6 ก.ย. เวลา 12:53 • การ์ตูน

EP : 1,279 DR.STONE

ไม่ว่าจะเป็นตัวเอก ย้อนเวลากลับไปอดีต หรือไปโผล่ในโลกอนาคต หรือไปอยู่ในที่มีความต่างด้านมิติและรูปแบบ หรือแม้แต่วัฒนธรรมที่ไม่เหมือนกัน เรามักได้เห็นมังงะทำนองนี้อยู่เป็นระยะ ผมมองว่านี่คืออีกหนึ่งพล็อตที่นักวาดมังงะชอบหยิบมานำเสนอกัน ก็ไม่แปลก เพราะเรื่องราวแนวนี้ไม่ว่าเมื่อไหร่ มันก็มักสร้างอะไรสนุกๆ ให้ได้อ่านกันอยู่เสมอ
แต่สำหรับเรื่องนี้แล้วผมว่าเป็นการหยิบแนวนี้มาเล่าแบบกลับมุม ไม่ใช่การส่งตัวเอกกลับไปในอดีตล้านปี หรือไม่ได้ให้เขาข้ามมิติไปยังดินแดนที่ไม่เคยเจอ แต่นี้คือการทำให้โลกทั้งใบเดินทางต่อไปแบบหยุดนิ่ง กับเหตุการณ์เกินคาดเดาและหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้ เพราะทุกคนอยู่ๆก็ต้องกลายเป็นหิน ใช่ครับผมกำลังพูดถึงมังงะ/อนิเมะชื่อดัง ที่ในเวลานี้น้อยคนที่จะไม่รู้จักกับเรื่องนี้ “DR.STONE” ครับ
…ทั้งๆที่กำลังอยู่ในจังหวะสารภาพรักกับสาวที่แอบชอบมานานอย่าง “ยุสึริฮะ” แต่ “ไทจุ” ที่พาเพื่อนสนิท “เซ็นคู” มาฟังเขาสารภาพรักด้วย ก็ต้องตกใจ เมื่อปรากฎลำแสงปริศนาสว่างจ๊าจากท้องฟ้า และโดยฉับพลันที่ร่างกายโดนแสงนี้ มันก็กลายเป็นหินไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อทั้งร่างของพวกเขาค่อยๆกลายเป็นหิน เซ็นคูก็ทำได้แค่เพียงรักษาจิตสำนึกของเขาไม่หายและสูญสิ้นไปกับความเงียบหงัน
… จนกระทั้งวันนึง ที่ไทจุสามารถหลุดออกมาจากหิน กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ไทจุที่ไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น และเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็ได้เห็นภูมิทัศน์รอบข้างที่เปลี่ยนจากเมืองกลายเป็นป่า นั่นทำให้เขารับรู้ว่าเวลาผ่านไปนานมากแน่ๆ และแม้เขาจะเจอร่างที่เป็นหินของ“ยุสึริฮะ” หญิงที่เขาชอบก็ตาม แต่เขาก็ไม่สามารถจะหาวิธีช่วยเธอออกมาจากหินได้เหมือนกับตัวเขา
และขณะที่เขากำลังเสียใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาก็ได้สังเกตเห็นสัญลักษณ์ที่ใครบางคนทิ้งไว้ เขาเข้าใจได้ในทันทีว่านั่นคือข้อความจากใคร และมันก็ใช่ “เซ็นคู” เพื่อนคนสนิทของเขานั่นเอง และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้ กับการเริ่มก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติ กับการพัฒนาเพื่อกลับไปยังจุดนั้นใน “DR.STONE” ครับ
“DR.STONE” เป็นมังงะตัวอย่างที่สามารถจะบอกเราว่า มังงะ(สายโชเน็น)ที่จะได้รับความนิยม และสามารถเป็นเสาหลักของวงการมังงะนั้นควรเป็นแบบไหน อย่างไร เพราะหากมองไปในแต่ละรายละเอียดที่มีอยู่ใน “DR.STONE”แล้ว เราจะพบถึงองค์ประกอบและการนำเสนอในแบบที่พบเห็นจากมังงะชั้นยอดในอดีตอยู่อย่างมากมาย
แม้ผมจะมีความคิดว่า ไอเดียที่หยิบ “วิทยาศาสตร์” มาเล่า เป็นอะไรที่ท้าทายความสามารถโครตๆ เลย เพราะในความเป็นวิทยาศาสตร์นั้นมันมีทั้งความเรียบง่ายและซับซ้อนไปพร้อมๆ กัน การหยิบเรื่องราวที่แม้จะใกล้ตัวมาเล่าแบบเรื่องวิทยาศาสตร์แบบนี้เป็นทั้งโจทย์หนักและความท้าทายอย่างมากที่จะพิสูจน์ว่าผู้เล่ามีความเก่งในการเล่าเรื่องมากแค่ไหนครับ
เพราะแบบนั้นความเป็นโชเน็นที่ถูกนำมาใช้ในเรื่องนี้ จึงเป็นวิธีการที่ลงตัวมาก อันนี้ผมต้องชื่นชมการนำเสนออย่างมากครับ เพราะเราจะเห็นว่าในเรื่องราว Dr. Stone นี้ มีความครบครันอย่างมาก ทั้งเรื่องราวของ ความรัก มิตรภาพ คู่หูสุดขั้ว การต่อสู้อันดุเดือด ความตื่นเต้นของการค้นพบ และที่สำคัญการมองโลกใบเดียวกันด้วยมุมมองที่ต่างกันโดยผ่านการตีความของคำว่า “คุณธรรม” ในแบบที่แตกต่างกันของตัวละคร ทำให้ตัวละครสำคัญของเรื่องมีความเป็นตัวร้ายที่ก่ำกึ่งจากมุมมองทางสังคมของคนในยุคนี้
ผมหมายถึงตัวร้ายที่ไม่ได้ร้ายเพราะต้องการร้าย แต่ร้ายเพราะมองว่าแบบของเขาคือหนทางที่ดีกว่าเพื่อ “โลก” รวมถึงการหยิบเอาศัตรูในวันนั้นมาเป็นมิตรในวันนี้ แม้จะเป็นการนำเสนอที่เชยไปซักหน่อย แต่ในงานสายโชเน็น เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ชอบหยิบมาใช้ ยิ่งตัวร้ายโดดเด่นมากเท่าไหร่ วิธีนี้มักใช้ได้ผลเสมอครับ
องค์ประกอบที่ครบครัน ที่ดัดแปลงผสมเข้ากับเรื่องราวแนววิทยาศาสตร์ที่แสนเข้าใจยากได้แบบลงตัว นำเสนอให้ดูง่าย กระชับและเร้าใจ ด้วยเนื้อหาที่รวดเร็ว เหมาะกับยุคสมัย แต่หากมองอีกมุมนึงจุดนี้คือปัญหาของผมเหมือนกันนะ คือบางจังหวะมันเร็วไป ของเก่ายังย่อยไม่เสร็จแต่ของใหม่มาแล้ว ด้วยการที่เรื่องต้องไปอย่างรวดเร็วนี่แหละ แต่ก็อย่างที่บอกว่ามองในแง่ยุคสมัย ความลงตัวที่เล่าเรื่องด้วยความเร็วแบบนี้ เป็นความเข้ากันของช่วงเวลาที่เรื่องนี้นำเสนอได้เป็นอย่างดีครับ
หากมองในแง่เนื้อเรื่อง เรื่องนี้ถือว่าโดดเด่นในแง่สิ่งที่หยิบจับมาเล่าที่มีความซับซ้อนสูงแต่สามารถย่อยมาให้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก(หากไม่ต้องการเก็บรายละเอียดอะไรมากนัก) ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายๆเรื่องตกม้าตาย เพราะการที่พยายามนำเสนออะไรที่มีความซับซ้อนสูงเพื่อทำให้ตัวเองแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ แต่ไม่สามารถย่อยเนื้อหาให้คนอ่านเข้าใจได้ง่ายๆ ต่อให้เนื้อเรื่องดีอย่างไร ก็มักไม่ประสบความสำเร็จในกลุ่มใหญ่ของผู้อ่าน ที่มักจะชอบอะไรที่เข้าใจและเข้าถึงได้ง่าย
และแน่นอนครับ ในแง่ลายเส้นเรื่องนี้ก็ยังโดดเด่นอย่างมากเช่นกัน จะบอกว่าเหตุผลหลักในทีแรกที่หลายๆคนเลือกอ่านก่อนจะได้รู้ถึงเนื้อหาข้างในก็เพราะเป็นลายเส้นของ อ. Boichi นี่แหละ ซึ่ง อ. ก็ยังคงทำงานออกมาได้ดีมากๆ เช่นเดิม กับการเล่าเรื่องด้วยลายเส้นที่ดึงดูดนักอ่านได้อย่างดี
เพิ่มเติมคือมีความซับซ้อนของการพยายามสื่อสารด้วยลายเส้นให้อ่านได้ง่ายๆไปพร้อมๆกับโชว์ลายเส้นเทพๆ แม้จะเสียใจไปซักหน่อยที่ไม่ค่อยเจอฉากหวือหวาของ อ. ด้วยเรื่องมันจับลูกค้ากลุ่มเด็กๆเป็นหลักด้วย เอาเป็นว่าไม่ว่าคุณจะอ่านเรื่องเข้าใจหรือไม่ก็ตาม มั่นใจได้ว่าลายเส้นนี่แหละทำให้คุณชอบและสนุกกับการอ่านเรื่องนี้อย่างแน่นอนครับ
“DR.STONE” เรื่องโดย อ. Riichiro Inagaki และงานภาพโดย อ. Boichi ในไทยเจ้าของ LC คือ SIC ซึ่งออกมาครบจบเรียบร้อยที่ 27 เล่มจบ ยังคงหาอ่านได้ไม่ยากนัก แม้มือหนึ่งจะมีบางเล่มขาดตลาดก็ตาม ใครสนใจลองหาอ่านได้นะครับ ไม่ยากอย่างที่บอกจริงๆ
เป็นอีกเรื่องนึง ที่ผมชอบไอเดียของเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยนะครับ กับการสร้างเรื่องให้มนุษย์ทั้งโลกกลายเป็นหินจนอารยธรรมทั้งหมดของมนุษย์ต้องหยุดและทลายลงเพราะไม่มีมนุษย์คนไหนหลงเหลืออยู่แล้วแบบนี้ แม้จะเห็นอะไรที่ใกล้เคียงแบบนี้มาบ้างกับงานแนวนี้ แต่เรื่องที่ลงตัวทั้งไอเดีย วิธีการเล่า และการใส่รายละเอียดได้แบบนี้ ผมว่ามันแทบไม่มีเลยก็ว่าได้ครับ
เป็นเรื่องที่สำหรับผมแล้ว “เกือบ” จะสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว ก็อย่างที่บอกว่า ปัญหาเดียวของเรื่องนี้ก็คือ การที่เรื่องมีรายละเอียดที่เยอะมากๆ เยอะมากๆจริงๆ การจะเล่าให้ออกมาถูกใจและเข้าใจได้ทุกคนมันเป็นไปแทบไม่ได้เลย แต่เรื่องนี้ทำออกมาได้ใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบมากๆ เป็นเรื่องที่เหมาะเอาไปใช้ในการสอนในชั้นเรียนจริงๆนะครับเรื่องนี้ แนะนำว่าห้ามพลาดครับเรื่องนี้
ภาพ 9.3/10 (ขาดสาวๆแน่นๆ)
เรื่อง 10/10
ความประทับใจ 9.5/10
#Manga #รีวิวการ์ตูน #จบ #27เล่มจบ #SiamInterComics #การ์ตูนแนวแฟนตาซี #การ์ตูนแนววิทยาศาสตร์ #MangaAnimeReviews #การ์ตูนแนวดราม่า #9คะแนน #DrStone #หนังสือการ์ตูน #Rate15 #สยามอินเตอร์คอมมิค #เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง
โฆษณา