4 พ.ค. เวลา 06:35 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

ผกก. มาโมรุ โฮโซดะ เผยไอเดีย “Scarlet” เริ่มต้น หลังเห็นความขัดแย้งหลังยุคโควิดปะทุขึ้นทั่วโลก

หลังทำการเผยโฉมตัวอย่างแรกสั้น ๆ ของ “Scarlet” ผลงานแอนิเมชันเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ ฯ มาโมรุ โฮโซดะ จาก “Belle” และ “Summer Wars” ซึ่งถึงแม้ ผลงานเรื่องใหม่ จะยังมาพร้อมตัวเอกหญิงคนใหม่ก็ตาม แต่เนื้อหากลับมาพร้อมความดาร์คแฟนตาซีในรูปแบบที่ไม่เคยมาก่อนจากผลงานเรื่องไหน ๆ ของ โฮโซดะ ครับ
ทั้งนี้ หลังเผยโฉมตัวอย่างแรกของ “Scarlet” ทางทีมผู้สร้าง ก็ได้ทำการเผยเบื้องหลังและที่มา ผ่านถ้อยแถลงของตัวผู้กำกับ ฯ มาโมรุ โฮโซดะ ว่า เขาได้ไอเดียในการสร้าง “Scarlet” หลังจากโลกที่เพิ่งผ่านพ้นวิกฤตกาลโรคระบาดโควิด กลับถูกผลักเข้าสู่ห้วงของความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นทั่วโลก และตัดสินใจสร้างแอนิเมชันที่ว่าด้วยการล้างแค้นเรื่องนี้
“ผมได้ไอเดียการทำหนังเรื่องนี้ในเดือน มีนาคม 2022”
“โดยในปี 2021 ซึ่งเป็นช่วงโควิดระบาดหนัก และทั้งโลกก็ดูจะผนึกกำลังเพื่อต้านไวรัสโคโรน่า แต่กระนั้นในปี 2022 ที่โควิดกำลังจะเริ่มซา สงครามกลับปะทุขึ้นทั่วโลก เหมือนกับว่าทั้งโลกต่างฝ่ายต่างหันสู้ใส่กัน ในทุกวัน ผมเห็นข่าวที่ชวนให้คิดว่า วิถีปกติเริ่มพังทลายลง และผมตกใจที่ตระหนักได้ว่า ชีวิตที่ผมมี โลกที่ผมอยู่ และสันติภาพที่ดำรงอยู่นั้น มันเปราะบางมากเสียเหลือเกิน” โฮโซดะ กล่าว
โดย โฮโซดะ รู้สึกถึงจุดประสงค์ในการสร้างแอนิเมชันแต่ละเรื่อง และสำหรับ “Scarlet” เอง มันมาพร้อมเป้าหมายที่แยบยลกว่านั้น ไม่ใช่แค่การพูดถึงจุดแข็งของความเป็นครอบครัว ขณะเผชิญภัยร้ายในโลกเสมือน แต่มันเป็นเรื่องปัญเจกที่ใกล้ชิดกว่านั้น คือการค้นหาวิธีการแก้ไขความขัดแย้ง รวมถึงเผชิญหน้าซึ่งห้วงอารมณ์เคียดแค้นที่อาจก่อเกิดเป็นวัฏจักรที่ไม่มีวันสิ้นสุด นั่นจึงเป็นที่มาของ “Scarlet” ในท้ายที่สุด
“ผู้คนทั่วทั้งโลก ต่างมองหาซึ่งคำตอบของคำถาม ว่าเราจะใช้ชีวิตในโลกที่ไร้ซึ่งสันติได้อย่างไร ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบด้วยว่าจะมีคำตอบหรือไม่ แต่ทุกคนต่างดิ้นรนค้นหาคำตอบในการแก้ไขซึ่งความขัดแย้ง และวิธีที่เราจะใช้ชีวิตได้อย่างมีสันติสุข ซึ่งหากผมอยากจะสร้างหนังตอนนี้ ผมคิดว่า ผมควรจะต้องสร้างหนังที่เผชิญหน้าซึ่งความรู้สึกที่แท้จริงของทุกคน และนั่นจึงเป็นที่มาของ ‘Scarlet'”
“ขณะพร่ำมองซึ่งเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ผมรู้สึกได้ถึง ความเคียดแค้นอันดำมืด และความปรารถนาที่จะล้างแค้น เกิดขึ้นอย่างไม่รู้จบ และการล้างแค้นก็นำไปสู่การแก้แค้น และวัฏจักรนี้ก็ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่ง ณ จุดนึง คุณก็ต้องหนทางยุติวงจรอุบาทว์นี้ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่คุณทำได้โดยง่าย”
“ถ้าหากตัวเอกของหนัง ถูกต้อนให้จนมุมอยู่ในสถานการณ์ที่เขาไม่มีทางเลือกเหลือ นอกจากการแก้แค้น หรือเป็นเราเองที่สิ้นไร้ไม้ตอกให้อยู่ภายใต้สถานการณ์เดียวกัน เราควรทำอย่างไรดี? ซึ่งถึงแม้เราจะตระหนักได้ว่า เราต้องยุติวงจรการล้างแค้นนี้ลงก็ตาม แต่ในเชิงของอารมณ์แล้ว เราสามารถทำได้หรือไม่? ผมจึงรู้สึกว่า ผมกำลังเผชิญซึ่งการท้าทาย และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไม ผมจึงตัดสินใจสร้างหนังที่ว่าด้วย ‘การล้างแค้น’ เรื่องนี้” โฮโซดะ กล่าวทิ้งท้ายในถ้อยแถลง
“Scarlet” ว่าด้วยเรื่องราวของ องค์หญิงสการ์เล็ตต์ หลังพระราชบิดาถูกลอบสังหาร และเป้าหมายที่จะล้างแค้นไม่เป็นผลสำเร็จ สการ์เล็ตต์ กลับตื่นขึ้นมาอยู่บนดินแดนมรณะ ที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ท่ามกลางภพภูมิที่เต็มไปด้วยความวิกลจริต หากเธอไม่สามารถทวงแค้นต่อศัตรูตัวฉกาจ และเดินทางไปถึง สถานที่แห่งนิจนิรันดร์ เธอจะไร้ตัวตนและสาบสูญไปตลอดกาล
ณ การผจญภัยที่เหนือจินตนาการ ณ สมรภูมิที่ไม่มีวันสิ้นสุด ณ การเผชิญหน้าที่ทะยานข้ามขอบเขตกาลและอวกาศ ณ ปลายทางของการเดินทางอันไม่สิ้นสูญนี้ สการ์เล็ตต์ จะค้นพบหนทางแห่งการใช้ชีวิตหรือไม่?
“Scarlet” กำกับและเขียนบทโดย มาโมรุ โฮโซดะ (“Belle” และ “Summer Wars”) วางกำหนดฉายในญี่ปุ่น 21 พฤศจิกายน นี้ ส่วนขณะทั่วโลก วางกำหนดฉาย 12 ธันวาคม 2025
โฆษณา