5 พ.ย. เวลา 08:03 • กีฬา

อเลฮานโดร การ์นาโช่ : เบียว "โรนัลโด้" ที่กำลังเจอปัญหาเหมือน "แรชฟอร์ด" | Main Stand

อเลฮานโดร การ์นาโช่ มีโอกาสจะเป็นฮีโร่หรือทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ เชลซี ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2024 หลายต่อหลายหน แต่สุดท้ายเขาก็พลาดไปทั้งหมด
ในวัย 20 ปี สำหรับนักเตะที่พยายามจะเป็นเหมือน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ให้ได้ ทำไปทำมายิ่งดูค่อนและคล้ายไปทางรุ่นพี่ร่วมสโมสรอีกคนอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด มากกว่าเสียแล้ว
สิ่งสำคัญของเรื่องนี้อยู่ที่ปัญหาของนักเตะเกมรุกกว่า 90% บนโลกใบนี้ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า "วิชั่น" หรือ "วิสัยทัศน์"
คำ ๆ นี้สำคัญกับอาชีพและการเป็นนักเตะระดับท็อปในอนาคตของเขาอย่างไร ? ติดตามที่ Main Stand
คำว่าดาวรุ่งที่เหลืออีกไม่มาก
"ดาวรุ่ง" กับ "ตัวแบก" 2 คำนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม 2 สิ่งนี้มีความสัมพันธ์ที่ส่งต่อกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะ "เดอะ แบก" ทุกคนล้วนเคยเป็นดาวรุ่งมาก่อน และสิ่งสำคัญคือในช่วงเวลาที่พวกเขาเป็นดาวรุ่งนั้น พวกเขาได้เรียนรู้ ได้เจอประสบการณ์อะไรบางอย่าง ที่ทำให้พวกเขาโตขึ้นมากลายเป็นนักเตะที่ทีมขาดไม่ได้
อเลฮานโดร การ์นาโช่ ถือเป็นดาวรุ่งระดับท็อปของโลกในช่วงที่ก้าวขึ้นมาใหม่ ๆ นักเตะแนวรุกตัวริมเส้นที่ทักษะเชิงบอลสูง ชื่นชอบการเอาชนะตัวต่อตัว และการพาบอลไปข้างหน้า ... แค่คุณสมบัติเหล่านี้ก็มากพอที่จะทำให้เขากลายเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังแต่ละซีซั่นผ่านไป ความมหัศจรรย์ต่าง ๆ ที่เขาทำตอนเป็นวัยรุ่น มันก็กลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น และสัจธรรมของฟุตบอลคือ มันจะมีคลื่นลูกหลัง ๆ ไล่ตามคุณมาเสมอ ดังนั้นสิ่งที่ผู้คนคาดหวังกับ การ์นาโช่ ตอนนี้ ตอนที่เขาอายุ 20 ปี จึงแตกต่างจากตอนที่เขาเล่นชุดใหญ่ครั้งแรกตอนอายุ 17 ปี โดยสิ้นเชิง
กลับกัน นอกจากความเก่งกาจที่ต้องยกระดับขึ้นให้มากกว่าเดิมแล้ว เรื่องของความผิดพลาดของเขาก็จะถูกจับตามากขึ้นด้วย ... ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดาของนักเตะดาวรุ่ง ทว่าเมื่อพวกเขาอายุมากขึ้น การเล่นที่ผิดพลาด ฟอร์มการเล่นที่แย่ จะถูกจับตามองมากขึ้น ความผิดพลาดที่พวกเขาสร้าง จะเข้าตาคนดูแบบจัง ๆ และเมื่อสถานการณ์นี้มาถึง นักเตะดาวรุ่งอย่าง การ์นาโช่ และคนอื่น ๆ ไม่ว่าใครก็ตามบนโลกนี้ จงพึงสังวรณ์ไว้เลยว่า "ช่วงเวลาการเป็นดาวรุ่งคุณเหลืออีกไม่มากแล้ว"
ดังนั้น ถ้าคุณไม่พยายามลดข้อผิดพลาดให้น้อยลง เพิ่มคุณภาพการเล่นให้มากขึ้น ต่อจากนี้จะไม่มีใครปกป้องคุณจากคำวิจารณ์ได้อีกต่อไป เมื่อคุณเจอสถานการณ์นี้ คุณจะต้องเริ่มรับมือกับมัน มันจะทำให้ชีวิตของคุณยากขึ้นอีก และคุณต้องพยายามก้าวข้ามมันไปให้ได้ เพื่อพิสูจน์ว่าคุณไม่ใช่ "ดาวรุ่งตลอดกาล" ... นักเตะระดับโลกทุกคนผ่านจุดนี้มาหมด ไม่เว้นแม้แต่ไอดอลของการ์นาโช่ อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้
สำหรับ การ์นาโช่ เขากำลังเผชิญกับเรื่องนี้ และต้องใช้คำว่า "อย่างหนัก" ด้วย ...
ไม่ใช่แค่เกมกับ เชลซี ที่ผ่านมาเท่านั้น ในเกมกับ ลิเวอร์พูล เมื่อเดือนกว่า ๆ ที่ผ่านมาที่ปีศาจแดงพ่ายคาบ้านด้วยสกอร์ 0-3 การ์นาโช่ โดนแฟนบอลรายหนึ่งนำคลิปการเล่นของเขามาตัดต่อรวมกัน และตั้งชื่อว่า "Alejandro Garnacho - season so far" ซึ่งในคลิป เน้นถึงความผิดพลาดที่เขาทำในเกมดังกล่าว ทั้งการเสียบอล การโดนแย่งบอล และการแสดงความหงุดหงิดในสนาม
จากนั้น การ์นาโช่ ได้เลือกที่จะตอบโต้ด้วยการทวิตกลับว่า "เสียเวลาชีวิตที่มาทำคลิปผม ไปดูแลชีวิตตัวคุณเองเถอะ" ซึ่งจากนั้นไม่นาน เขาก็ลบทวิตดังกล่าวทิ้งไป แต่แน่นอนว่าอะไรก็ตามที่คุณโพสต์ในที่สาธารณะ มันลบทิ้งไม่ได้ แม้คุณจะลบแล้วก็ตาม
เมื่อ การ์นาโช่ ตอบ แฟนบอลคนนั้นก็ทวิตกลับว่า "ก่อนจะมาแดกดัน ไปโฟกัสที่การเลี้ยงบอลและการจับบอลจังหวะแรกของแกดีกว่าไอ้เด็กน้อย ถ้าเอ็งไม่ได้เล่นแย่ขนาดนั้น ฉันคงไม่สามารถเอาฟุตเทจที่ไหนมาทำคลิปได้หรอก ... อยากจะขำจนน้ำตาซึมเลยว่ะ มันติดโซเชี่ยลถึงขั้นต้องตอบโต้ทุกคน ไปแก้ตัวด้วยฟอร์มในสนามซะดีกว่าไอ้ขี้ขลาด"
ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าแฟนบอลคนนี้อาจจะเป็นพวก "เกรียนโซเชี่ยล" แต่สิ่งที่เขาพูดมันคือเรื่องจริง และสะท้อนความจริงของนักเตะอายุ 20 ปี ที่กำลังใกล้หมดโอกาสใช้คำว่าดาวรุ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ... พวกเขาต้องโฟกัสที่การพัฒนาตัวเองให้มาก ๆ และเมื่อพวกเขาถูกวิจารณ์ สิ่งที่ควรใช้ตอบโต้คือฟอร์มในสนาม ไม่ใช่การโพสต์ข้อความบนโซเชี่ยลมีเดีย
ขาดสิ่งสำคัญ
ด้วยอายุ 20 ปี เขายังมีเวลาเรียนรู้อีกมาก และจากความสามารถที่เขามี ทั้งสปีดความเร็ว เทคนิคที่ดี และคาแร็คเตอร์ที่มีความกระหายในชัยชนะ แต่สิ่งสำคัญที่ดาวรุ่งระดับท็อปอย่างเขา ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับท็อปไม่ได้ก็คือ เรื่องการตัดสินใจ ความเข้าใจเกม หรือรู้ว่าจังหวะในควรทำอะไรในสนาม
สิ่งที่ การ์นาโช่ แสดงออกมาในเกมกับ เชลซี และอีกหลาย ๆ หนในอดีต คือการพยายามเล่นด้วยตัวเองมากเกิน เขาอาจจะไม่ได้เห็นแก่ตัว หรือมีความอยากเด่นอยากดังในมโนความคิด เพียงแต่ว่าฟุตบอลมันคือกีฬาที่ต้องเล่นไปคิดไป อ่านสถานการณ์ให้ออกตลอดเวลา และถ้าคุณเข้าใจเกม และรู้จักเพื่อนร่วมทีมเป็นอย่างดี คุณจะรู้ว่าในจังหวะนั้น ๆ ควรจะทำอะไรเพื่อให้มีประโยชน์ต่อทีมมากที่สุด
ดาวรุ่งรุ่นก่อน ๆ หลายคนที่ไม่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะตัวท็อปของโลก หลาย ๆ คนมีทุกอย่างครบเครื่อง อาจจะยิ่งกว่าที่ การ์นาโช่ มีด้วยซ้ำ แต่เมื่อขาดทัศนคติในสนามที่ดี ขาดการตัดสินใจที่ดี พวกเขาก็เป็นได้แค่นักเตะระดับที่พึ่งพาอะไรในระยะยาวไม่ได้ มีแต่ความครึ่ง ๆ กลาง ๆ ที่ยากจะคาดเดา
มาริโอ บาโลเตลลี่ คือตัวอย่างที่ชัดเจน ขณะที่หากจะดูในตำแหน่งเดียวกันกับเขา อาจพอยกตัวอย่างนักเตะแบบ มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็ได้ ... ในส่วนของ แรชฟอร์ด น่าจะเป็นตัวอย่างที่ชัดมากในเรื่องของความสำคัญในการตัดสินใจในแต่ละจังหวะหรือที่เรามักจะได้ยินกูรูพูดกันว่า การเล่นแบบมี "วิชั่น"
"วิชั่น ไม่ได้หมายถึงการจ่ายบอลอย่างยอดเยี่ยม หรือทะลุช่องแบบอัจฉริยะเหลือเชื่อ แต่วิชั่นคือการที่สมองของคุณตอบสนองได้อย่างทันทีว่า ควรจะส่งบอลไปที่ไหน หรือจะวิ่งและขยับเคลื่อนที่ไปที่ไหน" เมซุต โอซิล หนึ่งในนักเตะที่ได้รับคำชมเรื่องการตัดสินใจ และเล่นอย่างมีวิชั่นมากที่สุดคนหนึงของยุคอธิบายคำว่า วิชั่น เพิ่มเติม
วิชั่นที่ดี จะทำให้คุณรู้ว่าจังหวะไหนควรจ่าย จังหวะไหนควรยิง และในเวลาที่ไม่มีบอล คุณจะพาตัวเองไปอยู่ตรงไหนเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อทีม ... แต่ถ้าคุณเล่นฟุตบอลโดยขาดคำว่า "วิชั่น" ต่อให้คุณจะเป็นนักเตะที่สามารถเลี้ยงหลบผู้เล่น 2-3 คนได้ สุดท้ายการเลี้ยงผ่านหรือใช้ความเร็วเอาชนะนั้นก็แทบไม่มีค่า หากคุณเอามันไปเสียในจังหวะสุดท้าย แบบที่ การ์นาโช่ เป็นอยู่ในเวลานี้
เรื่องนี้ฝึกสอนกันยากจริง ๆ แต่มันก็ยังสามารถแก้ไขกันได้ เพราะแม้แต่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เองก็เคยประสบปัญหามาก่อนในช่วงวัยเดียวกัน จนถึงขั้นที่ทำให้เขาต้องแตกหักกับเพื่อนร่วมทีมอย่าง รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่เป็นกุนซือขัดตาทัพของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในปัจจุบันมาแล้ว
แต่กว่าที่ โรนัลโด้ จะแก้ไขมันได้ เขาต้องเจอไม้แข็ง โดยมีข้อมูลเปิดเผยในสารคดีของ โรนัลโด้ ว่า ในตอนที่เขาอายุ 19 ย่าง 20 ปี และเล่นไม่เป็นทีม เฟอร์กี้ ได้เตือนสติเขาครั้งสำคัญ ด้วยการเปิด "ไดร์เป่าผม" ด่ากราดไปชุดใหญ่ และยืนยันว่าถ้า ไม่พัฒนาหรือเปลี่ยนแปลง เขาจะไม่ได้ลงสนามอีก
หลังจากนั้น โรนัลโด้ ก็ไม่มีชื่ออยู่ในทีม 3 เกมติดต่อกัน และว่ากันว่า นั่นเป็นครั้งแรกที่ โรนัลโด้ เสียน้ำตาหลังย้ายมาเล่นที่อังกฤษ เช่นเดียวกันกับที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขากลับมาทบทวนตัวเอง และพยายามที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปเรื่อย ๆ จนเขากลายเป็นยอดนักเตะแห่งยุคได้สำเร็จ
เอาชนะมันได้อย่างไร ?
สิ่งที่จะช่วยให้ การ์นาโช่ เล่นให้ถูกจังหวะจะโคนได้นั้น ไม่มีทางลัดใดอื่นนอกเสียจากเขาต้องทำในแบบที่ โรนัลโด้ เคยทำ นั่นคือการพยายามก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองในทุก ๆ ด้าน แต่สิ่งสำคัญคือ เขาจะทรหดพอที่จะปรับทุกอย่างในชีวิตได้แบบที่ โรนัลโด้ ทำหรือไม่ ?
นักเตะหลายคนในโลกนี้อาจจะไม่ได้มีทักษะหรือพรสวรรค์ที่ดีเทียบเท่ากับการ์นาโช่ แต่ก็กลายเป็นคนสำคัญในยุคของสุดยอดทีมได้ ด้วยการมีวิชั่นที่ดี รู้ว่าบทบาทหน้าที่ตัวเองว่าต้องทำอะไร และเวลาใดต้องตัดสินใจแบบไหน
คนที่ชัดที่สุดคือ เปโดร โรดริเกซ ปีกร่างเล็กของ บาร์เซโลน่า ยุคต่างดาวในช่วงต้นยุค 2010s ตัวของเปโดรนั้นไม่ได้เด็กแถวหน้าของ ลา มาเซีย ศูนย์ฝึกเยาวชนอันเลื่องชื่อของทีมด้วยซ้ำ ทว่าวิชั่นและความเข้าใจเกมที่มี ทำให้เขาเป็นคนสำคัญ และได้เป็นตัวหลักในทีมเคียงข้างกับโคตรนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ และคนอื่น ๆ ในยุคนั้น
นอกจากนี้ เปโดร ยังเป็นนักเตะประวัติศาสตร์ที่สามารถทำประตูได้ทุกรายการที่ลงสนามในชีวิตนักเตะอาชีพอีกด้วย มันแสดงให้เห็นเป็นอย่างดีว่า เขามีความเฉียบแหลมและปรับตัวให้เขากับสถานการณ์รอบตัวได้ดีแค่ไหน
"เปโดร โรดริเกซ คือนักเตะที่เล่นกับสัญชาตญาณและแก้ไขเฉพาะหน้าได้เก่งมาก เขาอาจจะไม่ใช่คนที่เร็วและแข็งแรงที่สุด แต่ถ้าถึงเวลาสำคัญและช่วงชี้เป็นชี้ตาย เขาจะไม่ทำอะไรพลาดง่าย ๆ ให้คุณได้เห็น ถ้าเขาชื่อว่า เปดรินโญ่ เขาอาจจะมีค่าตัว 80 ล้านยูโรก็ได้" เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เคยชม เปโดร แบบนั้น
ตัวของ การ์นาโช่ นั้นเป็นนักเตะที่ต้องยอมรับว่ามีพรสวรรค์สูง เอริค เทน ฮาก กุนซือคนเก่าของ ยูไนเต็ด เคยพูดด้วยตัวเองว่า เป็นนักเตะที่มีศักยภาพให้เติมเต็มอีกมาก แต่สิ่งที่ เทน ฮาก ห้อยท้ายก็คือ การ์นาโช่ ไม่มีทางลัดอื่นนอกจากการเริ่มทำงานหนัก เพื่อที่จะพาตัวเองไปถึงการเป็นนักเตะระดับโลก
"สโมสรชั้นนำทุกแห่งต้องการผู้เล่นที่มี 'คุณสมบัติ X' (X factor - คุณสมบัติบางอย่างที่ยากที่จะอธิบาย ที่ทำให้ใครบางคนมีความสามารถพิเศษเหนือใคร) การ์นาโช่มีคุณสมบัตินี้ในตัวเขา เราได้เห็นมาแล้วหลายครั้งว่าเขามีคุณสมบัติ X
ดังนั้นหากคุณต้องการเป็นผู้เล่นที่ผู้คนต่างพูดว่าเป็นระดับโลก คุณต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เขามีทักษะนั้น แต่คุณต้องพิสูจน์ตัวเอง แสดงมันให้เห็นทุกวันในสนามซ้อมและทุกนาทีที่คุณทำได้ ไม่ใช่แค่เรื่องของการเป็นคนที่สร้างจังหวะเข้าทำเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการเป็นผู้ที่ทำประตูได้ด้วย" เทน ฮาก บอกแบบนั้น
การตัดสินใจที่ผิดพลาดบ่อย ๆ ในสนามของ การ์นาโช่ เริ่มถูกจับตามองมากขึ้น ซึ่งหากจะไล่ต้นตอ มันก็ต้องเริ่มมองไปที่เรื่องอื่น ๆ ด้วย เช่นเรื่องทางกายภาพของเขา ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่าตัวของเขายังผอมบาง และดูจะอ่อนเรื่องร่างกาย ซึ่งทำให้โดนกระแทกจากคู่แข่งบ่อย ๆ จนทำให้จังหวะของเขารวนไปเยอะ
ซึ่งเรื่องนี้ถ้าเทียบกับ โรนัลโด้ ตอนอายุ 20 ปี โรนัลโด้ เริ่มจริงจังเรื่องการเข้ายิมมากขึ้น และดูและตัวเองมากขึ้นแล้ว รูปร่าง โรนัลโด้ ในช่วงวัยดังกล่าวเริ่มมีซิกแพ็คเกิดขึ้น และนำมาซึ่งการเคลื่อนไหวที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นหลาย ๆ อย่าง เช่นการโหม่งที่รุนแรงแม่นยำ เป็นจนถึงการลอยตัวในกลางอากาศที่สูงขึ้นมาก จนลูกโหม่งกลายเป็นอีกหนึ่งอาวุธสำคัญในการทำประตูของเขา
การ์นาโช่ จะต้องตื่นตัวให้มาก ทุกวินาทีในโลกฟุตบอลหลังจากนี้สำคัญกับเขามาก ๆ เช่นกัน เขาจำเป็นจะต้องมีตัวอย่างที่ดี อยู่ในบรรยากาศที่ทุกคนผลักดันกันและกัน และมีคนที่บอกแและสอนเขาให้ถูกทาง และที่สำคัญ เขาต้องเรียนรู้ให้มาก เพราะเรื่องจังหวะและวิชั่นในการเล่นนั้น สิ่งที่จะช่วยคุณได้มากที่สุดก็คือประสบการณ์การลงสนามที่มากขึ้น
คุณต้องเล่นแล้วจดจำภาพต่าง ๆ เอาไว้ในหัว เช่นเดียวกันกับการเล่นที่ต้องฝึกใช้ไหวพริบที่รวดเร็ว และการตัดสินใจทำสิ่งต่าง ๆ ให้ทันท่วงที เพราะในเกมฟุตบอลระดับสูงนั้น ช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาที โอกาสก็อาจจะหมดไปแล้ว และบางเกมมันอาจจะไม่กลับมาหาคุณอีกเลย
การ์นาโช่ ยังเหลือเวลาอีก 2-3 ปีหลังจากนี้ที่จะสร้างความผิดพลาดให้มากขึ้น เพื่อที่จะเรียนรู้จากมันให้มากขึ้น … เพราะถ้าหากพ้นช่วงวัยของดาวรุ่งไปแล้ว ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ยิ่งจะสะท้อนถึงคลาสของเขาเป็นเงาตามตัวเช่นกัน
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา