ในขณะที่คน GEN Z (ผู้ที่เกิดระหว่างปี 1997-2012) แม้จะเหมือนกับคนรุ่นมิลเลนเนียลที่ชอบออกกำลังกายเป็นประจำและเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่สิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น คือสุขภาพจิตและการจัดการความเครียด แล้วทำไมคนรุ่นใหม่จึงหันมาใส่ใจสุขภาพกันเร็วขึ้น ? เรื่องนี้มีคำตอบที่น่าสนใจอยู่ครับ
รายงานฉบับเดียวกันของสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริการะบุว่าคน GEN Z มีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของตนเองมากกว่าคนรุ่นก่อน ๆ เพราะพวกเขารู้ว่าร่างกายที่เจ็บป่วยและเสื่อมโทรม จะทำให้พวกเขาไม่ได้ทำสิ่งต่าง ๆ ที่อยากทำในชีวิต
นอกจากนี้ การที่คน GEN Z เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีก็ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงความรู้ด้านสุขภาพได้มากกว่าคนรุ่นก่อน
ผลสำรวจเหล่านี้ไม่ได้สะท้อนแค่การเติบโตของเทรนด์การดูแลสุขภาพเท่านั้น แต่ยังทำให้เรามองเห็นเม็ดเงินในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการดูแลสุขภาพอีกด้วย เพราะว่าคน GEN Z คือกลุ่มคนวัยทำงานที่อายุน้อยที่สุดในปัจจุบัน และกำลังจะเป็นกลุ่มแรงงานหลักของตลาดแรงงานในอนาคต ซึ่งหมายความว่าพวกเขามีทั้งกำลังซื้อและกำลังการบริโภค
รายงานล่าสุดของ Global Wellness Institute (GWI) คาดการณ์ว่าในช่วง 5 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคจะมีอัตราการใช้จ่ายเพื่อการดูแลสุขภาพต่อปีอยู่ที่ระดับ 8.6% ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของ GDP โลกที่ IMF คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 5.1% ซึ่งภายในสิ้นปี 2024 นี้ GWI คาดการณ์ว่าทั่วโลกจะมีการใช้จ่ายเพื่อการดูแลสุขภาพราว 6.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และภายในปี 2027 ที่ระดับ 8.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะคิดเป็น 6.6% ของ GDP โลก (เมื่อเทียบกับ 5.6% ในปี 2022)
เรียกได้ว่าภาพรวมของตลาดการดูแลสุขภาพกำลังสดใสและมีอนาคตที่ดีรออยู่ เช่นเดียวกับกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์ (BCARE) ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของ Wellington Global Health Care Equity Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในหุ้นของบริษัทในอุตสาหกรรม Healthcare ทั่วโลก