ข้อเสนอ LGBT ประเด็นห้องน้ำ ทำได้จริงเหรอ ?
เพิ่งเขียนไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเพราะแฟนบ่น
แล้วก็ได้เรื่องจริงๆ
กลุ่ม LGBT เริ่มเสนอประเด็นห้องน้ำเฉพาะแล้ว
แต่คงอาจรู้แหละว่ายาก
ก็เลยใช้เป็นลักษณะของห้องน้ำรวมแทน
มีการอ้างอิงหลักการดีไซน์ เพื่อให้เกิดประโยชน์ใช้สอย
ร่วมกันได้โดยไม่เคอะเขิน
เสนอแนวคิดสร้างพาร์ติชั่นขึ้นมา
พูดง่ายๆ คือถูกซอยเป็นอีกส่วน
ถามว่า ทำได้ไหม
อันนี้ขอพูดในฐานะที่ทำงานด้านนี้นะ
โอเค ทำได้ แต่คำถามคือ นั่นต่างอะไรกับการเพิ่มห้องน้ำขึ้นมา
เพราะอะไร ?
เพราะตามพรบ. อาคาร กฎหมายกำหนดว่า ตัวห้องน้ำ
สำหรับบริการสาธารณะใดๆ ตัองมีขนาดตามที่กำหนดไว้
คือ ไม่ต่ำกว่า 1.5 ตารางเมตร และกว้างอย่างน้อย 0.9
เมตร ลึกอย่างน้อย 1 เมตร
การซอยจนเล็กเกินไป ในกรณีอาคารเก่า
ย่อมไม่สามารถทำได้ตามข้อกฎหมาย
ในพื้นที่เดิมซึ่งบังคับอยู่ หากไม่ใช่อาคารใหญ่
ที่มีพื้นที่เหลือเฟือ
เอาง่ายๆ คือร้านอาหาร ผับ พวกนี้ห้องน้ำเต็มพื้นที่
ที่สามารถทำได้แล้วทั้งนั้น การบังคับให้พวกเขาทำ
ย่อมเป็นไปไม่ได้
อันนี้พูดถึงการซอยพื้นที่ใช้สอยตามหลักสถาปัตยกรรม
เรื่องนี้จะหนักหนากว่าถ้าไปถามพวกวิศวกรที่เขา
ต้องดูแลระบบสาธารณูปโภค ว่าทำได้ไหม
คำตอบมันจะค่อนข้างแย่แน่ๆ เพราะยุ่งยากมากในการ
เพิ่มงานระบบต่างๆเข้าไป โดยเฉพาะระบบระบายของเสีย
อันนี้คือระดับงานช้างเลย ทะลวงปล่องชาปกันสนุกแน่
พวกห้างสรรพสินค้านี่อาการหนัก
สำหรับอาคารเก่า ถ้าจะมีการบังคับให้มีกฎหมายข้อนี้
สิ่งที่ดูว่าน่าจะทำได้คือ ตัดพื้นที่จากห้องน้ำชายครึ่งหนึ่ง
และหญิงครึ่งหนึ่ง เพื่อทำอีกห้อง จะง่ายที่สุด
…แต่ มันก็จะมีปัญหาตามมาอีก ว่าพื้นที่ใช้งานจะพอหรือไม่
เมื่อจำนวนโถสุขภัณฑ์ต่างๆมันน้อยลง โดยเฉพาะในส่วนห้องน้ำหญิง ซึ่งปกติพวกเธอต้องรอคิวกันเป็นเวลานานอยู่แล้ว ซึ่งผมว่าสาวๆ เค้าคงไม่ได้ปลื้มแน่ๆแหละ…
ข้อเสนออีกส่วนคือ “ห้องน้ำไม่ระบุเพศ”
ซึ่งถ้าว่ากันตามคอนเซ็ปท์แล้ว มันเหมือนกับการเสนอให้
ใช้ห้องน้ำรวมไปหมดเลยเสียมากกว่า
อันนี้คงยากมากๆแหละนะ ที่สาวๆจะเห็นด้วย
ดังนั้นผมจะไม่พูดถึงให้มากความไปกว่านี้
เพราะดูจะเหมือนแนวทาง ที่เป็นไปไม่ได้
เรื่องนี้ ในวงการการออกแบบนั้น มีการพูดถึง
มาค่อนข้างนานแล้ว ว่าจะทำอย่างไร
คาดมาตั้งแต่ต้นแล้ว ว่าต้องมีปัญหา
กรณีที่ฝ่ายเสนอของ LGBT ยกมาเป็นกรณีตัวอย่าง
ในกรณีอาคารของแสนสิรินั้น ผมมองว่าคงใช้เป็น
บรรทัดฐานการอ้างอิงไม่ได้ เพราะเป็นอาคารขนาดใหญ่
ต้นทุนสูง และค่อนข้างใหม่
ใหญ่ รวย แถมเป็นบริษัทนายก แกก็ต้องทำแหละ
มันก็ได้ผลทางการเมืองบ้างไม่มากก็น้อย
เสียเงินหน่อยจะเป็นไร
หรือกรณีห้องน้ำของโรงเรียน และสถาบันการศึกษา
ก็คงไม่สามารถยกมาอ้างอิงได้ เพราะมักมีพื้นที่เหลือเฟือ
ความน่ากังวลของเรื่องนี้ หากต้องมีกฎหมายออกมา
มันน่าจะอยู่ที่คนที่จะลงทุนทำสถานประกอบการ
จะต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมากพอสมควร
ทั้งการจัดหาพื้นที่เพิ่ม และงบประมาณในการสร้าง
ซึ่งน่าจะกระทบรายย่อยค่อนข้างมาก
และมันอาจไปซ้ำรอยห้องน้ำคนพิการ ที่มีน้อยมากๆ
เหมือนทำเป็นพิธีจนไม่พอใช้ ทั้งที่น่าจะสำคัญกว่ากรณีนี้
การอ้างถึง “ความไม่สบายใจ” ของบรรดา LGBT
ที่จะต้องใช้ห้องน้ำกับเพศหลักนั้น
ด้วยความเคารพนะ…ท่านมองตัวเองเป็นศูนย์กลางมากไป
ในความเป็นจริงแล้ว เพศชายและหญิง ก็มีความไม่สบายใจ
เช่นกันในกรณีนี้ และมีมานานแล้วด้วย
ผู้หญิง 99% เลย ไม่สบายใจ และรู้สึกไม่สะอาด
ที่จะต้องใช้ห้องน้ำร่วมกับสาวสอง เพียงแต่พวกเธอพูด
ออกสื่อสาธารณะไม่ได้ แต่ถ้าคนใกล้ตัวถาม
เธอจะตอบเหมือนกันหมดแหละ
ในมุมกลับ ทอมบอยย่อมไม่มีทางสบายใจ
หากต้องใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้ชาย
…ดังนั้น การใช้ห้องน้ำตามเพศสภาพที่เป็น ตามข้อเสนอ
มันจะมีความไม่สบายใจเกิดขึ้นกับทุกฝ่ายนั่นแหละ…
หรืออีกทาง สาวสองเข้าห้องน้ำชายตามเพศกำเนิด
พวกเธอก็ย่อมรู้สึกไม่ปลอดภัยเข่นกัน
…แนวทางที่เสนอออกมา ไม่ว่าจะใช้ร่วมกันตามเพศสภาพ
หรือเพศกำเนิด จึงยากมากๆที่จะเกิดขึ้นได้….
ดังนั้นการโยนหินถามทางลักษณะนี้
มันคงมีลักษณะที่รู้อยู่แล้วถึงผล
เพื่อบีบให้สังคม มีหัองน้ำเพิ่มให้พวกเขาเสียมากกว่า
คือ การเสนอความต้องการตรงนี้ตรงๆ มันยาก
ไงก็แรงต้านเยอะ
ก็เลยต้องอ้อมๆ กึ่งบีบแบบนี้แหละ
…เพราะสุดท้าย มันจะต้องตกผลึก วนมาที่การมีห้องน้ำ
LGBT โดยเฉพาะอยู่นั่นเอง….
…ฉลาดในการนำเสนอ จุดประเด็น…
ส่วนสังคมจะเอาด้วยไหม
ผมว่าเรื่องนี้คงถกกันอีกหลายยกครับ
…ได้แต่หวัง ว่าคงไม่มีอะไรไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นแล้วกัน…
…บ่นๆนี่ ก็เพราะห่วงเมียนั่นแหละ 😅😅😅….
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
