6 มิ.ย. เวลา 02:56 • ข่าวรอบโลก
วัดสวนสันติธรรม

ธรรมะดึงใจในวันที่วัฏจักรกรรมแสดงให้เห็นความเสื่อม

พุทธศักราช 2568 เป็นปีที่ประเทศไทยกำลังส่งสัญญาณขอความช่วยเหลืออะไรหลายอย่าง เสียงร้องของประเทศไทยดังมากขึ้น ดังจะเห็นได้หลักๆ คือ ความเสื่อมเกิดขึ้นทุกหัวระแหง ไม่ว่าจะเป็นความเสื่อมในเชิงปรมัตถ์ เช่น ภัยธรรมชาติ ภัยจากโรคระบาด และความเสื่อมในเชิงสมมุติสัจจ์ เช่น หายนะทางการเมือง หายนะทางเศรษฐกิจ หายนะทางศีลธรรม จะว่าเป็นเพราะสมัยนี้มีโลกโซเชี่ยลที่ฉับพลันทันเหตุการณ์ทำให้เรื่องร้ายถูกเปิดเผยจนดูเหมือนเยอะกว่าสมัยก่อนก็อาจจะจริง แต่ เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นนั้นก็ดันมีมากกว่าสมัยก่อนจริงๆ
#อนัตตา #อริยสัจ๔
ประเทศไทยในปีที่ภัยพิบัติธรรมชาติจากภาวะโลกรวนรุนแรงขึ้น กำลังฟ้องพวกเราว่าเขาไม่ไหวแล้ว เขากำลังป่วยหนักในทุกด้าน ระบบระบอบต่างๆไม่เป็นไปตามตุลาธิปไตย ไม่อยู่ในทำนองคลองธรรม มีการกินหัวกินท้ายในทุกภาคธุรกรรม มีการแอบเอื้อผลประโยชน์แฝงให้กับนายทุนสีเทาสีดำ โดยไม่สนใจว่าได้เปิดประตูต้อนรับความวิบัติฉิบหายนานัปการเข้ามาเอง แล้วพอรู้ตัวทีหลังว่าโลภจัดจนสะเพร่าไปทุกด้าน พวกตัวต้นเรื่องต่างก็ทำตัวลอยลำ ตีหน้าซื่อถือศีลในปากถือสากในมือ
ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงยุคที่ผู้คนเห็นแก่ตัวจนเสื่อมศีลธรรมทุกหย่อมหญ้า ในยุคเช่นนี้จะเกิดดวงดาวปริวรรตอาเพศ กล่าวคือเกิดพิบัติภัยในธรรมชาติต่างๆนานาไม่หยุดหย่อน เพราะวิบากกรรมจะให้ผลร่วม คือใครก็ตามที่อยู่ในยุคดังกล่าว จะต้องรับผิดชอบผลกรรมร่วมกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ มันอาจมาจากการที่เราเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ทั้งที่เห็นอยู่ว่ามีคนรอบตัวทำสิ่งชั่วร้าย พระพุทธองค์สอนให้เราปล่อยวางก็จริง แต่เมื่อมีเหตุผิดศีลธรรมซึ่งๆหน้า พระพุทธองค์จะทรงช่วยห้ามหรือเตือนเสมอ อย่างกรณีที่พระองค์ปรากฏองค์ทรงห้ามองคุลีมาลย์
ไม่ให้ฆ่าแม่ตัวเอง เป็นต้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเราควรหันกลับมาย้อนมองตัวเองให้มากพอ ว่าเราช่วยปกป้องสังคมและโลกนี้ได้ตามกำลังของเราบ้างแล้วหรือยัง อย่างไรก็ตาม แม้เราช่วยกันอย่างเต็มกำลังแล้วแต่สุดท้ายก็ไม่อาจรอดพ้นความเสื่อมโทรมไปได้ ณ ตอนนั้นสิ่งที่จะช่วยเยียวยาพวกเราให้อยู่รอดได้อย่างไม่ทุกข์อาจไม่ใช่การที่โลกกลับมาดีดังเดิม หรือสังคมกลับมามีแต่คนดี แต่คือ"ธรรมะ"
สุดท้ายแล้วถ้าเราเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเห็นสิ่งที่เคยเกิดมาอย่างรุ่งเรืองต้องเสื่อมลง โทรมลง ไม่ว่าจะเป็นโลก ธรรมชาติ สังคม เศรษฐกิจ หรือบทบาทอื่นใด เราทำอะไรไม่ได้แล้ว ให้ถือโอกาสนี้พิจารณาแยบคายในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ดูซิว่ามันตรงตามหลัก อนัตตา หรือไม่ คือมันตรงกับอริยสัจสี่ไม่ผิดจากคำพระศาสดาใช่ไหม คือ เราไม่อาจหยุดการเกิด เสื่อม ดับ ของทุกสรรพสิ่งได้ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่ปรากฏอยู่ เช่น โลก ธรรม ผู้คน ฯลฯ ให้ถือโอกาสนี้พิจารณาอย่างแยบคายว่าการเกิดเสื่อมดับคือธรรมชาติสูงสุดที่ไม่ว่าใคร
ก็หยุดมันไม่ได้ แล้วถ้าแน่แท้แล้วว่าเราหยุดมันไม่มีวันได้ เราจะอยู่กับมันให้ได้อย่างไร อยู่อย่างทุกข์ระทมขนขื่น จะเอาให้ได้ดั่งใจอยู่อย่างนั้น หรือจะอยู่กับมันอย่างเข้าใจ ยอมรับความจริงของธรรมชาติ ที่ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่เป็นการยอมรับ ซึ่งก็คือชัยชนะทางวิถีจิตที่เราจะไม่ยอมโดนความเสื่อมหลอกให้รู้สึกผิดหวังอีกต่อไปแล้ว การเจริญภาวนาในอริยสัจสี่และอริยมรรคมีองค์แปดเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยให้เราพ้นจากหลุมคูถแห่งทุกข์ของการเกิด เสื่อม และดับไปได้ อาจฟังดูยากแต่จะไม่ยากถ้าเราเริ่ม และลงมือทำการเจริญสติ
อย่างสม่ำเสมอไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกดดันตัวเอง ไม่ต้องเร่ง แต่ไม่ทิ้งการเจริญภาวนา แล้ววันหนึ่งเส้นชัยของผู้ภาวนาจะอยู่ตรงหน้าเอง ภาวนา แปลว่า ทำให้เจริญขึ้น ทำให้สมบูรณ์พร้อมโดยรอบ โดยเน้นที่การหลุดพ้นไปจากอุปาทานอย่างสิ้นเชิง เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือดับทุกข์ ดับการเวียนว่ายตายเกิด ไม่ต้องกลับมาวนเกิดเพื่อตกหลุมพรางกับดักของการเกิดเสื่อมและดับอันแสนทุกขเวทนานี้อีก
บทความนี้เขียนโดย Tiktoker : ธรรมะแฟนตาซี (DhammaFantasy)
โฆษณา