31 พ.ค. เวลา 00:50 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

6 Lying University Students การกลับมาอีกครั้งเพื่อตามหาคนโกหก

เมื่อไม่นานมานี้ผมได้แนะนำหนังสือ “ใครโกหกยกมือขึ้น” ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน มาวันนี้ใครโกหกยกมือขึ้นกลับมาอีกครั้งในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ โดยทาง Netflix เพิ่งนำมาฉาย ผมจึงอยากรีวิวหนังเรื่องนี้ว่าทำออกมาเป็นยังไงให้เพื่อนๆ ได้เห็นกันครับ
หนังเรื่อง 6 Lying University Students หรือที่ชื่อไทยว่า “ใครโกหกยกมือขึ้น” เป็นภาพยนตร์แนวดราม่าระทึกขวัญที่สร้างจากนิยายญี่ปุ่นที่ชื่อว่า六人の嘘つきな大学生 (Rokunin no Usotsuki na Daigakusei)
1
ตัวหนังเริ่มต้นเมื่อบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ชื่อ Spirallinks เปิดรับสมัครพนักงานใหม่ โดยมีคนมาสมัครเป็นหมื่นคน บริษัทได้คัดเลือกสัมภาษณ์จนเหลือนักศึกษาจบใหม่ 6 คน บริษัทได้ให้โจทย์ทั้ง 6 คนทำรวมกลุ่มกันเพื่อเตรียมอภิปรายโครงการเพื่อนำเสนอในรอบสุดท้ายในอีก 1 เดือนให้หลัง ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดบริษัทจะรับทั้ง 6 คนเป็นพนักงานบริษัท
1
ทั้ง 6 คนจึงระดมความคิดที่จะทำโครงการใหม่ๆ เพื่อพัฒนา Spirallinks ให้เติบโตทางธุรกิจ โดยแต่ละคนจะเอาจุดเด่นของตัวเองมาช่วยนำเสนอ ทำให้แผนงานที่ร่วมกันทำพัฒนาต่อยอดไปได้ด้วยดี ทั้ง 6 คนต่างกลายเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างรวดเร็ว และคิดว่าทีมนี้คือดรีมทีมไม่ว่าจะทำอะไรก็สำเร็จได้แน่ๆ
1
อย่างไรก็ตามก่อนถึงวันอภิปราย 1 สัปดาห์ ทางบริษัทได้ส่งข้อความว่าได้เปลี่ยนกฎเกณฑ์รับพนักงาน โดยจะรับเพียง 1 คนเท่านั้น ทำให้ทั้ง 6 คนจากเพื่อนร่วมทีมต้องกลายเป็นคู่แข่งกันเอง ความสนิทสนมกลายเป็นความห่างเหินเมินเฉยต่อกัน
1
เมื่อถึงวันอภิปราย ทางบริษัทให้ทั้ง 6 คนโหวตกันเองว่าใครคือคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะได้รับเลือกเป็นพนักงาน Spirallinks แต่แล้วสถานการณ์ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นไปอีก เมื่อมีซองจดหมายปริศนา 6 ซองปรากฏขึ้น ซึ่งภายในมีข้อมูลที่เปิดเผยความลับและข้อกล่าวหาต่างๆ ของแต่ละคน บรรยากาศจึงตึงเครียด ทุกคนต่างหวาดระแวงสงสัยกันและกัน และอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นคนร้ายที่นำข้อมูลเหล่านี้มาเผยแพร่ มันนำไปสู่เกมจิตวิทยาและการหักหลังที่เข้มข้น
1
ใครกันแน่.. ที่พูดความจริง
ใครกันแน่.. ที่โกหกหน้าตาย
และใครกันแน่.. ที่ใช้หน้ากากคนดีเพื่อปกปิดปีศาจร้ายในจิตใจ
1
ใครโกหกยกมือขึ้น เวอร์ชั่นภาพยนตร์ดำเนินเรื่องตามโครงเรื่องในนิยาย เพียงแต่เล่าเรื่องรวดเร็ว สั้นกระฉับ ด้วยเพราะความยาวหนังมีไม่ถึง 2 ชั่วโมง ทำให้ไม่ได้ลงรายละเอียดดีเทลเบื้องหลังตัวละคร ที่ในนิยายทำออกมาได้ดีมากจนเราต้องสงสัยตัวละครทุกตัว เพราะทุกคนจะหลากอารมณ์และซ่อนอารมณ์ที่แท้จริงไว้ข้างใน
1
ในขณะที่เวอร์ชั่นในหนังจะแสดงสีหน้าอารมณ์ของตัวละครออกมาแบบชัดเจน ดีใจ โกรธ หัวเราะ เศร้า แค้น เราจึงพอเดาได้ว่าใครคือคนร้าย ก่อนที่ตอนจบเวอร์ชั่นในหนังจะหาวิธีเล่าใหม่ เพื่อหาบทสรุปให้ได้ใจความทุกอย่างภายในระยะเวลาอันสั้น
1
ตัวหนังไม่ได้บอกว่าใครถูกใครผิด
มันแค่ยกกระจกขึ้นมาให้เราดูตัวเองว่าในวันที่เราต้องแข่งขันเพื่อความฝัน
เราจะยอมซื่อสัตย์กับตัวเองได้แค่ไหน
เราจะยืนหยัดต่อความถูกต้องได้นานแค่ไหน
หรือเราจะยอมโกหกเพื่อบรรลุไปให้ถึงเป้าหมาย
1
บางทีคำโกหกที่ทำให้เราเจ็บช้ำที่สุด
ไม่ใช่คำพูดโกหกจากใคร
แต่เป็นคำโกหกของตัวเราเอง ที่หลอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็เป็นได้ครับ
1
สำหรับใครที่อยากรู้ว่า “ใครโกหกยกมือขึ้น” เวอร์ชั่นหนังสือเป็นยังไง ผมเคยเขียนรีวิวเอาไว้ สามารถคลิกลิงก์ข้างล่างเข้าไปอ่านได้ครับ
โฆษณา