9 ก.ย. เวลา 03:25 • ข่าวรอบโลก

ทำไม “การบุกเคิร์สก์” กับ “การระเบิดท่อก๊าซนอร์ดสตรีม”

เป็นสองเหตุการณ์ที่มีความคล้ายคลึงกันในท่าทีของฝั่งตะวันตก นำมาสู่ “ชะตากรรมของยูเครน”
1
การโจมตีของกองกำลังติดอาวุธยูเครนในภูมิภาคเคิร์สก์บริเวณชายแดนของรัสเซียเมื่อ 6 สิงหาคม 2024 สร้างความประหลาดใจให้กับชาวรัสเซียหลายคน ไม่น้อยไปกว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารของตะวันตกก็เช่นกัน ในแนวรบอีกฟากหนึ่งของยูเครนช่วงนี้ แสดงให้เห็นถึงการที่พวกเขาไม่สามารถหยุดยั้งการรุกคืบของกองทหารรัสเซียในดอนบาสได้
อยู่ๆ เมื่อ 6 สิงหาคม ยูเครนก็บุกเข้ามาในเคิร์สก์ดินแดนของรัสเซีย นิวยอร์กไทมส์ได้เผยแพร่บทความที่บรรยายถึงความผิดพลาดของเสนาธิการกองทัพยูเครนเมื่อเปลี่ยนตำแหน่งระหว่างกองพลที่ 24 ซึ่งตั้งอยู่ใกล้โทเรตสค์ และกองพลที่ 41 ซึ่งประจำการอยู่ในเมืองชาซอฟ ยาร์ การสลับตำแหน่งนี้ทำให้การป้องกันใกล้โทเรตสค์ล้มเหลว ซึ่งเป็นที่มั่นที่ยูเครนยึดได้มานานก่อนจะแตกในเวลาไม่กี่วัน - อ้างอิง: [1]
หลังจากกองทัพยูเครนเข้าสู่เขตเคิร์สก์ เจ้าหน้าที่ยูเครนไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว และเมื่อ 8 สิงหาคม 2024 NYT สื่อเจ้าเดิมจึงได้เผยแพร่บทความที่บรรยายถึงการรุกคืบของยูเครนในเขตเคิร์สก์ โดยย่อหน้าแรกได้กล่าวไว้ว่านักวิเคราะห์ทางทหารของตะวันตกสงสัยว่าปฏิบัติการเสี่ยงครั้งนี้จะคุ้มค่าหรือไม่ - อ้างอิง: [2]
2
เครดิตภาพ: Euromaidan Press
นักวิเคราะห์กล่าวว่ากองทัพยูเครนมีทหารกองหนุนไม่มากพอที่จะเริ่มแนวรบครั้งใหม่นี้และยังคงประสบปัญหาขาดแคลนอาวุธและกระสุนปืน นอกจากนี้ยังไม่ชัดเจนว่ายูเครนหวังที่จะบรรลุเป้าหมายใดในท้ายที่สุด โดยอ้างอิงจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครน เป้าหมายคือการเบี่ยงเบนทหารรัสเซียออกจากแนวหน้าส่วนอื่นๆ ที่กองทัพยูเครนกำลังต่อสู้อย่างหนัก แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารกล่าวว่ารัสเซียน่าจะสามารถดึงทหารกองหนุนที่ไม่ได้อยู่แนวหน้ามาใช้ต่อสู้กับยูเครนในเคิร์สก์ได้
เมื่อ 10 สิงหาคม 2024 สถานการณ์เริ่มชัดเจนขึ้นเล็กน้อย และในบทความใหม่ของ NYT ซึ่งอ้างคำพูดของ Pasi Paroinen นักวิเคราะห์อีกคนจาก Black Bird Group เขียนว่ารัสเซียสามารถหยุดยั้งการรุกคืบหลักของกองทัพยูเครนได้สำเร็จ ขั้นตอนของความสำเร็จที่ได้มาอย่างง่ายดายสำหรับยูเครนได้ผ่านพ้นไปแล้ว และตอนนี้การตอบโต้ของกองทัพรัสเซียก็จะชัดเจนขึ้น - อ้างอิง: [3]
ในขณะนี้เจ้าหน้าที่ยูเครนยอมรับเป็นครั้งแรกว่า “พันธมิตรตะวันตกสนับสนุนแนวคิดของยูเครนในการโจมตีพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์และยินยอมให้มีการบุกเข้าดินแดนรัสเซีย” หรือเรียกว่าข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันในภายหลังจะดีกว่า โดยบลูมเบิร์กอ้างจากเจ้าหน้าที่ตะวันตกรายงานว่ายูเครนกำลังพัฒนาแผนหลายแผนเพื่อโจมตีดินแดนของรัสเซีย รัฐบาลของประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ รวมถึงสหภาพยุโรปยินยอมให้ยูเครนโจมตีดินแดนของรัสเซียเต็มรูปแบบครั้งแรกนับตั้งแต่ WWII - อ้างอิง: [4]
1
The Economist สื่ออังกฤษได้เผยแพร่บทความหนึ่งเมื่อ 11 สิงหาคม 2024 โดยอ้างอิงจากการสัมภาษณ์ทหารยูเครนที่เข้าร่วมในการโจมตีในภูมิภาคเคิร์สก์ แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ของทหารยูเครนไม่ได้สดใสเหมือนที่ปรากฏในรายงานอย่างเป็นทางการ ทหารจากกองพลที่ 103 ของกองทัพยูเครนอธิบายว่าพวกเขาถูกย้ายจากแนวรบไปยังชายแดนโดยไม่ได้เตรียมการเพียงหนึ่งวันก่อนการโจมตี และได้รับความสูญเสียครั้งใหญ่ในวันแรก - อ้างอิง: [5]
1
อย่างไรก็ตามแม้จะมีการวิเคราะห์ที่รอบคอบ แต่ The Economist ไม่สามารถบอกได้เกี่ยวกับ “เป้าหมายสูงสุดของปฏิบัติการของยูเครนในเคิร์สก์” ได้แต่คาดว่าบางทียูเครนมีแผนที่จะยึดครองพื้นที่บางส่วนอย่างถาวร บางทีอาจเป็นเพียงการต่อรองในการเจรจา หรือบางทีอย่างน้อยสุดคือการเบี่ยงเบนทหารรัสเซียออกจากคาร์เคียฟและดอนบาส - อ้างอิง: [5]
อย่างไรก็ตามไม่มีสัญญาณใดๆ บ่งชี้ว่ารัสเซียจะถอนกำลังทหารจากแนวหน้าที่ดอนบาสไปยังภูมิภาคเคิร์สก์ เมื่อ 1 กันยายน 2024 กระทรวงกลาโหมของอังกฤษกล่าวว่ากองทหารรัสเซียในทิศทางโดเนตสค์ได้เสริมกำลังตำแหน่งของตนแล้ว โดยเคลื่อนพลไป 10 กิโลเมตรจนถึงเมืองโปครอฟสค์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งที่สำคัญของกองทัพยูเครน - อ้างอิง: [6]
เครดิตภาพ: Kyiv Independent
บทความใน TIME นิตยสารอเมริกันซึ่งเขียนโดยที่ปรึกษาส่วนตัวของประธานาธิบดีสหรัฐ 4 คน ได้แก่ Jeffrey Sonnenfeld, William Taylor อดีตทูตสหรัฐประจำยูเครน, Barry McCaffrey อดีตพลตรีกองทัพบกสหรัฐ และ James Clapper อดีตพลโทกองทัพอากาศสหรัฐ ถือได้ว่าตรงไปตรงมา บทความที่มีชื่อว่า “เหตุใดการบุกรัสเซียอย่างกะทันหันของยูเครนจึงทำให้เรามีความหวัง” – อ้างอิง: [7]
1
พวกเขาชี้ให้เห็นว่า “ประการแรก” การบุกครั้งนี้ทำให้ชาวยูเครนมีจิตวิญญาณนักสู้มากขึ้น พวกเขากล่าวว่านโปเลียน โบนาปาร์ตเองถือว่าขวัญกำลังใจเป็นหลักการพื้นฐานของความสำเร็จทางทหาร และกล่าวว่า “ในสงคราม อัตราส่วนของขวัญกำลังใจต่อกำลังกายคือสามต่อหนึ่ง ทำให้เป้าหมายที่ว่ายากเป็นไปได้”
อีกประการหนึ่งของการโจมตีที่ชายแดนเคิร์สก์ก็คือการขอเสริมการสนับสนุนจากตะวันตก พวกเขากล่าวว่าในกรุงเคียฟมีความหวังว่าหลังจากการโจมตีภูมิภาคเคิร์สก์ พันธมิตรตะวันตกจะเพิ่มการสนับสนุนกองทัพยูเครน
1
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่า “อะไรคือเป้าหมายหรือความสำเร็จของกองทัพยูเครนในการรุกรัสเซียกลับ” แม้ว่าในตอนแรกพวกเขาจะระบุว่าปฏิบัติการนี้จะบังคับให้รัสเซียต้องตั้งรับ แต่ต่อมาพวกเขาก็ถูกบังคับให้ยอมรับว่ายูเครนมีอาวุธและทหารจำนวนจำกัด ในขณะที่รัสเซียสามารถโอนทหารกองหนุนเข้ามาเสริมได้
เครดิตภาพ: OpenArt AI
มาดูบทความสุดท้ายจากสื่อตะวันตกคือ Foreign Affairs ในเดือนกันยายน ชื่อเรื่องว่า “การเดิมพันของยูเครน” เขียนว่า ยูเครนได้รับคำแนะนำที่สมเหตุสมผล เสนอให้พักการรุกโต้กลับในปี 2024 สะสมกำลัง อย่างไรก็ตามยูเครนกำลังพ่ายที่แนวหน้า จึงตัดสินใจบุกภูมิภาคเคิร์สก์เพื่อกำหนดเงื่อนไขด้านการทหารกับรัสเซีย – อ้างอิง: [8]
ในขณะเดียวกันจากมุมมองเชิงยุทธศาสตร์ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รัสเซียยังคงมีข้อได้เปรียบด้านทรัพยากร และหากยูเครนไม่สามารถรักษาดินแดนปัจจุบันที่ยึดไว้ได้เป็นเวลานาน ความหวังในการมีไพ่เด็ดในการเจรจากับรัสเซียก็จะสูญสลายไป
ผู้เขียนบทความนี้ไม่ได้มองว่าการบุกเคิร์สก์ของยูเครนเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสม พวกเขาบอกว่ามันเป็นการตัดสินใจตามอำเภอใจ โดยไม่ได้ปรึกษากับพันธมิตรตะวันตก และยังไร้ประสิทธิภาพอีก ถึงพวกเขาจะได้รับอนุญาตแล้ว การที่ยูเครนจะอยู่ในตำแหน่งของการเจรจาที่เหนือกว่ารัสเซียได้ต้องบรรลุเงื่อนไขคือ "ยึดเคิร์สก์-แนวป้องกันในดอนบาสยังมั่นคง-ความสามารถในการทนต่อการโจมตีของรัสเซียต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในฤดูหนาวนี้" ซึ่งดูแล้วตอนนี้ยูเครนทำไม่ได้เลย
เครดิตภาพ: Perun
  • บทวิเคราะห์ส่งท้าย:
พอสรุปได้ว่า “การวิเคราะห์จากคลังสมองฝั่งตะวันตกไม่สามารถอธิบายสถานการณ์ที่เคิร์สก์ได้อย่างชัดเจน ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ทำเพื่ออะไร” ขณะที่กองทัพยูเครนยังคงใช้อาวุธจากตะวันตกจำนวนมากต่อสู้กับรัสเซียอยู่ ยังไม่รวมถึงกองกำลังที่เป็นในรูปแบบทหารอาสาหรือทหารรับจ้างจากฝั่งตะวันตกอีก
ดังนั้นเป็นเรื่องยากที่จะคิดว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยที่ผู้นำฝั่งตะวันตกไม่รับรู้เรื่องมาก่อนเลย ซึ่งผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพยูเครน “นายพลซีร์สกี” แน่นอนว่าจำเป็นต้องรายงานความคืบหน้าของการโจมตีในภูมิภาคเคิร์สก์ให้นายพลในนาโตได้รับทราบ หรือเป็นไปได้ว่าคลังสมองฝั่งตะวันตกที่แกล้งโง่หรือทำไม่รู้อะไรลังเลที่จะเผยแพร่เป้าหมายที่แท้จริงของการโจมตีภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซียอยู่
1
หลังจากที่ได้หยุดพูดถึงประเด็นเรื่องที่จะให้ยูเครนได้เข้าร่วมนาโตเพราะเกรงว่าจะเกิดเรื่องปะทะโดยตรงกับรัสเซีย หรือทางตะวันตกก็ได้วางเดิมพันครั้งใหม่ปล่อยให้ยูเครนได้เปิดปฏิบัติการได้โดย “ดำเนินการอย่างอิสระและตามลำพัง” ทางตะวันตกก็ได้แต่พยักหัวเออออตามสิ่งที่เกิดขึ้น ในขณะที่ก็ยังคงสนับสนุนยูเครนเช่นเดิมหรือมากขึ้นอีก
1
ที่น่าสังเกตก็คือในช่วงเวลาเดียวกันกับการบุกเคิร์สก์ของยูเครน ก็มีข่าวเกิดขึ้นในเยอรมนีเกี่ยวกับการเปิดเผยตัวและออกหมายจับ “นักดำน้ำชาวยูเครนที่เชื่อว่าระเบิดท่อก๊าซนอร์ดสตรีม” ในเวลาเดียวกันเซเลนสกีและฝ่ายบริหารของเขา “ก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” (บอกว่าผมโดนโบ้ยเฉย)
และข้อเท็จจริงที่ว่าท่อก๊าซระเบิดไปแล้วก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรสำหรับเยอรมนีในเรื่องของการสนับสนุนทางทหารและการเงินอย่างต่อเนื่องให้กับยูเครน (แต่อาจมีพูดทำทีว่าจะลดช่วยเหลืออยู่บ้าง หลังถูกคนเยอรมันแสดงไม่พอใจ และฝ่ายค้านตอบโต้ หรือมาจากผลเลือกตั้งที่ออกมา)
ดังนั้นเหตุการณ์ทั้งสองเรื่องนี้ “การบุกเคิร์สก์กะทันหัน” และ “การระเบิดท่อก๊าซนอร์ดสตรีม” ถือว่าเป็นการก่อวินาศกรรมระหว่างประเทศ แต่เรื่องราวเหล่านี้ถูกนำเสนอในสื่อตะวันตกในลักษณะที่ไม่สามารถบอกถึงความชัดเจนว่าใครเป็นผู้สั่งลงมือทำตัวจริงได้ “ไม่บอก คือ ไม่รู้ หรือ รู้ แต่ ไม่บอก” เป็นเทคนิคการบิดเบือนข้อมูลแบบคลาสสิกในสงครามข้อมูล แต่อย่างไรก็ตามคนที่โดนทั้งขึ้นทั้งล่องก็คือ “ยูเครน”
เรียบเรียงโดย Right Style
9th Sep 2024
  • แหล่งข่าวและข้อมูลอ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: (บน) – Youtube, Channel 4 News (ล่าง) – Al Jazeera>
โฆษณา