เซเรีย อา ปัญหาอยู่ตรงไหน : ทำไมปีนี้จึงยังไม่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลอิตาลี ? | Main Stand
แฟนบอล กัลโช่ เซเรีย อา ในไทยยังคงไม่ได้ดูการถ่ายทอดสดแบบถูกลิขสิทธิ์ แม้โปรแกรมการแข่งขันกำลังจะเข้าเกมที่ 2 ของฤดูกาล 2024-25 แล้ว … ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ไม่ใช่แค่บ้านเราเท่านั้นที่เป็นปัญหา
กัลโช่ เซเรีย อา กำลังเผชิญหน้ากับเรื่องบางสิ่งที่ทำให้ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดของพวกเขายังไม่เข้าเป้าทั้งในแง่ของราคาที่ตั้งไว้ และการเข้าถึงทั่วทุกพื้นที่ในโลกใบนี้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวคาราคาซังมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 แล้ว
เกิดอะไรขึ้น ทำไมเราจึงยังไม่สามารถดูบอลอิตาลีได้พร้อมกันกับอีกหลากหลายประเทศโดยเฉพาะในเอเชีย ?
ติดตามที่ Main Stand
เซเรีย อา อยู่ตรงไหนของ 5 ลีกดัง ?
เพราะฟุตบอลคือหนึ่งในความเอ็นเตอร์เทนของมนุษย์ ไม่ว่าคุณจะบอกว่ามันคือศักดิ์ศรี ประวัติศาสตร์ หรือใด ๆ ก็ตาม ตราบใดที่สิ่งที่คุณเป็นมันไม่ได้ตอบโจทย์คนส่วนมาก อำนาจในการต่อรองของคุณก็จะน้อยลง มันเท่ากับว่าสินค้าที่คุณมีอยู่ในมือของคุณมีโอกาสที่จะต้องขายในราคาถูกลงกว่าที่คุณต้องการ ... เรากำลังจะบอกว่าฟุตบอลอิตาลีเป็นแบบนั้น
แฟนฟุตบอลหรือคนที่ดูบอลอิตาลีอาจจะโมโหที่เราขึ้นต้นด้วยแบบนี้ แต่ความจริงคือสิ่งที่ไม่ตาย สิ่งที่ยืนยันได้คือการเอารายได้จากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมาวัดกันแบบชัด ๆ เนื่องจากรายได้ส่วนนี้ คือรายได้ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 รองลงมาจากรายได้จากผู้สนับสนุนและเงินที่ได้มาในเชิงพาณิชย์ ซึ่งแน่นอนว่ารายได้ส่วนของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดนี้ มากกว่ารายได้เรื่องการขายตั๋วหรือของที่ระลึกในสนามอีกด้วย
ปีสุดท้ายที่มีตัวเลขยืนยันเรื่องรายได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดคือฤดูกาล 2022-23 ซึ่ง ถ้าเราจะเริ่มวัดจากข้อมูลนี้ ลีก กัลโช่ เซเรีย อา คือลีกที่มีมูลค่าลิขสิทธิ์สูงที่สุดเป็นอันดับ 4 จาก 5 ลีกใหญ่ของยุโรป โดยอันดับมีดังนี้
อันดับที่ 1 : พรีเมียร์ลีก 7.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อันดับที่ 2 : บุนเดสลีกา 4.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อันดับที่ 3 : ลา ลีกา 3.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อันดับที่ 4 : กัลโช่ เซเรีย อา 3.04 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อันดับที่ 5 : ลีก เอิง 2.53 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ตัวเลขบอกเราแบบนั้น ไม่แปลกที่แฟน เซเรีย อา ยากที่จะยอมรับเรื่องนี้ เพราะนี่คือลีกระดับเพชรยอดมงกุฎในยุค 1980s เป็นต้นมา เพียงแต่ว่าทุกสิ่งที่ขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดย่อมมีวันต้องตกลงมา ซึ่งในกรณีของ เซเรีย อา นั้นตกมาไวเกินกว่าที่ใครจะตั้งรับทัน ไม่ว่าจะผู้บริหาร สโมสร รวมถึงแฟนบอลของพวกเขา
หลังยุค 2000s เป็นต้นมา วงการฟุตบอลอิตาลีเกิดเรื่องต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับเงิน ๆ ทอง ๆ ที่สามารถสร้างผลกระทบไปยังทุก ๆ เรื่อง จนสโมสรดังอย่าง ปาร์ม่า, ฟิออเรนติน่า และ นาโปลี ต้องเจอกับภาวะล้มละลาย ขณะที่ทีมอย่าง เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน และ ลาซิโอ ต้องมีการเปลี่ยนเจ้าของ ยังไม่รวมปัญหาอื่น เช่นเรื่องการล้มบอล จากคดี กัลโช่โปลี่ อันลือลั่นช่วงกลางยุค 2000s ที่ทำให้หลายทีมต้องตกชั้น
เรื่องของความสนุกในเกมฟุตบอลนั้นยากจะตัดสินแบบชี้ชัด เพราะรสนิยมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นเราจะไม่วิจารณ์หรือพูดถึงเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ เพียงแต่ว่าจากตัวเลขที่แสดงออกมา เซเรีย อา ได้สูญเสียความ "แมส" ไปแล้ว เพียงแต่สิ่งที่หลายคนสงสัยคือ ในขณะที่หลายคนก็ยังชอบฟุตบอลเซเรีย อา และแฟนทั่วโลกก็มีไม่น้อย ทำไมในซีซั่น 2024-25 จึงไม่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลอิตาลีล่ะ ? พวกเขาขาลงขนาดนั้นเลยเหรอ ?
ลิขสิทธิ์ลีกอิตาลีทำไมขายยาก ?
ประการแรก เรื่องนี้ไม่จริงเสียทีเดียว พวกเขาอาจจะมีรายรับตกลงถ้าเทียบกับลีกอื่น ๆ แต่เรื่องของผลงาน ทีมจากลีกอิตาลีก็ทำได้ดีในฟุตบอลยุโรป จนพวกเขาได้สิทธิ์ลงแข่งขันในแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2024-25 ถึง 5 ทีม มากกว่าทีมจากพรีเมียร์ลีกด้วยซ้ำ
เพียงแต่เรื่องของการถ่ายทอดสดมันเป็นคนละเรื่องกัน ... ฟุตบอลอิตาลีหมดสัญญากับเจ้าของลิขสิทธิ์เดิมหลังจบฤดูกาล 2023-24 และในช่วงเวลาดังกล่าว พวกเขาก็พยายามหาผู้ถือลิขสิทธิ์ใหม่ โดยมีการประกาศราคาตั้งต้นอยู่ที่ปีละ 1.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดิมราว 25%
อย่าลืมว่าการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลในยุโรปนั้น จะซื้อกันในระยะยาว 3 ปี 5 ปี 7 ปี หรือ 10 ปี ตามที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงกัน โดยเบื้องต้น พวกเขาหวังจะขายในระยะสัญญาอย่างต่ำที่ 5 ปี เหตุผลก็เพราะว่าต้องการประกันรายได้ที่แน่นอน สร้างความแข็งแกร่งให้กับลีก
ดังนั้นถ้าผู้ซื้อลิขสิทธิ์ใหม่ทำสัญญากัน 5 ปี มูลค่าถ่ายทอดสดของ อิตาลี ก็จะพุ่งสูงถึง 4.5-5 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นอย่างน้อย ซึ่งตัวเลขนี้จะทำให้พวกเขามีมูลค่าการถ่ายทอดสดแซงหน้า บุนเดสลีกา ทันที ... แต่ปัญหาคือมันยังไม่มีใครยื่นซื้อในราคานี้ ด้วยเหตุผลของเรื่องอำนาจการต่อรองที่คู่ซื้อมองว่าแพงเกินไปตามที่กล่าวไว้ข้างต้น
ปัญหาของเรื่องนี้มันอยู่ในหลาย ๆ ด้าน กูรูฟุตบอลอิตาลี อย่าง มาร์โก อิอาเรีย แห่ง La Gazzetta dello Sport ก็ให้เหตุผลที่น่าฟังว่า ฟุตบอลอิตาลีนั้นขาดการวางแผนระยะยาว โดยบอกว่าทีมจากอิตาลีให้ความสำคัญกับการโปรโมต และทำการตลาดน้อยเกินไป จนทำให้มันส่งผลต่อมูลค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่เรียกราคาแพงมากไม่ได้
"ในยุคสมัยปัจจุบันของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ทีมจากอิตาลีใช้เงินทั้งหมดที่เข้าสู่คลังของสโมสรไปกับค่าใช้จ่ายด้านกีฬา ค่าเหนื่อย และการซื้อขาย โดยไม่ได้ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การโปรโมต การตลาด และความรู้พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับสโมสรในเซเรียอา นั่นทำให้พวกเขาดูตกยุค" อิอาเรีย ว่าเช่นนั้น
ขณะที่ อาเดรียโน่ กัลเลียนี่ หนึ่งในผู้บริหารของ เอซี มิลาน ยุครุ่งเรืองที่ปัจจุบันเป็นซีอีโอของ มอนซ่า ก็ให้เหตุผลคล้าย ๆ กันกับเรื่องนี้ว่า
"เราไม่ได้สร้างสนามกีฬา ... เรามีสนามกีฬาที่น่าเกลียดที่สุดในยุโรป และสิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อรายได้และลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดทางทีวี เพราะสนามกีฬาที่น่าเกลียดและว่างเปล่ามันขายไม่ได้หรอก" กัลเลียนี่ ว่าแบบนั้น
ปัจจุบันทีมในอิตาลีมีเพียง ยูเวนตุส และ ซาสซูโอโล่ ที่มีสนามเป็นของตัวเอง ส่วนทีมที่เหลือต้องเช่าสนามจากเมือง แม้พวกเขาเริ่มมีแนวคิดสร้างสนามเองเช่นกัน เพียงแต่ว่ามันยังคงไม่เกิดขึ้นหรือแล้วเสร็จให้เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ เรื่องนี้ไม่ได้กล่าวโทษสโมสรเท่านั้น ทุก ๆ ทีมก็อยากมีสนามเป็นของตัวเอง แต่การสร้างสนามมันไม่ใช่แค่มีเงินก็สร้างได้ มันยังต้องดูเรื่องกฎหมาย ติดขัดเรื่องระบบราชการ จนนโยบายเหล่านี้ล่าช้า และทำให้นักลงทุนเบื่อที่จะรอระบบที่เชื่องช้านี้
เปาโล สคาโรนี่ ประธานสโมสร เอซี มิลาน เปรียบเทียบได้น่าสนใจ โดยเขาบอกว่านักฟุตบอลก็เหมือนกับนักร้องโอเปร่า ทีมจากอิตาลีสามารถจ้างนักร้องโอเปร่าแถวหน้าได้ แต่นักร้องโอเปร่าตัวท็อปไม่ได้ตัดสินใจแค่เรื่องเงิน พวกเขาต้องการเล่นในโรงละครสุดหรู คนดูเต็มความจุเท่านั้น แต่สถานที่ที่ทีมจาก อิตาลี มอบให้ ดันเปรียบเทียบได้กับห้องเก็บของ ซึ่งเขาพยายามจะสะท้อนว่าสนามของทีมในเซเรียอานั้นช่างเก่าและทรุดโทรม
"เราสามารถเลือกนักร้องโอเปร่าที่ดีที่สุดในโลกได้ แต่ถ้าเราให้พวกเขาไปร้องเพลงในโรงเก็บของแทนที่จะร้องที่ ลา สกาลา (โรงละครหรู) ... ภาพที่ออกมามันคงจะแตกต่างกันมาก" สคาโรนี กล่าว
ณ ตอนนี้เป็นอย่างไร ?
อย่างที่บอก แรกเริ่มเดิมทีฝ่ายบริหารของ เซเรีย อา อยากจะขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดเป็นมูลค่ารวม 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ระยะสัญญายาว 5 ปี โดยมีคู่เจรจาคือ DAZN และ SKY
การขึ้นราคา 25% จากราคาเดิมนั้น ลุยจิ เด เซียร์โว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ เซเรีย อา ได้ให้เหตุผลว่า ฟุตบอลอิตาลีอยู่ในทิศทางที่ดีที่จะทะยานไปข้างหน้าและทำให้กราฟพุ่งสูงขึ้นจากเดิม ดังนั้นการขึ้นราคาถือว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผล
"ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมบางคนถึงคิดว่า เซเรีย อา ไม่มีค่าเลย ซึ่งนั่นไม่เป็นความจริง เพราะตัวเลขบอกตรงกันข้าม ฟุตบอลของเรากำลังฟื้นตัวได้ดีมากในแง่ของผลงาน ทุกคนสามารถเห็นมันได้ เราอยู่ในสถานะที่แข็งแรงกว่าที่เคยเป็นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นี่คือความเป็นจริง" เด เซียร์โว ว่า
อย่างไรก็ตาม มุมมองของคนขายกับคนซื้อนั้นยังแตกต่างกัน ขณะที่ เซเรีย อา ขอราคาที่แพงขึ้น คู่ค้าของเขาอย่าง SKY และ DAZN ขอลดราคาลง
จากเดิมที่เคยจ่ายปีละ 978.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พวกเขาขอให้ เซเรีย อา ลดราคาลงเหลือปีละ 949.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ... คนขายขอขึ้นราคา คนซื้อขอลดราคา เรื่องมันจึงเป็นแบบนี้ และยังตกลงกันไม่ได้ ณ ปัจจุบัน
ไม่ใช่ว่า เซเรีย อา ตัดสินเรื่องนี้เอง พวกเขาได้ประชุมกับทีมในเซเรีย อา 20 สโมสร โดยมีถึง 17 สโมสรโหวตไม่เห็นด้วยกับราคาที่ลดลง ซึ่ง ออเรลิโอ เด ลอเรนติส ประธานสโมสร นาโปลี คือหนึ่งในคนที่ยืนกรานว่าจะปฏิเสธข้อเสนอนี้
"ถ้าเรายอมรับข้อเสนอนี้ มันจะเป็นการส่งสัญญาณถึงความพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงของวงการฟุตบอล อิตาลี" เด ลอเรนติส ที่เป็นหนึ่งในผู้ค้านการลดราคาและสนับสนุนแนวคิดในตอนนี้มีการผลักดันให้ทาง เซเรีย อา ได้ สร้างสตรีมมิ่งในการถ่ายสดเอง ว่าแบบนั้น
ช่วงเวลาแห่งปัญหาดำเนินมาตั้งแต่กลางซีซั่น 2023-24 หรือซีซั่นก่อน จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ที่เปิดซีซั่น 2024-25 ไปแล้ว วิธีการแก้ไขปัญหาตอนนี้ เซเรีย อา ต้องเริ่มขายลิขสิทธิ์ด้วยตัวเอง จากเดิมที่บริษัทเอเจนซี่ชื่อว่า Infront เป็นผู้ดำเนินการซื้อขาย ... ว่าง่าย ๆ ก็คือจากเดิมที่ Infront เป็นตัวแทนในการเจรจา ตอนนี้เปลี่ยนเป็นรูปแบบของการที่ลูกค้าต้องพุ่งตรงหาทางฝ่ายบริหารของทาง เซเรีย อา เลยเพื่อเจรจาราคาในการถ่ายทอดสดในแต่ละท้องที่
วิธีดังกล่าวทำให้ เซเรีย อา มีการถ่ายทอดสดในบางพื้นที่เท่านั้น โดยในประเทศอิตาลี ได้ขายให้กับ DAZN และ SKY italia ด้วยสัญญา 3 ปี ขณะที่นอกประเทศนั้นแยกกระจายออกไปหลายท้องที่
อาทิ OneFootball ในสหราชอาณาจักร, Fox Deportes (ภาษาสเปน) ในสหรัฐอเมริกา, TV4 (ภาษาสวีเดน) และ MTV (ภาษาฟินแลนด์) ในแถบสแกนดิเนเวีย ส่วนการถ่ายทอดสดในอเมริกาแบบภาษาอังกฤษก็มี Paramount+ ของสถานีโทรทัศน์ CBS ที่ได้ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไปแล้ว โดยยอดรายได้ทั้งหมดจากการขายแยกนี้อยู่ที่ 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ยังห่างจากเป้าที่ตั้งไว้อยู่เกือบครึ่ง
ส่วนในทวีปเอเชียนั้นยังไม่มีการปิดดีลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด เพราะทาง Infront ยังเป็นผู้ถือครองสิทธิ์การซื้อขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เป้าหมายคือการขายลิขสิทธิ์ให้กับประเทศใหญ่ ๆ อย่าง อินเดีย, จีน, ญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งชาติในโซนโอเชียเนียอย่าง ออสเตรเลีย เพื่อทำรายได้รวมเพิ่มขึ้นให้เท่ากับเป้าที่ตั้งไว้ อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ยังคงไม่มีข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จึงทำให้ยังไม่มีการถ่ายทอดสด แม้ฤดูกาลจะเริ่มไปแล้ว
ด้านการถ่ายทอดสดในประเทศไทยนั้นล่าสุดสด ๆ ร้อน ๆ มีการอัปเดตมาจากทาง beIN SPORTS ว่า ยังคงอยู่ในช่วงการเจรจากับทางเจ้าของลิขสิทธิ์ แต่ยังไม่มีคำตอบแน่ชัดว่าจะได้ดูกันวันไหน หรือเริ่มที่นัดเท่าไหร่ โดยก่อนหน้านี้ทาง beIN ก็เพิ่งประกาศได้ลิขสิทธิ์ ลา ลีกา สเปน ฤดูกาล 2024-25 ในวันที่ 15 สิงหาคม 2024 อันเป็นวันเริ่มซีซั่นพอดิบพอดี
แม้จะไม่มีใครทราบรายละเอียดลึก ๆ ว่าทำไมการเจรจาในหลาย ๆ พื้นที่โดยเฉพาะในทวีปเอเชียจึงล่าช้า จะเป็นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ หรือเรื่องภาวะเศรษฐกิจโลกก็ตาม แต่ถ้าเราดูจากเป้าหมายยอดขายที่ เซเรีย อา ตั้งไว้ รวมถึงเรื่องอำนาจการต่อรองในเชิงการตลาด ก็คงเป็นเรื่องการหาตัวเลขตรงกลางที่รับกันได้ทั้ง 2 ฝ่าย คนขายก็ได้เงินที่สมเหตุสมผล คนซื้อก็ไม่เจ็บตัวมากนัก
ซึ่งเรื่องนี้มันจะไม่มีปัญหาเลยหากความนิยมหรือความแมสของ เซเรีย อา ยังเหมือนกับยุค 1980s-1990s ที่เหล่านักเตะระดับสตาร์เดินว่อนชนกันเต็มไปหมด มีทีมแข็งแกร่งและขายได้ในแง่การตลาดเกือบครึ่งค่อนลีก เหมือนกับที่พรีเมียร์ลีกเป็นในตอนนี้ การเจรจาจะจบอย่างรวดเร็ว
เพราะใครก็พร้อมจะสู้ราคาจากที่พรีเมียร์ลีกตั้งไว้ เพราะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคแน่นอน ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ได้ลิขสิทธิ์จะเอาไปขายหรือทำแพ็คเกจราคาเท่าไหร่ ส่วนดีลต้นทางหมดปัญหาน่าห่วง ขายออกแบบตบแย่งกันหน้าร้าน แม้ราคาจะแพงกว่าลีกอื่น ๆ ... จะพูดแบบนั้นก็คงไม่ผิดนัก
ตรงนี้เป็นเรื่องของทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอลอิตาลีแล้ว ว่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องความนิยมให้เพิ่มขึ้นอย่างไร ถ้าพวกเขาติดตลาดเมื่อไหร่ ปัญหาเรื่องการตั้งราคาก็หมดไป เซเรีย อา จะกลับมาเป็นของที่ใครก็อยากได้และพร้อมสู้ราคา แต่ถ้ายังไม่แก้ไขและเป็นแบบเดิม พวกเขาก็จะต้องมาปวดหัวทุก ๆ ครั้งที่ช่วงเวลาขายลิขสิทธิ์มาถึง
ซึ่งเรามั่นใจได้เลยว่าพวกเขาอยากให้ปัญหานี้เป็นครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน เพราะใครบ้างที่ไม่อยากจะ ขายก่อน รับเงินก่อน พัฒนาก่อน จริงไหม ?
บทความโดย : ชยันธร ใจมูล
แหล่งอ้างอิง
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
