12 มิ.ย. เวลา 07:19 • ประวัติศาสตร์

สมเด็จพระราชินีชาร์ลอตต์: ราชินีผู้พลิกโฉมราชสำนักอังกฤษ

วันนี้จะพาทุกท่านไปรู้จักกับ **สมเด็จพระราชินีชาร์ลอตต์แห่งเมคเลนบูร์ก-ชเตรลิทซ์** พระราชินีผู้มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์อังกฤษ และเป็นที่พูดถึงอย่างมากในซีรีส์ "Queen Charlotte" ของ Netflix
ชีวิตช่วงต้นและการอภิเษกสมรส
**โซเฟีย ชาร์ลอตต์** ประสูติเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 1744 ในดัชชีเมคเลนบูร์ก ทรงได้รับการเลี้ยงดูแบบเรียบง่าย เน้นการดูแลบ้านและศาสนา บันทึกในวัยเด็กของพระนางมีไม่มากนัก จนกระทั่งทรงเป็นที่หมายปองของ **กษัตริย์จอร์จที่ 3 แห่งอังกฤษ** ซึ่งทรงได้รับการปลูกฝังให้หาคู่ครองที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งแบบที่พระบิดาของพระองค์ประสบกับพระมารดา
กษัตริย์จอร์จทรงเลือกชาร์ลอตต์เพราะทรงเป็นเจ้าหญิงโปรเตสแตนต์ที่มาจากดินแดนใกล้เคียง และที่สำคัญคือพระนางเป็นคนเรียบง่าย ไม่ได้สวยจัด ไม่มีความรู้ทางการเมืองมากนัก และไม่มีนิสัยช่างบงการ ทว่าสง่างามและเข้าสังคมง่าย
ประเด็นเรื่องผิวสีและความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์
ซีรีส์ Netflix นำเสนอประเด็นที่พระนางเป็นคนผิวสีอย่างโดดเด่น แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ระบุว่าพระนางเป็นคนผิวขาว เพียงแต่อาจมีผิวคล้ำกว่าคนอื่นเล็กน้อย และไม่ได้สวยจัดตามค่านิยมของอังกฤษในยุคนั้น ที่นิยมผู้หญิงผิวขาวซีด แนวคิดเรื่องพระนางมีเชื้อสายแอฟริกันเริ่มมีการพูดถึงอย่างจริงจังในศตวรรษที่ 20 โดยอ้างอิงจากเชื้อสายที่ย้อนไปถึงพระสนมชาวแอฟริกันในโปรตุเกสเมื่อ 500 ปีก่อน
ชีวิตคู่และการสร้างครอบครัว
กษัตริย์จอร์จที่ 3 และพระราชินีชาร์ลอตต์พบกันครั้งแรกในวันอภิเษกสมรส วันที่ 8 กันยายน 1761 สิ่งแรกที่กษัตริย์จอร์จทรงตกลงกับพระราชินีคือขอให้พระนางอย่ามายุ่งเรื่องการเมือง ซึ่งชาร์ลอตต์ก็ยินดีทำตาม ทั้งสองพระองค์มีอะไรคล้ายกันหลายอย่าง เช่น ชอบต้นไม้ ดนตรี ศิลปะ และหนังสือ ทำให้เข้ากันได้ดี
ทั้งสองมีชีวิตแต่งงานที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก กษัตริย์จอร์จที่ 3 ไม่เคยมีพระสนมเลยแม้แต่คนเดียว และทั้งคู่ยังทรงเข้านอนบนเตียงเดียวกันในห้องนอนเดียวกันตลอดชีวิตสมรส ระหว่างปี 1762 ถึง 1783 ทั้งสองมีพระโอรสธิดารวม 15 พระองค์ ซึ่งได้รับการเลี้ยงดูด้วยความอบอุ่นและการศึกษาอย่างดี อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงดูแบบใกล้ชิดอาจทำให้พระโอรสธิดาหลายพระองค์ไม่ประสงค์จะอภิเษกสมรส ส่งผลให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการสืบราชสมบัติในอนาคต
บทบาทและความท้าทายในฐานะพระราชินี
พระราชินีชาร์ลอตต์ทรงเป็นคนสนุกสนานและพูดเก่ง กิจกรรมที่โปรดปรานคือการซุบซิบนินทาและการจับคู่รัก อย่างไรก็ตาม ชีวิตของพระนางก็ไม่ได้ง่ายนัก ทรงต้องเผชิญกับพระมารดาของพระสวามี **เจ้าหญิงออกัสตาแห่งซัคเซิน-โกทา** ผู้ทรงพยายามควบคุมพระนางอย่างใกล้ชิด ทำให้ชาร์ลอตต์ไม่สามารถหาเพื่อนชาวอังกฤษได้ และมักถูกตำหนิเมื่อทรงพูดคุยกับเพื่อนชาวเยอรมัน
ความวิปลาสของกษัตริย์และมรสุมชีวิต
กษัตริย์จอร์จที่ 3 เริ่มมีพระอาการวิปลาสในปี 1765 และกำเริบอีกครั้งในปี 1788 ซึ่งครั้งหลังนี้สร้างความบาดหมางระหว่างพระราชินีชาร์ลอตต์กับพระโอรสองค์โต **เจ้าชายจอร์จ** เนื่องจากพระนางทรงเกรงว่าพระโอรสจะสมคบคิดเพื่อยึดบัลลังก์ พระนางแสดงความไม่พอพระทัยอย่างชัดเจนจนเป็นที่รับรู้ทั่วอังกฤษ
ชีวิตของชาร์ลอตต์เต็มไปด้วยความสูญเสีย ทั้งพระโอรส 2 พระองค์ในวัยเด็ก พระธิดาองค์โปรดในปี 1810 ซึ่งส่งผลให้กษัตริย์จอร์จที่ 3 ทรงเสียสติถาวร และพระราชนัดดาที่รักในปี 1817 นอกจากนี้ ยังต้องเผชิญกับความวุ่นวายทางการเมือง เช่น การสูญเสียอาณานิคมในอเมริกา และวิกฤตทายาทของราชวงศ์ฮันโนเฟอร์ ทั้งหมดนี้ทำให้พระนางมีอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า และฉุนเฉียวง่าย
เมื่อกษัตริย์จอร์จที่ 3 ทรงหมดความสามารถในการปกครอง เจ้าชายจอร์จจึงได้ขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนในปี 1811 พระราชินีชาร์ลอตต์จึงต้องรับหน้าที่ดูแลราชสำนักและออกงานต่างๆ คู่กับพระโอรสในช่วงบั้นปลายชีวิต ซึ่งค่อนข้างจะเศร้า เพราะทรงมีพระสวามีแต่ก็เหมือนไม่มี พระโอรสธิดาก็มีแนวคิดและชีวิตเป็นของตัวเองจนเกิดความบาดหมาง และประชาชนที่เคยรักพระนางก็หันมามองพระนางเป็นศัตรู
เรื่องราวของสมเด็จพระราชินีชาร์ลอตต์เป็นบทเรียนที่น่าสนใจเกี่ยวกับบทบาทของสตรีในประวัติศาสตร์ ที่ต้องเผชิญทั้งความสุข ความสำเร็จ และความทุกข์ระทมในชีวิต
โฆษณา