เป็นการเจาะลึกโดยย่อให้เห็นว่าพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นอจินไตยอยู่อย่างไร โดยอาศัยเอา อจินติตสูตร ข้อ 77 พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่ 21 เป็นที่ตั้ง โดยเริ่มต้นดังนี้
พระธรรมคำสอนในพระพุทธเจ้า เป็นอจินไตย
คำว่าเป็นอจินไตย คือเป็นธรรมที่บุคคลอยากจะให้เกิดในทันทีทันใด ทำไม่ได้ อยากจะให้เป็นไปตามปรารถนาเป็นไปไม่ได้ อยากได้วันนี้เดี๋ยวนี้ไม่ได้ อยากได้พรุ่งนี้มะรืนนี้ หรืออีก 10ปี 20ปีเบื้องหน้า กำหนดไม่ได้ นี่คือความเป็นอจินไตย
ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่าอาจินไตย 4 ประการนี้ที่บุคคลไม่ควรคิด เมื่อบุคคลคิดพึงถึงความเป็นบ้าเดือดร้อน นี่คือความสำคัญ
อจินไตยข้อที่ 1 พุทธวิสโย
คือ ความเข้าถึงความเป็นผู้รู้จริงแทงตลอด หรือเป็นบุคคลผู้ที่สัมโพธิปรายนะ
คือเป็นผู้ที่บรรลุธรรมนั้น บอกไม่ได้ กำหนดไม่ได้ ว่าจะเกิดขึ้นวันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ หรือวันไหนอย่างใด ใครก็กำหนดให้ใครไม่ได้ พระพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์ ทุกๆคน ทุกๆรูป ทุกๆนาม กำหนดให้ใครไม่ได้ และแม้ทุกวันนี้ใครก็กำหนดให้ใครไม่ได้ นี่เป็นประการที่ 1 พุทธวิสโย
ประการที่ 2 ฌานวิสโย
คือ บุคคลผู้ถึงฐานะของการดับทุกข์ โดยการใช้ฌานในการดับทุกข์ บุคคลผู้ที่กระทำฌานได้นั้น เป็นฐานะที่น่ามหัศจรรย์ จะบอกไม่ได้ว่าวันนี้ทำฌานได้แล้ว 1ข้อ 2ข้อ 3ข้อ 4ข้อ หรือได้มากได้น้อยเท่านั้นเท่านี้บอกไม่ได้
เป็นผู้ที่ทำได้ก็บอกไม่ได้ว่าจะทำได้เมื่อไร แต่พอทำได้แล้วรู้ว่าทำได้ ทำได้ยังไม่หมดก็รู้แค่ว่ายังไม่หมด ทำได้จนหมดก็รู้ว่าหมดแล้ว แต่บอกไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไรอย่างไร นี่คือสิ่งที่เป็นอจินไตย พระพุทธเจ้าก็กำหนดให้ใครไม่ได้ เอตทัคคะก็กำหนดให้ใครไม่ได้ และแม้ทุกวันนี้ใครก็กำหนดให้ใครไม่ได้
ประการที่ 3 กัมมวิปาโก
คือ เรื่องของกรรม เรื่องของผลของกรรม จะเกิดขึ้นเมื่อไรจะเกิดอย่างไร เกิดหนักเกินเบา เกิดแล้วสิ้นสุดอย่างไรบอกไม่ได้ จะต้องไปเป็นนรก ไปเดรัจฉาน ไปเป็นเปตร มาเป็นมนุษย์ ไปเป็นเทวดาเหล่านี้บอกไม่ได้ เกิดขึ้นยังไงบอกไม่ได้ แต่เกิดขึ้นแน่นอน เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะรู้เองว่าเกิดขึ้นแล้ว
หรือแม้เราทราบว่าเราอยู่ในสภาวะแห่งทุกข์ เราจะกระทำที่สุดแห่งทุกข์นี้ เราก็ทำของเราไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจบ แต่พอจบแล้วจะรู้ทันทีว่าจบแล้ว ประกาศเลยว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำมิได้มี ทราบชัดเลย นี่คือเรื่องของกรรม ใครก็กำหนดให้ใครไม่ได้ พระพุทธเจ้า อรหันตสาวก หรือแม้ทุกวันนี้ใครก็กำหนดให้ใครไม่ได้
ประการที่ 4 โลกจินตา
คือ เรื่องของโลก เรื่องของวัฏฏะสงสาร ที่ไปในนรก ไปในเดรัจฉาน ไปในเปรต มาในมนุษย์ ไปในเทวดาที่ไม่มีที่สิ้นสุด จะสิ้นสุดยังไงบอกไม่ได้ แต่บุคคลผู้ที่กระทำฐานะตั้งแต่โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ตามลำดับ บุคคลผู้นี้แม้จะไม่ทราบว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร แต่ก็ดังที่บอกเมื่อเข้าสู่ นิพพิทา วิราคะ นิโรธะ อุปสมะ อภิญญายะ สัมโพธะ นิพพานัง จะรู้เองว่ากระทำมาตามลำดับแล้ว
ที่สุดก็จะเป็น ขีณา ชาติ วุสิตัง พรหมจริยัง กตัง กรณียัง นาปรัง อิตถัตตายาติ ปชานาติ เอง บอกไม่ได้ กำหนดเวลาให้ก็ไม่ได้ ใครก็ทำให้ไม่ได้ พระพุทธเจ้าทำให้ไม่ได้ อรหันต์สาวกทำให้ไม่ได้ หรือแม้ทุกวันนี้ใครก็กำหนดให้ใครไม่ได้
เมื่อทราบแล้วว่าธรรมะนี้เป็นอจินไตย ลำดับต่อไปเมื่อปฏิบัติธรรมจึงไม่ควรบังคับตน
หรือไม่ควรกดดันตนเองด้วยเวลา 1
ด้วยความปรารถนาที่จะกระทำความสำเร็จ 1
ด้วยเวลา เช่น ผู้ปฏิบัติตั้งเป้าว่า วันนี้จะฝึกความเป็นโสดาปัตติมรรค เพื่อให้ถึงโสดาปัตติผลดังนี้ ไม่ได้ เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยนั้นทำได้ แต่ถ้าจะมาบอกว่ามาปฏิบัติกัน 3 วัน 5 วัน 7 วัน จะให้จบเรื่องนี้ มันเป็นการบังคับตนเอง
ถ้าไม่ได้จะรู้สึกว่าเหมือนธรรมพระพุทธเจ้าไม่มีคุณค่า ถ้าทำได้ก็จะยินดี แต่เป็นเรื่องที่เป็นอจินไตยอยู่เช่นเดิม จึงไม่ควรบังคับตนเองด้วยเวลา หรือจุดมุ่งหมายแห่งความสำเร็จ แต่ให้ตั้งเป้าว่าจะทำให้ความสำเร็จนี่เกิดขึ้นกับตนเองให้ได้ ไม่ควรบังคับตนเองด้วยเวลา หรือจุดประสงค์ของการฝึกที่จะถึงเป้านั้น แต่ให้ทำไปตามเหตุตามปัจจัย โดยระลึกว่าธรรมะนี้เป็นอจินไตย
ลำดับต่อมาให้รับทราบว่า พระพุทธเจ้าหรือใครๆ ก็ไม่สามารถกำหนดเวลาให้สำเร็จได้ ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราเป็นผู้ชี้ทาง มัคคานุคา ท่านเป็นสาวะกะเป็นผู้เดินตาม เป็นผู้เดินตามทางนี้
ดังนั้นตามธรรมที่พระศาสดาประกาศเอาไว้ว่า
เอเสวะ มัคโค นัตถัญโญ มีทางนี้ทางเดียวเท่านั้น ทางอื่นมิได้มี
ทัสสะนัสสะ วิสุทธิยา ที่จะทำความเห็นให้ถูกต้องถูกตรง
เอตัญหิ ตุมเห ปะฏิปัชชะถะ ขอให้ท่านปฏิบัติมาตามทางนี้เถอะ
มารัสเสตัง ปะโมหะนัง ทางนี้จะยังมารให้หลง
ด้วยว่าท่านทั้งหลายดำเนิน ไปตามทางนี้แล้วจักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ ทางนี้เท่านั้น
สรุปแล้ว เราได้ทราบแล้วว่าธรรมะในพระพุทธเจ้า ที่ศึกษาเรียนรู้กันอยู่เป็นอจินไตย อันไม่เป็นวิสัยที่จะหยั่งลงได้ด้วยความตรึก แต่เราจะเห็นว่า ผู้เข้าถึงความเป็นอจินไตย 4 นั้น สามารถถึงได้ทุกคน เมื่อเหตุปัจจัยประชุมพร้อม จากการกระทำตามธรรมมาตามลำดับ
ดังนั้นเราจึงไม่ควรกดดันตนเองด้วยเวลา เมื่อจะปฏิบัติธรรม เนื่้องจากธรรมะเป็นอจินไตย กำหนดเวลาสำเร็จไม่ได้ แต่เมื่อละกิเลสหมดแล้วก็รู้ว่าหมดแล้ว เมื่อยังไม่หมดก็รู้ว่ายังไม่หมดเท่านั้น แต่จะบอกว่าจะหมดในเวลาเท่านั้นเท่านี้บอกไม่ได้
แต่ก่อนที่เราจะปฏิบัติ เราย่อมต้องรู้จริงในธรรมนี้ เบื้องต้นความรู้จริงเกิดจากการฟังธรรมนี้มาก่อนเนืองๆ จำติดปาก จำขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิมาก่อน หากยังไม่เคยทำกิจนี้มาก่อน เป็นผู้เริ่มต้นศึกษาธรรม ก็ย่อมต้องศึกษาจากผู้รู้แจ้งแทงตลอดในธรรมนี้ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีอยู่
ความรู้เพิ่มเติม
พุทธวิสโย หรือ พุทธวิสัย
นอกจากจะเป็นพุทธวิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลายแล้ว บุคคลอื่นที่มีฐานะบรรลุธรรมตามพระพุทธเจ้า ก็สามารถเข้าถึงฐานะพุทธวิสโย หรือพุทธวิสัยได้ เช่น อรหันตสาวก ทุกรูป ทุกนาม
แสดงความคิดเห็นของคุณ...
  • 3
    โฆษณา