10 ม.ค. เวลา 02:30 • ธุรกิจ

2 สาวที่เจอมรสุมในชีวิต สร้างโลกแห่งสไลม์ จนกวาดรายได้ 1,000 ล้านบาท

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ มีผู้หญิงหลายคน รวยเพราะสไลม์ ของเล่นยอดฮิตของเด็ก Gen Alpha หรือที่คนไทยเรียกว่า “น้ำลายเอเลียน”
- คุณ Jungmin Kang สาวน้อยวัย 18 ปี เจ้าของแบรนด์สไลม์ Snoopslimes ยอดขายหลักร้อยล้าน
- คุณ Karina Garcia สาววัย 23 ปี ที่รีวิวสไลม์ในช่อง YouTube จนรวยหลายสิบล้าน
รวมถึงคุณ Sara Schiller กับคุณ Karen Robinovitz ผู้หญิง 2 คนที่กำลังเจอวิกฤติในชีวิต แต่กลับมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ เพราะธุรกิจสไลม์ ซึ่งปีที่แล้วกวาดรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท
เรื่องราวของทั้ง 2 คน และ Sloomoo น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับไปในปี 2018 ขณะที่คุณ Karen Robinovitz กำลังอยู่ในภาวะซึมเศร้า หลังสูญเสียสามี และการจากไปอย่างกะทันหันของลูกพี่ลูกน้อง
เธอได้แต่ขังตัวเองอยู่ในบ้านกับความเสียใจ จนวันหนึ่งเพื่อนของเธอก็พาลูกสาววัย 10 ขวบมาเล่นที่บ้าน
คุณ Robinovitz เล่าว่าเธอเห็นหลานสาวกำลังเล่นสไลม์อยู่ ทำให้เธอนึกถึงตัวเองสมัยเด็ก ที่ชอบเล่นสไลม์เหมือนกัน เธอจึงเดินเข้าไปเล่นกับหลานสาว
กว่าจะรู้สึกตัวอีกที ก็เป็นเวลา 4 ชั่วโมงที่เธอขลุกอยู่กับสไลม์ ซึ่งเธอพบว่ามันทำให้เธอลืมความทุกข์ทั้งหมดไปได้ชั่วขณะ
คุณ Robinovitz นำเรื่องราวนี้ ไปเล่าให้คุณ Sara Schiller เพื่อนสนิทของเธอฟัง ซึ่งตัวคุณ Schiller เองก็มีสถานการณ์ในชีวิตที่ไม่ต่างกับคุณ Robinovitz
โดยคุณ Schiller มีลูกสาวที่ป่วยเป็นโรคแองเจลแมนซินโดรม ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และสามีที่เป็นโรคเส้นเลือดในสมองแตก เธอจึงกลายเป็นเสาหลักของครอบครัว และมีความเครียดสะสม
พอคุณ Robinovitz นำสไลม์มาที่บ้านของเธอ ก็ทำให้เธอประหลาดใจ เพราะแม้แต่ลูกสาวที่ป่วยเป็นโรคแองเจลแมนซินโดรม ก็สามารถเล่นสไลม์และพูดคุยกับเธอได้เหมือนเด็กทั่วไป
หลังจากนั้น สไลม์ก็กลายเป็นท็อปปิกที่พวกเขาทั้ง 2 คนพูดคุยกันประจำ จนถึงวันที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปลี่ยนความหลงใหลในสไลม์ ให้กลายเป็นธุรกิจจริง
ซึ่งต้องบอกว่าทั้ง 2 คนเป็นนักธุรกิจหญิงอยู่แล้ว เพราะคุณ Robinovitz เคยเปิดเอเจนซีดูแลอินฟลูเอนเซอร์มาก่อน ส่วนคุณ Schiller เคยร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์มให้เช่าห้องประชุม
พวกเธอจึงใช้ความรู้ด้านการตลาดรวมกับด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิด Pop-Up Store สไลม์ขนาดยักษ์ที่นิวยอร์กในปี 2019 ให้คนได้มาเล่นสไลม์แบบจุใจ และตั้งชื่อว่า Sloomoo (มาจาก Slime และตัดเสียงสระออกเป็นตัว o)
แม้ว่าก่อนจะเริ่มธุรกิจ คนรอบตัวจะมองว่าพวกเธอ 2 คนบ้า และมองว่าธุรกิจสไลม์ของพวกเธอไม่น่าจะไปรอด
แต่กลายเป็นว่า เพียงแค่วันแรกที่เปิดกิจการ Sloomoo ก็มีลูกค้าเข้ามาเล่นมากถึง 3,000 คน
โดย Pop-Up Store ของ Sloomoo นั้น ถ้าให้นึกถึงภาพ มันคือสนามเด็กเล่นใหญ่ ๆ ในห้าง ที่มีหลาย ๆ ด่านให้เราเล่น
เมื่อเข้าไป ทุกคนต้องเปลี่ยนชื่อ เอาเสียงสระออกแล้วแทนด้วย oo เช่น Sara เป็น Sooroo และทีมงานจะให้เราเอาสไลม์เล็ก ๆ ไปแปะบนผนังสไลม์ขนาดยักษ์เพื่อเป็นการเช็กอิน
จากนั้นทุกคน ก็จะได้เข้าไปเล่นสไลม์ในห้องต่าง ๆ
เช่น Kinetic Sand Room เหมือนเวลาเด็ก ๆ ไปเล่นทรายบนชายหาด จะมีของเล่นทราย ให้บีบทรายออกมาเป็นรูปร่างต่าง ๆ
ซึ่งภายในห้องนี้ เราจะได้สร้างตัวละครสไลม์ในแบบของตัวเองผ่านวิดีโอ แล้วก็ดูตัวละครสไลม์ของเราขยับไปมา เต้นรำบนหน้าจอได้ด้วย
ต่อมาคือห้องไฮไลต์ คือ Sloomoo Falls ทุกคนจะต้องใส่เสื้อกันฝนพลาสติก แล้วจะมีฝนสไลม์เทลงมาใส่ตัวเรา
และอีกห้องคือ Sloomoo Lake ทะเลสาบสไลม์ขนาดใหญ่ ที่เหมือนบ้านบอลของคนไทย แต่เปลี่ยนจากลูกบอลเป็นสไลม์ ให้เราเหยียบหรือทิ้งตัวลงไปบนสไลม์นุ่ม ๆ
สุดท้ายก่อนออก ทุกคนจะได้เข้าด่านทำสไลม์ของตัวเองนำกลับบ้าน โดยทุกคนจะได้เลือกเนื้อสัมผัสของสไลม์ ไม่ว่าจะเป็น Texture สี หรือเลือกกลิ่น
ปัจจุบัน Sloomoo มีทั้งหมด 5 สาขาในหัวเมืองใหญ่อย่าง Atlanta, Chicago, Houston, New York และ Los Angeles ซึ่งกวาดรายได้ให้บริษัทในปีล่าสุดไปกว่า 1,000 ล้านบาท
โดย 80% ของรายได้ มาจากการขายตั๋วเข้าเล่น ราคาเริ่มต้นใบละประมาณ 1,000 บาท และอีก 20% มาจากยอดขายสไลม์
และตอนนี้ Sloomoo ก็มีแผนขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการขยายสาขาในเมืองที่มีศักยภาพ และมีแผนที่จะขยายไปยังต่างประเทศผ่านการขายแฟรนไชส์อีกด้วย
เรื่องราวของคุณ Sara Schiller กับคุณ Karen Robinovitz คงเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนเห็นแล้วว่า แม้จะเป็นคนที่มีปัญหารุมเร้ามากมายในชีวิต ก็สามารถประสบความสำเร็จได้
และคงเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจนของนักธุรกิจที่รวยเพราะสินค้าที่ดูเรียบง่าย มีส่วนผสมหลักคือแป้งและกาว อย่างสไลม์..
โฆษณา