภาคอาเซียน
ไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ที่ต้องกลับมาทบทวนประเด็นภายในเมียนมาในเชิงยุทธศาสตร์โดยต้องพิจารณาถึงฝ่ายที่จะชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ และเลือกอยู่กับความเป็นจริงรวมทั้งอนาคตของเมียนมาที่ขึ้นอยู่กับชาวเมียนมา สิ่งที่จะเป็นจุดเปลี่ยนอาจกล่าวได้ว่าอาจไม่ใช่การแทรกแซงของชาติตะวันตกเท่านั้น แต่เงื่อนไขในตอนนี้อยู่ที่นโยบายของประเทศไทยด้วยเช่นกัน
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
