Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ฐานเศรษฐกิจ_Thansettakij
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
8 พ.ค. เวลา 12:00 • ข่าวรอบโลก
เทียบขุมพลังเศรษฐกิจ "อินเดีย-ปากีสถาน" ศึกใหญ่ใครรอด
อินเดียเปิดฉากโจมตีปากีสถาน สะเทือนทั้งสมรภูมิจริงและตัวเลขเศรษฐกิจ Moody’s เตือนความตึงเครียดอาจฉุดปากีสถานทรุด ขณะที่อินเดียยังคงโตต่อเนื่อง
สองสัปดาห์หลังกลุ่มติดอาวุธโจมตีนักท่องเที่ยวในดินแดนแคชเมียร์ส่วนที่ปกครองโดยอินเดีย เมื่อเร็วๆ นี้ กองทัพอินเดียได้เปิดฉากโจมตีหลายพื้นที่ทั้งในดินแดนของปากีสถาน และพื้นที่ภายในแคว้นแคชเมียร์ในส่วนที่ปากีสถานปกครอง
กระทรวงกลาโหมของอินเดียระบุว่าการโจมตีดังกล่าว ซึ่งมีชื่อว่า "ปฏิบัติการซินดูร์" (Operation Sindoor) มุ่งมั่นที่จะให้ผู้ที่มีส่วนต้องรับผิดชอบกับการโจมตีเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ซึ่งทำให้มีชาวอินเดีย 25 ราย และชาวเนปาลอีก 1 รายเสียชีวิตนั้น ต้องรับผลของการกระทำ
แต่ปากีสถาน ซึ่งปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับการโจมตีเมื่อเดือนที่ผ่านมา อธิบายถึงการโจมตีดังกล่าวว่าเกิดขึ้นโดยไร้เหตุผลโดย นายเชห์บาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน ระบุว่าการรุกรานจะต้องได้รับการลงโทษ
■
ความตึงเครียดทางทหารทวีความรุนแรงขึ้น
สถานการณ์ก็ส่งผลโดยตรงต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะฝั่งปากีสถาน ซึ่งถูกเตือนจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก มูดี้ส์ (Moody’s) ว่า ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างอินเดียและปากีสถานจะส่งผลต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจปากีสถาน
การโจมตีเมื่อวันที่ 22 เมษายนในพาฮาลแกม แคว้นแคชเมียร์ที่ถูกยึดครอง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 26 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว ถือเป็นหนึ่งในเหตุโจมตีที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 อินเดียได้กล่าวเป็นนัยถึงความเชื่อมโยงจากฝั่งข้ามพรมแดนโดยไม่มีหลักฐาน ขณะที่ปากีสถานปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ และเรียกร้องให้มีการสอบสวนโดยผู้มีความเป็นกลาง
หลังเหตุการณ์ดังกล่าว ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้น โดยปากีสถานเสริมกำลังทหารโดยคาดว่าจะเกิดการรุกราน ขณะที่ผู้นำอินเดียได้ให้อิสระในการปฏิบัติการแก่กองทัพของตน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังคงร้อนระอุ กองทัพได้เตือนว่าจะตอบโต้ “อย่างรวดเร็ว” ต่อการกระทำใด ๆ ของนิวเดลี ในขณะเดียวกัน ช่องทางทางการทูตก็ยังคงเปิดอยู่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้ง
มูดี้ส์ระบุในบันทึกว่า การยกระดับความตึงเครียดกับอินเดียอย่างต่อเนื่องน่าจะถ่วงการเติบโตของปากีสถาน และขัดขวางความพยายามของรัฐบาลในการควบรวมงบประมาณ ซึ่งจะทำให้ความก้าวหน้าในการบรรลุเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาคล่าช้าออกไป
■
แนวโน้มเศรษฐกิจของปากีสถาน
มูดี้ส์ระบุว่า ดัชนีเศรษฐกิจมหภาคของประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น โดยการเติบโตเริ่มเพิ่มขึ้น แรงกดดันเงินเฟ้อผ่อนคลาย และเงินสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น ท่ามกลางความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในโครงการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
อย่างไรก็ตาม มูดี้ส์ตั้งข้อสังเกตว่า การเพิ่มขึ้นของความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ปากีสถานเข้าถึงเงินทุนจากภายนอกได้ยากขึ้น และกดดันเงินสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าความจำเป็นในการชำระหนี้ต่างประเทศในช่วงหลายปีข้างหน้า
ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างอินเดียและปากีสถานเสื่อมถอย
มูดี้ส์ระบุ พร้อมอ้างถึงถ้อยแถลงของรัฐมนตรีสารสนเทศ อัตตาอุลเลาะห์ ทาราร์ ที่กล่าวว่าปากีสถานคาดว่าจะเผชิญปฏิบัติการทางทหารจากอินเดีย
ที่น่าสังเกตคือ มูดี้ส์เตือนว่า หากอินเดียระงับสนธิสัญญาแม่น้ำสินธุที่ลงนามตั้งแต่ปี 1960 จะสามารถ ลดปริมาณน้ำของปากีสถานได้อย่างรุนแรง
ในทางเปรียบเทียบ มูดี้ส์ระบุว่า เงื่อนไขเศรษฐกิจมหภาคของอินเดียยังคงมีเสถียรภาพ โดยได้รับแรงหนุนจาก ระดับการเติบโตที่แม้จะชะลอลงแต่ยังอยู่ในระดับสูง ท่ามกลางการลงทุนภาครัฐที่แข็งแกร่งและการบริโภคภาคเอกชนที่มีสุขภาพดี
ในกรณีที่ความตึงเครียดเฉพาะพื้นที่ยกระดับต่อเนื่อง เราไม่คาดว่าจะเกิดความปั่นป่วนใหญ่หลวงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของอินเดีย เนื่องจากมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับปากีสถานเพียงเล็กน้อย
โดยเสริมว่า ปากีสถานมีสัดส่วนในมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของอินเดียไม่ถึง 0.5% ในปี 2024 อย่างไรก็ตาม มูดี้ส์เน้นว่า การใช้จ่ายด้านกลาโหมที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลต่อ ความแข็งแกร่งทางการคลังของอินเดีย และทำให้การควบรวมงบประมาณล่าช้า
การประเมินความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ของเราสำหรับปากีสถานและอินเดีย คำนึงถึงความตึงเครียดที่ดำรงอยู่ ซึ่งบางครั้งนำไปสู่การตอบโต้ทางทหารในวงจำกัด
มูดี้ส์ระบุ พร้อมคาดว่าเหตุปะทะจะเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆดังที่เกิดขึ้นมาตลอดประวัติศาสตร์หลังการได้รับเอกราชของทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะไม่ลุกลามไปสู่ ความขัดแย้งทางทหารที่เปิดกว้างและในวงกว้าง
อีกมุมหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบทางเศรษฐกิจแล้ว อินเดียเดินหน้าเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แซงหน้าปากีสถาน และเหนือกว่าค่าเฉลี่ยโลกในด้านสำคัญ ๆ เช่น จีดีพี รายได้ต่อหัว การควบคุมเงินเฟ้อ และแนวโน้มการจ้างงาน
■
รายได้ต่อหัว (GDP per capita)
ในปี 2014 รายได้ต่อหัวของอินเดียอยู่ที่ 1,560 ดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่มขึ้นเป็น 2,711 ดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2024 ซึ่งถือว่าเติบโตขึ้น 74% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ในทางตรงกันข้าม เศรษฐกิจของปากีสถานมีความซบเซา โดยรายได้ต่อหัวในปี 2014 อยู่ที่ 1,424 ดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเป็น 1,581 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2024 หรือเพิ่มขึ้นเพียง 11%
ค่าเฉลี่ยของรายได้ต่อหัวทั่วโลกก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน จาก 11,120 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2014 เป็น 13,933 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2024 หรือเติบโต 24% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
เมื่อเปรียบเทียบกัน อินเดียไม่เพียงแซงหน้าปากีสถานอย่างชัดเจนเท่านั้น แต่ยังเติบโตแซงหน้าค่าเฉลี่ยทั่วโลกในด้านรายได้ต่อหัวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
■
จีดีพี (GDP at current prices)
ข้อมูลจีดีพีราคาปัจจุบัน (หน่วยพันล้านดอลลาร์สหรัฐ) แสดงให้เห็นการขยายตัวของขนาดเศรษฐกิจอินเดียและความสำคัญในระดับโลกอย่างชัดเจน
ในปี 2000 อินเดียมีจีดีพีอยู่ที่ 4.68 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 1.37% ของจีดีพีโลก ขณะที่ปากีสถานมีจีดีพีอยู่ที่ 9.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 0.29%
ในช่วงปี 2014–2024 อินเดียมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างโดดเด่น โดยจีดีพีเพิ่มจาก 2.04 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2014 เป็น 3.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2024 หรือเติบโต 92% ส่งผลให้สัดส่วนของอินเดียในจีดีพีโลกเพิ่มจาก 2.55% เป็น 3.54%
ในทางตรงข้าม จีดีพีของปากีสถานเพิ่มจาก 2.71 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 3.73 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเวลาเดียวกัน หรือเติบโต 37% เท่านั้น และส่วนแบ่งในจีดีพีโลกยังคงอยู่ที่ 0.34% ไม่เปลี่ยนแปลง
เพื่อให้เห็นภาพรวม จีดีพีโลกเติบโต 38% ในช่วงทศวรรษเดียวกัน โดยแตะระดับ 110.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2024 ดังนั้น การเติบโตของอินเดียถือว่ารวดเร็วกว่าค่าเฉลี่ยโลกอย่างชัดเจน ขณะที่ปากีสถานมีอัตราใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยโลก ซึ่งสะท้อนถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนของพลังทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้าน
■
อัตราการเติบโตของจีดีพีจริง (Real GDP Growth)
ข้อมูลอัตราการเติบโตของจีดีพีจริงตลอดทศวรรษที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงแรงส่งทางเศรษฐกิจของอินเดียที่เหนือกว่าทั้งปากีสถานและค่าเฉลี่ยโลก
ระหว่างปี 2015–2025 อินเดียมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 6.08% สูงที่สุดในบรรดาสามกลุ่มที่เปรียบเทียบ แม้จะหดตัวแรงในปี 2020 จากผลกระทบของโควิด (-5.8%) แต่อินเดียก็ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเติบโต 9.7% ในปี 2021, 7.6% ในปี 2022 และ 9.2% ในปี 2023
ในทางกลับกัน เศรษฐกิจของปากีสถานมีความผันผวนและเติบโตอ่อนแอกว่า โดยมีอัตราเฉลี่ยเพียง 3.43% ในช่วงเดียวกัน และยังเผชิญภาวะหดตัวในปี 2020 รวมถึงเติบโตติดลบที่ -0.2% ในปี 2023 ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เศรษฐกิจโลกในช่วงเวลาเดียวกันเติบโตเฉลี่ยที่ 3.11% แสดงให้เห็นว่าอินเดียเติบโตเหนือกว่าค่าเฉลี่ยของโลกอย่างชัดเจน และตอกย้ำบทบาทของอินเดียในฐานะหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่เติบโตเร็วที่สุด
■
อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate)
ข้อมูลอัตราการว่างงานในช่วงปี 2018–2025 แสดงให้เห็นภาพที่แตกต่างกันชัดเจนระหว่างอินเดียกับปากีสถาน
ในปี 2018 อินเดียมีอัตราว่างงานอยู่ที่ 8.9% ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง แต่สามารถลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือเพียง 4.9% ในปี 2025 ซึ่งบ่งชี้ถึงตลาดแรงงานที่ฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ
ในทางกลับกัน ปากีสถานมีอัตราว่างงานอยู่ที่ 5.8% ในปี 2018 แต่สถานการณ์กลับเลวร้ายลง โดยพุ่งขึ้นเป็น 8% ในปี 2025 โดยเฉพาะในปี 2023 ที่มีการพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในระบบเศรษฐกิจของประเทศ
■
อัตราเงินเฟ้อ (Inflation)
ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อซึ่งคำนวณจากราคาผู้บริโภคเฉลี่ย แสดงให้เห็นทิศทางที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างอินเดีย ปากีสถาน และค่าเฉลี่ยโลกตลอดทศวรรษที่ผ่านมา
อินเดียสามารถควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับค่อนข้างคงที่ โดยอยู่ที่ 4.9% ในปี 2015 และ 4.7% ในปี 2024 ส่งผลให้ค่าเฉลี่ยตลอด 10 ปีอยู่ที่ 4.97% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกเล็กน้อยที่ 4.46% ทั้งนี้ ค่าเฉลี่ยโลกเพิ่มจาก 2.7% ในปี 2015 เป็น 5.7% ในปี 2024
ในทางตรงข้าม ปากีสถานประสบภาวะเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง โดยจากระดับ 4.5% ในปี 2015 พุ่งขึ้นเป็น 23.4% ภายในปี 2024 ทำให้ค่าเฉลี่ยตลอด 10 ปีอยู่ที่ 10.81% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกมากกว่าสองเท่า สะท้อนถึงความเครียดทางเศรษฐกิจและความไม่มั่นคงด้านราคาในประเทศตลอดทศวรรษที่ผ่านมา
2 บันทึก
11
3
2
11
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย