10 มิ.ย. เวลา 16:05 • ไลฟ์สไตล์

Gen Alpha ทำครูปวดหัว สมาธิสั้น ติดไถหน้าจอ ขาดแรงจูงใจที่จะเรียนหนังสือแบบเดิมๆ

เด็ก Gen Alpha (เจนเนอเรชันอัลฟ่า) ที่เกิดตั้งแต่ช่วงปี 2010 - 2020 (อายุราวๆ 5-15 ปี) กำลังเข้าสู่ระบบการศึกษาในยุคที่เปลี่ยนไปอย่างมาก และสร้างความท้าทายใหม่ให้ครูทั่วโลก เมื่อเทคโนโลยีกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก เด็กรุ่นใหม่จึงเข้าสู่โรงเรียนพร้อมพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเด็กรุ่นก่อนๆ อย่างสิ้นเชิง เพราะเทคโนโลยีเข้ามามีอิทธิพลในห้องเรียนมากกว่าที่เคย
ในขณะที่เทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มสะดวกและเปิดโอกาสในการเรียนรู้ในยุคนี้มากขึ้น แต่ครูจำนวนไม่น้อยกลับเริ่มตั้งคำถามว่า เด็กรุ่นนี้กำลังเผชิญปัญหาอะไรบางอย่าง เพราะพวกเขาสะท้อนพฤติกรรมการเรียนรู้ที่ไม่ค่อยดี ทั้งเรื่องสมาธิสั้น เสพติดการไถถหน้าจอมากเกินไป และขาดความสนใจในการเรียนรู้
1
ผลการเรียนตกต่ำ สะท้อนปัญหาเชิงระบบ Gen Alpha เรียนแบบ "ไม่อิน" และ "ไม่รับผิดชอบ"
รายงานล่าสุดจาก National Assessment of Educational Progress (NAEP) ของสหรัฐฯ เมื่อเดือนมกราคม 2025 ระบุว่า ทักษะการอ่านและคณิตศาสตร์ของนักเรียนระดับชั้นประถมปีที่ 4 และมัธยมต้นในหลายรัฐลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ โดย "เพ็กกี้ คาร์" (Peggy Carr) กรรมาธิการจากศูนย์สถิติการศึกษาของชาติ บอกชัดว่า “ผลลัพธ์การเรียนตกต่ำดังกล่าว แสดงให้เห็นว่านักเรียนในปี 2024 ยังพัฒนาไปไม่ถึงจุดที่ควรจะเป็น”
เอลิซาเบธ แม็คเฟอร์สัน (Elizabeth McPherson) ที่รู้จักกันในชื่อ “Ms Mac” บน TikTok เล่าว่า บรรยากาศในห้องเรียนเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด “เด็กหลายคนดูเฉยชา ไม่ผูกพันกับการเรียนรู้ของตัวเอง และปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่แรงจูงใจอย่างเดียว แต่มันคือปัญหาเชิงระบบ”
1
ในทำนองเดียวกัน แมตต์ ไอเคิลดิงเกอร์ (Matt Eicheldinger) อดีตครูผู้กลายมาเป็นนักเขียนขายดีของ New York Times และนักสร้างคอนเทนต์บน TikTok อธิบายเสริมว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็ก Gen Alpha มีปัญหาเรื่องสมาธิสั้นและไม่มีความผูกพันกับการเรียน ก็คือ การแพร่หลายของสมาร์ตโฟน และการนำอุปกรณ์ เช่น iPad เข้ามาใช้ในโรงเรียน
2
โฆษณา