<อัปเดต> Prada Group ปิดดีลซื้อ Versace มูลค่า 48,000 ล้านบาท หวังพลิกฟื้นแบรนด์ระดับตำนาน
- Prada Group เข้าซื้อกิจการแบรนด์หรูระดับตำนาน อย่าง Versace จากบริษัท Capri Holdings ด้วยมูลค่าราว 48,000 ล้านบาท
โดยดีลดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก Prada Group เจรจาต่อรองส่วนลดกว่า 7,600 ล้านบาท เนื่องจากความปั่นป่วนในตลาดที่เกิดจากนโยบายภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดอนัลด์ ทรัมป์
และการซื้อกิจการนี้ Prada Group ต้องใช้เงินกู้เพิ่มอีก 9,500 ล้านบาท เพื่อรีแบรนด์และปรับภาพลักษณ์ Versace ที่มีผลประกอบการขาดทุนในปีล่าสุด
- สถานการณ์ของฝั่ง Capri Holdings ราคาหุ้นร่วงลง 9% ทันทีหลังนักลงทุนทราบข่าว และถือเป็นการลดลงเกือบ 30% นับตั้งแต่ต้นปี 2025
- หากย้อนกลับไปในปี 2018 Capri Holdings เคยซื้อกิจการ Versace ที่ราคา 71,000 ล้านบาท (เท่ากับว่า Prada Group ซื้อ Versace มาในราคาที่ถูกกว่าราว 32%)
ในตอนนั้น Capri Holdings ตั้งเป้าว่า Versace จะถึงจุดคุ้มทุนในเดือนมีนาคม ปี 2026 แต่กลับกลายเป็นว่าไม่สามารถทำกำไรได้
อีกทั้งในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Fitch ยังปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของหนี้บริษัท Capri Holdings เป็น BBB ซึ่งอยู่เหนือระดับหนี้เสี่ยงสูง (Junk) เพียงขั้นเดียว
ซึ่ง Capri Holdings เคยพยายามแก้ไขสถานการณ์ด้วยการขายแบรนด์ Versace ให้กับบริษัท Tapestry เจ้าของแบรนด์แฟชั่น Coach, Kate Spade แต่ก็ไม่สำเร็จ เนื่องจากถูกคณะกรรมการการค้าแห่งสหรัฐฯ (FTC) ระงับไว้ เพราะเสี่ยงต่อการแข่งขันและราคาสินค้า
แต่หลังจากที่ Capri Holdings เคราะห์ซ้ำหลายครั้ง ดีลการเสนอซื้อ Versace จาก Prada Group ก็เจรจาได้สำเร็จลุล่วง และคาดว่าข้อตกลงจะเสร็จสิ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2025
- กลับมาที่ฝั่ง Prada Group มองว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ จะทำให้พอร์ตโฟลิโอของบริษัทแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เพราะ Versace มีฐานลูกค้ากว้างขวางทั่วโลก
อีกทั้งคุณ Andrea Guerra ซีอีโอของ Prada Group เผยว่าการฟื้นฟูแบรนด์ Versace ในครั้งนี้เป็นแผนระยะยาวของบริษัท ที่เน้นการขยายรายได้ ไม่ใช่การลดต้นทุน
อย่างไรก็ตาม Prada Group ยังคงเผชิญความท้าทาย เพราะเมื่อเดือนที่แล้ว Versace ได้แต่งตั้งผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์คนใหม่อย่างคุณ Dario Vitale ผู้ที่มาจากแบรนด์ Miu Miu ในเครือของ Prada Group
ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนกังวลว่า การโยกย้ายผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์คนใหม่ อาจส่งผลให้ยอดขายของ Miu Miu ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว มีความเสี่ยงที่จะลดลงได้ในอนาคต
- สรุปแล้วดีลนี้คือ “การเดิมพันครั้งใหญ่ของ Prada Group” ที่ต้องอาศัย วิสัยทัศน์ การบริหารคน และการตลาดระดับโลก
เพราะแม้ชื่อ Versace จะยังแข็งแกร่งในบางกลุ่ม แต่ถ้าไม่สามารถรีเฟรชภาพลักษณ์ให้เข้ากับยุคสมัยได้ ก็อาจกลายเป็นแบรนด์ที่ “คนจำได้ แต่ไม่อยากซื้อ”
แล้ว Prada Group จะสามารถพลิกฟื้น Versace ให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งได้หรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องคอยติดตามกันต่อไป..
References :
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
