อย่างเรื่องลิขสิทธิ์ ภาพที่สร้างจาก AI มันเคยไปเรียนรู้จากภาพของใครมาก่อนรึเปล่า? หรือมันไปก๊อปไอเดียใครมาโดยที่เราไม่รู้ตัว? แล้วเวลาเอาไปใช้งานเชิงพาณิชย์ มันจะกระทบกับเจ้าของต้นฉบับไหม?
ความคิดสร้างสรรค์แบบดั้งเดิมจะหายไปมั้ย?
ถ้าไอเดียจาก AI มันดูดีและเร็วกว่า คนยังจะลงมือสเกตช์ภาพร่าง หรือเขียนสตอรี่บอร์ดด้วยตัวเองอยู่มั้ย? หรือสุดท้ายเราจะกลายเป็นแค่คนคอยสั่ง Prompt อย่างเดียว
คนทำงานสาย Creative ยังจำเป็นอยู่มั้ยในโลกที่ AI ก็เขียนบทเองได้?
พอ AI ทำอะไรได้เยอะ คนเริ่มสงสัยว่า แล้วเราจะยังต้องการ Creative Director, Art Director, Copywriter อยู่มั้ย? หรือทุกอย่างจะกลายเป็น “AI-generated” ไปหมด?
คำถามพวกนี้ไม่ได้มีคำตอบตายตัวหรอก
แต่มันเป็นจุดที่ทำให้คนในวงการเริ่มหันกลับมาคิดว่า “เราอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านที่ต้อง ‘ร่วมมือ’ กับ AI ไม่ใช่ ‘แข่งขัน’ กับมันหรือเปล่า?” ลองคิดดูสิ การมี AI ที่เก่งเรื่องข้อมูล กับมนุษย์ที่เก่งเรื่องอินไซต์และอารมณ์ความรู้สึก ถ้ามาทำงานร่วมกัน มันอาจสร้างพลังครีเอทีฟที่ยิ่งใหญ่มากกว่าที่คุณคิด
สำหรับใครที่อยากเริ่มต้นใช้ AI ในงานครีเอทีฟ หรือสนใจที่จะปรับกลยุทธ์การสื่อสารให้เข้ากับยุคใหม่ สามารถปรึกษาและขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่ Number 24 x imgix ที่พร้อมจะช่วยให้คุณก้าวทันเทคโนโลยีและใช้ประโยชน์จาก AI อย่างสร้างสรรค์และมีจริยธรรม