Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลงทุนแมน
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
29 พ.ย. เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
บทเรียนหุ้น Satyam บริษัทโกงสุด ในอินเดีย สร้างความเสียหาย 50,000 ล้าน
เมื่อ 16 ปีก่อน มีเคสที่น่าสนใจของบริษัทอินเดียที่ชื่อ Satyam โดยชายชื่อว่า “Ramalinga Raju” ได้ตกแต่งบัญชีบริษัทตัวเอง เพื่อหวังปั่นหุ้นให้มีราคาสูงขึ้น แล้วขายเอาเงินไปเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์
1
แต่มันกลับสร้างความเสียหาย ไปมากกว่า 50,000 ล้านบาท..
เรื่องราวของบริษัทโกงสุด ในอินเดีย เป็นอย่างไร
แล้วแผนการเล่ห์เหลี่ยมของนาย Raju คืออะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
นาย Ramalinga Raju เป็นนักธุรกิจชาวอินเดีย ผู้ก่อตั้งบริษัท Satyam Computer Services ขึ้นในปี 1987 ประกอบธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์และให้บริการด้าน IT
ซึ่ง Satyam ก็ได้เติบโตตามแนวโน้มของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ จนกลายเป็นบริษัท IT ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศอินเดีย
3
ในปี 2008 บริษัทมีรายได้สูงถึง 70,000 ล้านบาท รวมทั้งมีพนักงานกว่า 50,000 คน และมีการขยายกิจการไปใน 60 ประเทศทั่วโลก
ทั้งนี้ Satyam ได้มีการจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ มาตั้งแต่ปี 1991 และยังจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ในปี 2001 อีกด้วย
จึงไม่แปลกอะไรเลยที่ชาวอินเดีย จะมองว่า Satyam เป็นแบบอย่างของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และตัวนาย Raju เอง ก็ได้รับรางวัลผู้ประกอบการดีเด่นจากหลาย ๆ เวที
แต่สิ่งที่ทุกคนไม่รู้เลย ก็คือ ภาพธุรกิจอันสวยหรูของ Satyam
เป็นเพียงแค่ตัวเลขที่สมมติขึ้นมาเท่านั้น..
ตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 2000 นาย Raju เริ่มสนใจในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากภาครัฐมีแผนพัฒนาเมืองและนิคมอุตสาหกรรมมากมาย ทำให้ราคาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
นาย Raju ที่ถูกความโลภเข้าครอบงำ จึงวางแผนกลโกงเพื่อเก็งกำไรจากอสังหาริมทรัพย์
โดยเขาก่อตั้งอีกหลายบริษัท เช่น Maytas Infrastructures และ Maytas Properties ซึ่งตัวเองและคนใกล้ชิดเป็นผู้ถือหุ้น สำหรับใช้เข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะบริเวณใกล้เส้นทางรถไฟใต้ดินในอนาคต
2
จากนั้น เขาก็ได้เริ่มทำการตกแต่งบัญชีของบริษัท Satyam ไม่ว่าจะเป็น ปลอมเอกสารใบแจ้งหนี้กว่า 7,500 ฉบับ เพื่อทำยอดขายสูง ๆ และปลอมรายการเงินฝากเข้าบัญชี ทำให้บริษัทมีรายได้และกำไรสูงกว่าความเป็นจริงมาก
2
ซึ่งก็มีนักลงทุนถูกหลอก จากผลประกอบการที่ดูสวยหรู และเข้ามาลงทุนหรือเก็งกำไรในหุ้น Satyam อย่างต่อเนื่อง
ส่งผลให้ราคาหุ้น Satyam พุ่งจากประมาณ 75 รูปีต่อหุ้น ในปี 2003 ไปทำจุดสูงสุดประมาณ 550 รูปีต่อหุ้น ในปี 2007 หรือเพิ่มขึ้นเป็น 7 เท่า ภายในเวลา 4 ปี
ทว่าในระหว่างนั้น นาย Raju และพรรคพวก ก็ทยอยขายหุ้นทำกำไรออกมา แถมยังมีการเอาหุ้นไปค้ำประกันเพื่อกู้เงินจากธนาคาร
รวมทั้งบันทึกจ่ายเงินเดือนให้พนักงานที่ไม่มีตัวตนจริง ๆ เพื่อยักยอกเงินเข้าบัญชีตัวเอง..
พอรวบรวมเงินได้ เขาก็เอาไปกว้านซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากตามแผน ซึ่งถ้าขายทำกำไรได้แล้ว ก็จะค่อย ๆ นำเงินบางส่วน โอนเข้าบัญชีบริษัท Satyam เพื่อโปะส่วนต่างตัวเลขที่เคยตกแต่งไว้
1
แผนของนาย Raju ดำเนินมาหลายปี โดยไม่มีใครสงสัย จนหุ้น Satyam ที่กลุ่มนาย Raju เคยถืออยู่ราว 24% ลดลงมาเหลือเพียง 5% เท่านั้น
1
มาถึงตรงนี้ เขาคิดว่าคงสามารถหลอกทุกคนไปได้ตลอด แต่ในปี 2008 ก็ดันเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น นั่นก็คือ “วิกฤติสินเชื่อซับไพรม์” ในสหรัฐอเมริกา
3
ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้สินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ในอินเดีย มีราคาลดลงอย่างรวดเร็ว
2
ด้วยเหตุนี้ นาย Raju จึงไม่เหลือผลกำไรมาใช้โปะบัญชีบริษัท Satyam อีกแล้ว
เขาเลยต้องหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ ก่อนที่จะมีใครสังเกตเห็นความผิดปกติเข้า
คราวนี้ เขาวางแผนให้ Satyam เข้าซื้อกิจการของ Maytas Infrastructures และ Maytas Properties แต่ลับหลังจะไม่มีการจ่ายเงินใด ๆ เพื่อเอามูลค่าสินทรัพย์มาโปะคืนในบัญชีของ Satyam แบบฟรี ๆ
1
แม้ตอนแรก เขาจะโน้มน้าวบอร์ดบริหารของบริษัทได้แล้ว แต่อย่าลืมว่าหุ้นของกลุ่มนาย Raju เหลืออยู่แค่ 5% จึงทำให้ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นรายอื่นเสียก่อน
2
ซึ่งผู้ถือหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินต่างไม่เห็นด้วย กับการซื้อกิจการที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ IT เลย ถึงขนาดบางรายได้มีการไปยื่นฟ้องร้องต่อศาลเลยด้วยซ้ำ ทำให้ดีลการซื้อขายดังกล่าวถูกยกเลิกไปในที่สุด
1
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ก็เริ่มมีคนรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง จนนำไปสู่การตรวจสอบข้อมูล และพบว่า Satyam มีการตกแต่งบัญชี มานานหลายปี
เมื่อจำนนต่อหลักฐาน นาย Raju จึงรับสารภาพว่า เขาตกแต่งบัญชีเพื่อปั่นหุ้น รวมทั้งยักยอกเงินบริษัท เพื่อนำไปเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์
มีการประเมินมูลค่าความเสียหายจากการโกงของนาย Raju ไว้ที่ประมาณ 51,000 ล้านบาท นับเป็นหนึ่งในการโกงที่สร้างความเสียหายมากที่สุดของอินเดีย..
1
โดยนาย Raju ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 7 ปี ส่วนบริษัท Satyam ก็ถูกรัฐบาลเข้ามาแทรกแซง รวมถึงให้บริษัท Tech Mahindra เข้ามาซื้อกิจการต่อ และในภายหลัง ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น Mahindra Satyam
จากเรื่องราวนี้ หลายคนอาจนึกถึง Enron อดีตบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ที่ล้มละลายเพราะตกแต่งบัญชี ซึ่งกรณีของบริษัท Satyam ก็ถูกยกไปเปรียบเทียบให้เป็นเหมือน Enron เวอร์ชันอินเดีย
แต่หลายคนอาจมีความสงสัยว่าแล้วที่ผ่านมา
ผู้ตรวจสอบบัญชีของบริษัท ไม่พบความผิดปกติใด ๆ เลยหรือ ?
ซึ่งผู้ตรวจสอบบัญชีของ Satyam อย่าง PwC นั้นโดนทางการอินเดีย ปรับเงินไปกว่า 200 ล้านบาท และโดนแบนไม่ให้ทำธุรกิจในอินเดียเป็นเวลา 2 ปี หลังถูกมองว่าปล่อยปละละเลยข้อมูลบางส่วน เนื่องจากได้รับค่าจ้างจาก Satyam สูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติ
2
กรณีการโกงของนาย Ramalinga Raju คงเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่ตอกย้ำว่า
จริยธรรมของผู้บริหารองค์กร เป็นอีกปัจจัยที่มีความสำคัญ ไม่แพ้พื้นฐานด้านธุรกิจ
เพราะหากผู้บริหารไม่มีความซื่อสัตย์
แม้ตัวเลขในงบจะดูสวยงามแค่ไหน มันก็ไม่น่าเชื่อถือ
1
เพราะเมื่อความซื่อสัตย์ เป็น “ศูนย์”
ไม่ว่าตัวเลขจะมากมายขนาดไหน อะไรคูณกับศูนย์ ก็ได้ ศูนย์ อยู่ดี
2
ซึ่งน่าสนใจว่า ถ้านาย Raju ไม่โลภ และทุ่มเทโฟกัสอยู่กับธุรกิจ IT ที่อุตส่าห์ปั้นขึ้นมาเป็นเจ้าใหญ่ในตลาด
เขาก็อาจประสบความสำเร็จยิ่งกว่าเดิม และสร้างธุรกิจมูลค่าหลายแสนล้านบาทขึ้นมา โดยที่ไม่ต้องโกงแบบนี้เลย ก็เป็นได้..
หุ้น
การลงทุน
14 บันทึก
42
13
14
42
13
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย