20 มิ.ย. เวลา 14:20 • หุ้น & เศรษฐกิจ
"FEMSA หาดทิพย์แห่งเม็กซิโก"
หลังจากที่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ผมได้เขียนถึง "Embotelladora Andina หาดทิพย์แห่งชิลี" ไปแล้ว
วันนี้ ผมจะพามาทำความรู้จัก "หาดทิพย์แห่งเม็กซิโก (ผมตั้งเองแหละ)" ซึ่งเป็น Bottler ของโค้ก ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถ้านับด้านปริมาณการขาย..
หลัง ๆ มา ผมเริ่มมีความหลงใหลกับโมเดลการทำธุรกิจของโค้กมากครับ ยิ่งผมได้อ่านที่คุณปู่ Charlie Munger ผู้ล่วงลับ พูดถึงเส้นทางการเติบโตของโค้กแล้ว ผมยิ่งชอบมาก
และผมก็ยอมรับด้วยใจจริงเลยว่า คงเป็นเรื่องยากมาก ที่ต่อไป จะมีธุรกิจเครื่องดื่มที่ทำได้แบบโค้ก
ผมถึงเคยบอกไงว่า ผมเห็นสิ่งที่โค้กและกลุ่มเพื่อนโค้กทำแล้ว ผมจะชอบนึกถึงโมเดลการทำธุรกิจของพ่อค้ายาเม็กซิโก ในซีรี่ย์ Narcos ครับ
มีส่วนกลางคอยกำหนดแผนการ ดีลงาน วางแผนการเติบโตของธุรกิจ ขยาย Portfolio สินค้า
ส่วนพวก Bottler ก็คอยดูแลอาณาเขตของตัวเอง ผูกขาดพื้นที่แถบนั้นต่อไป อย่าไปล้ำเส้นเขตแดนของ Bottler เจ้าอื่น
โดยที่ในเขตที่ตัวเองปกครอง ก็ครอง Market Share ในอุตสาหกรรรม ได้มากกว่า 50% และอยู่แบบนี้ต่อไปยาว ๆ ไม่ต้องเครียดมาก เดี๋ยวมันก็จะรวยขึ้น ๆ เอง
FEMSA น่าสนใจมารู้จักมากครับ เพราะถ้านับที่ปริมาณการขาย เค้าถือว่าเป็น Bottler ของโค้ก ที่ใหญ่ที่สุดในโลกครับ แถมพื้นที่ขายเค้า ยังกว้างใหญ่ครอบคลุมลาตินอเมริกาในหลายประเทศอีกด้วยครับ
จุดที่ผมรู้สึกว่าบริษัทอาจจะไม่ได้ดูน่าสนใจในการลงทุนสักเท่าไร ก็คงจะเป็น บริษัทใหญ่มากแล้ว ผลประกอบการก็ดูไม่ค่อยเติบโตเท่าไร เป็นประเภทหุ้นแข็งแกร่ง ที่จะไม่ตาย จะโตก็ได้ไม่มากครับ
แม้ว่า FEMSA อาจจะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ถ้าพวกคุณได้รู้จักกับแม่ของ FEMSA ล่ะก็ พวกคุณอาจจะว้าวก็ได้ครับ
แต่ตอนนี้ผมขออุบไว้ก่อน เดี๋ยวคราวหน้าจะมาเล่าให้ฟังว่า แม่ของ FEMSA เป็นใคร และมีความเจ๋งอย่างไรบ้างครับ
ตอนนี้เรามารู้จักกับ FEMSA กันสักหน่อยครับ
เหมือนเดิมครับ ผมใช้ Google NotebookLM สรุปไฟล์ที่ผมคิดว่าสำคัญ ออกมาเป็น Text เป็นข้อ ๆ ให้แล้วครับ
ซึ่งผมคิดว่า น่าจะทำให้เรารู้จัก FEMSA กันได้ดีพอสมควรครับ
"สรุปธุรกิจ Coca-Cola FEMSA, S.A.B. de C.V. โดย Google NotebookLM"
1. ภาพรวมธุรกิจของบริษัท (Business Overview)
"Coca-Cola FEMSA, S.A.B. de C.V. ("Coca-Cola FEMSA" หรือ "KOF")"
- เป็นบริษัทเม็กซิกันที่ดำเนินธุรกิจหลักในการผลิต จัดจำหน่าย และทำการตลาดเครื่องดื่มภายใต้เครื่องหมายการค้าของ Coca-Cola
- บริษัทเป็นผู้บรรจุขวดแฟรนไชส์ Coca-Cola ที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามปริมาณการขาย
- ปัจจุบัน Coca-Cola FEMSA ให้บริการผู้บริโภคประมาณ 276 ล้านคนในแต่ละวัน โดยมีการจำหน่ายประมาณ 4.2 พันล้านยูนิตต่อปีผ่านจุดขายประมาณ 2.2 ล้านจุด
- บริษัทดำเนินการโรงงานบรรจุขวด 56 แห่ง และศูนย์กระจายสินค้า 256 แห่ง
- การดำเนินงานของบริษัทครอบคลุมพื้นที่ใน เม็กซิโก บราซิล กัวเตมาลา โคลอมเบีย อาร์เจนตินา และทั่วประเทศในคอสตาริกา นิการากัว ปานามา อุรุกวัย และเวเนซุเอลา (ผ่านการลงทุนใน KOF Venezuela)
- บริษัทมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดตลอดห่วงโซ่คุณค่า
- Coca-Cola FEMSA ยังเป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนหลายแห่ง เช่น Dow Jones Sustainability MILA Pacific Alliance Index และ FTSE4Good Emerging Index
2. ประวัติของบริษัท และผู้บริหาร (Company History and Management)
- ประวัติบริษัท: Coca-Cola FEMSA ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 1991 ในฐานะบริษัทมหาชนจำกัดที่มีทุนผันแปรภายใต้กฎหมายเม็กซิโก
- ในเดือนธันวาคม 2006 บริษัทได้เปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทมหาชนที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์.
- สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก.
- ในเดือนมิถุนายน 1993 บริษัทลูกของ The Coca-Cola Company ได้เข้าถือหุ้น 30.0% ใน Coca-Cola FEMSA.
- โครงสร้างความเป็นเจ้าของ: ณ วันที่ของรายงานนี้ Fomento Económico Mexicano, S.A.B. de C.V. ("FEMSA") ถือหุ้นทางอ้อม 47.2% ของทุนจดทะเบียนของ Coca-Cola FEMSA และ 56.0% ของหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงเต็มจำนวน.
- The Coca-Cola Company ถือหุ้นทางอ้อม 27.8% ของทุนจดทะเบียน และ 32.9% ของหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงเต็มจำนวน. ส่วนที่เหลือเป็นหุ้นที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เม็กซิกัน (BMV: KOFUBL) และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE: KOF).
- ผู้บริหารระดับสูง:
Ian Marcel Craig Garcia: ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ตั้งแต่ปี 2023. เขามีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม.
Gerardo Cruz Celaya: ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ตั้งแต่ปี 2023. เขาดูแลกลยุทธ์ด้านซัพพลายเออร์ การบริหารความเสี่ยง และพันธบัตรยั่งยืนของบริษัท.
คณะกรรมการบริหารและคณะกรรมการชุดต่างๆ: คณะกรรมการบริษัทมีสมาชิกไม่เกิน 21 คน.
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2024 มีโรงงานบรรจุขวด 56 แห่ง และศูนย์กระจายสินค้า 256 แห่ง
3. ผลิตภัณฑ์ของบริษัท (บริการ) (Company Products/Services)
- Coca-Cola FEMSA ผลิต ทำการตลาด จำหน่าย และกระจายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มภายใต้เครื่องหมายการค้าของ The Coca-Cola Company เป็นหลัก
- ประเภทเครื่องดื่มหลัก:
เครื่องดื่มอัดลม: โค้ก (Coca-Cola, Coca-Cola Zero Sugar, Coca-Cola Light), แฟนต้า, สไปรท์, ฟิซก้า, มุนเด็ท, เฟรสก้า, ควอโทร, โยลี
เครื่องดื่มไม่อัดลม: AdeS, Fury, Leão Fresh, Cepita, Fuze Tea, Monster, Santa Clara, Del Valle, Hi-C, Powerade, Valle Frut (รวมถึงชา เครื่องดื่มเกลือแร่ เครื่องดื่มให้พลังงาน เครื่องดื่มผลไม้ นม นมปรุงแต่ง และเครื่องดื่มจากพืช)
น้ำดื่ม: Alpina, Brisa, Dasani, Smartwater, Aquarius, Ciel, Manantial, Topo Chico, Bonaqua, Crystal, Kin, Vitale (รวมถึงน้ำดื่มปรุงแต่งและไม่ปรุงแต่งรสชาติ)
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์พร้อมดื่ม: เช่น Topo Chico Hard Seltzer
เบียร์และสุรา: บริษัทจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เบียร์ของ Heineken, Estrella Galicia และ Therezópolis ในบางพื้นที่ของบราซิล และผลิตภัณฑ์ Monster ในทุกประเทศที่ดำเนินการอยู่. บริษัทยังเริ่มทดสอบการจัดจำหน่ายสุราชั้นนำ แบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภค และผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์อื่นๆ ในบางประเทศที่บริษัทดำเนินงาน.
บรรจุภัณฑ์: มีทั้งแบบขวดแก้ว กระป๋อง และขวดพลาสติก (PET) ที่มีขนาดหลากหลาย.
ช่องทางการจัดจำหน่าย: ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ร้านอาหารและบาร์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ผู้จัดจำหน่ายบุคคลที่สาม รวมถึงแพลตฟอร์ม D2C (Direct-to-Consumer) เช่น "Coca-Cola En Tu Hogar".
4. ผลประกอบการที่ผ่านมาเป็นอย่างไร (Past Performance)
- ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2025:
ปริมาณการขายรวมลดลง 2.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อยู่ที่ 986.5 ล้านยูนิต. สาเหตุหลักมาจากยอดขายที่ลดลงในเม็กซิโก.
รายได้รวมเพิ่มขึ้น 10.0% (ตามที่รายงาน) และ 5.9% (เมื่อไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน).
กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 12.0% (ตามที่รายงาน) และ 7.8% (เมื่อไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน).
กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 7.3% (ตามที่รายงาน) และ 3.2% (เมื่อไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน).
กำไรสุทธิที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น 2.7% (ตามที่รายงาน) และลดลง 2.8% (เมื่อไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน).
- ผลประกอบการปี 2024 (เต็มปี):
ปริมาณการขายรวมอยู่ที่ 4,225 ล้านยูนิต เพิ่มขึ้น 4.4% จากปี 2023.
รายได้รวม 279,793 ล้านเปโซเม็กซิกัน (เทียบเท่า 13,416 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 14.2% จากปี 2023.
กำไรจากการดำเนินงาน 40,141 ล้านเปโซเม็กซิกัน (เทียบเท่า 1,925 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 17.4%.
กำไรสุทธิที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท 23,729 ล้านเปโซเม็กซิกัน (เทียบเท่า 1,138 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 21.5%.
ค่าใช้จ่ายฝ่ายบริหารและค่าใช้จ่ายในการขายรวมกันคิดเป็น 32.0% ของรายได้รวมในปี 2024.
ค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) อยู่ที่ 29,416 ล้านเปโซเม็กซิกันในปี 2024 เพิ่มขึ้น 37.5% จากปี 2023.
5. ตัวชี้วัดที่ควรต้องดูสำหรับบริษัทมีอะไรบ้าง และเป็นอย่างไร (Key Metrics and Their Performance)
- ปริมาณการขาย (Volume): วัดเป็น unit cases (1 unit case = 192 ออนซ์) และจำนวนธุรกรรม (transactions). ในปี 2024 ปริมาณการขายรวมเพิ่มขึ้น 4.4% เป็น 4,225 ล้านยูนิต. ในไตรมาส 1 ปี 2025 ปริมาณการขายรวมลดลง 2.2% เป็น 986.5 ล้านยูนิต.
- ราคาต่อยูนิตเฉลี่ย (Average Price per Unit Case): คำนวณจากยอดขายสุทธิหารด้วยปริมาณการขายรวม. ในไตรมาส 1 ปี 2025 ราคาเฉลี่ยต่อยูนิตอยู่ที่ 68.99 เปโซเม็กซิกัน เพิ่มขึ้น 12.7% จากปีก่อน.
- อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ที่ปรับปรุงแล้ว (Net debt / Adj. EBITDA): แสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้. ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2024 อยู่ที่ 0.68 เท่า. ณ วันที่ 31 มีนาคม 2025 อยู่ที่ 0.74 เท่า.
- กำไรขั้นต้น (Gross Profit): ในไตรมาส 1 ปี 2025 อยู่ที่ 31,832 ล้านเปโซเม็กซิกัน เพิ่มขึ้น 12.0% (ตามที่รายงาน).
- EBITDA ที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITDA): ในไตรมาส 1 ปี 2025 อยู่ที่ 13,254 ล้านเปโซเม็กซิกัน เพิ่มขึ้น 11.0% (ตามที่รายงาน).
- อัตราส่วนการใช้น้ำ (Water Use Ratio): ปรับปรุงอัตราส่วนการใช้น้ำเป็น 1.38 ลิตรต่อน้ำอัดลมที่ผลิตได้ในปี 2024.
- การใช้พลาสติก PET รีไซเคิล: มีการใช้ PET รีไซเคิล 30% ในบรรจุภัณฑ์ในปี 2024.
- การเก็บคืน PET: อัตราการเก็บคืน PET ที่นำออกสู่ตลาดอยู่ที่ 34% ในปี 2024.
- พลังงานหมุนเวียน: 84% ของพลังงานที่ใช้ในการผลิตมาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนในปี 2024.
- ของเสียที่เบี่ยงเบนจากหลุมฝังกลบ: 99% ของของเสียจากการผลิตถูกเบี่ยงเบนออกจากหลุมฝังกลบในปี 2024.
- ผู้หญิงในตำแหน่งผู้นำ: 31.8% ของตำแหน่งผู้นำเป็นผู้หญิงในปี 2024. เป้าหมายคือ 40% ภายในปี 2030.
- อัตราการบาดเจ็บจากการทำงาน (Lost Time Incident Rate - LTIR): อัตราการบาดเจ็บต่อ 200,000 ชั่วโมงการทำงานอยู่ที่ 1.08 ในปี 2024. เป้าหมายคือ 0.72 ภายในปี 2035
6. ความเสี่ยงของบริษัทมีอะไรบ้าง (Company Risks)
- ความสัมพันธ์กับ The Coca-Cola Company: การเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์นี้อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจของบริษัท เนื่องจากยอดขายส่วนใหญ่มาจากเครื่องดื่มภายใต้เครื่องหมายการค้า Coca-Cola
- ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ: ราคาวัตถุดิบหลัก เช่น สารเข้มข้น สารให้ความหวาน (HFCS, น้ำตาล) และวัสดุบรรจุภัณฑ์ (PET resin, อะลูมิเนียม) มีความผันผวน ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนขาย
- เงื่อนไขทางเศรษฐกิจมหภาค: สภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยในประเทศที่ดำเนินงาน (โดยเฉพาะเม็กซิโกและบราซิลซึ่งคิดเป็น 75.1% ของรายได้รวมในปี 2024) อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการของผู้บริโภค รายได้ ราคา และต้นทุนวัตถุดิบ. การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยหรืออัตราเงินเฟ้ออาจลดความต้องการสินค้าและเพิ่มต้นทุนการเงิน
- การแข่งขัน: การแข่งขันในตลาดเครื่องดื่มส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับราคา บรรจุภัณฑ์ กิจกรรมส่งเสริมการขาย การเข้าถึงร้านค้าปลีก และการจัดวางสินค้า
- การหยุดชะงักของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Systems) และเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์: การพึ่งพาระบบ IT ในการดำเนินธุรกิจ ทำให้มีความเสี่ยงต่อความล้มเหลวของเครือข่าย ซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย การโจมตีทางไซเบอร์ หรือการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับโดยไม่ได้รับอนุญาต
- กฎระเบียบและภาษี: การเปลี่ยนแปลงกฎหมายและข้อบังคับใหม่ๆ หรือการตีความที่เข้มงวดขึ้นในด้านต่างๆ เช่น น้ำ สิ่งแวดล้อม พลังงาน แรงงาน ภาษี สุขภาพ และการต่อต้านการผูกขาด อาจเพิ่มต้นทุนการดำเนินงานหรือจำกัดการดำเนินงาน
- ความกังวลด้านความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์: ความสำเร็จของธุรกิจขึ้นอยู่กับการรักษาความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์
- การควบคุมภายในต่อการรายงานทางการเงิน: ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2024 การควบคุมภายในด้านการรายงานทางการเงินไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากจุดอ่อนที่สำคัญในการควบคุม IT ทั่วไปของระบบบัญชีการเงินและระบบเงินเดือน
- ข้อจำกัดในการโอนเงินสด: กฎระเบียบในบางประเทศที่บริษัทดำเนินงานอาจทำให้การโอนเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานเพื่อใช้ในประเทศอื่นทำได้ไม่ง่ายหรือไม่เป็นประโยชน์
7. บริษัทมีแผนรับมือกับความเสี่ยงอย่างไร (How the company manages risks)
- กรอบการกำกับดูแลการบริหารความเสี่ยง: Coca-Cola FEMSA ใช้โมเดลการป้องกันสามสาย (three lines of defense model) เพื่อระบุ ประเมิน และลดความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ. คณะกรรมการบริหารมีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลระบบการบริหารความเสี่ยง
- ความปลอดภัยทางไซเบอร์: มีโปรแกรมการบริหารความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ครอบคลุมนโยบาย กระบวนการ ซอฟต์แวร์ และการฝึกอบรม. มีแผนรับมือกับเหตุการณ์ทางไซเบอร์ (CIRP) เพื่อเตรียมพร้อม ตรวจจับ ตอบสนอง และฟื้นตัวจากการโจมตี. นอกจากนี้ยังมีการทำประกันภัยเพื่อป้องกันความเสียหายจากเหตุการณ์ทางไซเบอร์
- ความเสี่ยงทางการเงิน: ใช้เครื่องมือทางการเงินอนุพันธ์เพื่อจัดการความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย และราคาสินค้าโภคภัณฑ์
- ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง: แหล่งสภาพคล่องหลักมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน. มีการรักษาสภาพคล่องโดยการสำรองเงินอย่างเพียงพอ ติดตามกระแสเงินสด และรักษาสภาพหนี้ให้มีความสมดุล
- ความเสี่ยงด้านเครดิต: มีนโยบายในการทำธุรกิจกับคู่ค้าที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น และติดตามการเปิดเผยความเสี่ยงด้านเครดิตอย่างต่อเนื่อง
- ความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม: มีระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม (EMS) เพื่อระบุ จัดการ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- การกำกับดูแลและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ: มีโครงการปฏิบัติตามกฎระเบียบและจริยธรรมระดับโลก (Global Compliance and Integrity Program) และระบบจริยธรรมที่ครอบคลุม (Code of Ethics, Ethics Line, Ethics Committees) เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมทางจริยธรรมและป้องกันการทุจริต
- สิทธิมนุษยชน: มีกรอบการตรวจสอบสถานะด้านสิทธิมนุษยชน (Human Rights Due Diligence Model) เพื่อระบุและแก้ไขปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนตลอดห่วงโซ่คุณค่า
- สุขภาพและความปลอดภัย: มีกลยุทธ์ Safety 0.0 ที่มุ่งเน้นการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุร้ายแรง โดยมี 5 เสาหลักและ 14 กฎแห่งชีวิต (Life Saving Rules)
- ค่าตอบแทนผู้บริหาร: มีการเชื่อมโยงค่าตอบแทนของผู้บริหารกับตัวชี้วัดการบริหารความเสี่ยง เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติตามมาตรฐานและเป้าหมายด้านประสิทธิภาพ
8. ความแข็งแกร่งของบริษัทมีอะไรบ้าง (Company Strengths)
- ผู้นำตลาด: เป็นผู้บรรจุขวดแฟรนไชส์ Coca-Cola ที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามปริมาณการขาย
- ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับ The Coca-Cola Company: มีกรอบความร่วมมือที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรม
- ความยืดหยุ่นและปรับตัวได้: มีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมการดำเนินงานที่ท้าทายและไม่แน่นอน
- โครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง: มีโรงงานบรรจุขวด 56 แห่ง และศูนย์กระจายสินค้า 256 แห่ง ทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวาง
- พอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและชนะตลาด: นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกโอกาส รวมถึงเครื่องดื่มปราศจากน้ำตาล/น้ำตาลน้อย และเครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำอัดลม
- ความแข็งแกร่งทางการเงิน: มีงบดุลที่แข็งแกร่งและอันดับเครดิตที่สูง (AAA ในระดับประเทศและ A/A3/A- ในระดับสากล) ทำให้สามารถเข้าถึงตลาดทุนได้
- การมุ่งเน้นความยั่งยืน: ฝังรากฐานความยั่งยืนไว้ในกลยุทธ์ทางธุรกิจ มีกรอบการทำงานด้านความยั่งยืนที่แข็งแกร่ง และมุ่งมั่นในการจัดการทรัพยากรน้ำ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้บรรจุภัณฑ์หมุนเวียน และการพัฒนาชุมชน
- การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและแพลตฟอร์ม Omni-channel: ลงทุนในการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น Juntos+ สำหรับธุรกิจ B2B และ En Tu Hogar สำหรับ D2C เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการเข้าถึงลูกค้า
- วัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง: ส่งเสริมวัฒนธรรมที่มุ่งเน้นลูกค้า ความปลอดภัยทางจิตใจ และการพัฒนาบุคลากร
- ทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์: ทีมผู้บริหารระดับสูงมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในอุตสาหกรรม
9. กลยุทธ์ในการเติบโตของบริษัท เป็นอย่างไร (Growth Strategies)
- กลยุทธ์ของ Coca-Cola FEMSA มุ่งเน้นการดำเนินการโมเดลการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว
- กลยุทธ์หลักสำหรับปี 2025 และในระยะยาวประกอบด้วย 6 เสาหลัก:
- ขยายธุรกิจหลัก (Grow the Core):
เพิ่มส่วนแบ่งตลาดของเครื่องดื่ม Coca-Cola ในทุกตลาดและช่องทาง
เร่งการเติบโตของ Coca-Cola Zero Sugar
พัฒนาโอกาสการเติบโตในตลาดที่มีอัตราการบริโภคต่อหัวต่ำ
ขยายศักยภาพของหมวดเครื่องดื่มไม่อัดลมที่ทำกำไร เช่น เครื่องดื่มเกลือแร่และเครื่องดื่มให้พลังงาน
- เป็นแพลตฟอร์มการค้าที่ได้รับเลือก (Be the Preferred Commercial Platform):
เพิ่มฐานลูกค้าทั้งหมดและลูกค้าดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มพาณิชย์ Omni-channel "Juntos+".
ใช้ประโยชน์จากพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ที่คัดสรรแล้วร่วมกับ The Coca-Cola Company และพันธมิตรในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท
ขยายแพลตฟอร์ม D2C "En Tu Hogar by Coca-Cola" เพื่อเชื่อมต่อกับครัวเรือนโดยตรงผ่านโซลูชันดิจิทัลและออฟไลน์
- การควบรวมและซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ (Strategic M&A): ดำเนินการควบรวมและซื้อกิจการเพื่อขยายธุรกิจ
- แก้ไขปัญหาคอขวดโครงสร้างพื้นฐานและเปลี่ยนองค์กรเป็นดิจิทัล (De-bottleneck our Infrastructure and Digitize the Enterprise):
ลงทุนในการขยายขีดความสามารถการผลิต จัดเก็บ และการขนส่ง
เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้วยเครื่องมือดิจิทัลขั้นสูง ระบบอัตโนมัติ และการปรับปรุงกระบวนการ
- เสริมสร้างวัฒนธรรมที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Strengthen our Customer-Centric Culture):
ส่งเสริมความคิดแบบเติบโต (growth mindset) และรูปแบบผู้นำแบบ multiplier
เพิ่มขีดความสามารถของผู้นำในการพัฒนาบุคลากร
ปลูกฝังวัฒนธรรมที่ลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกปฏิสัมพันธ์
- ส่งเสริมอนาคตที่ยั่งยืน (Foster a Sustainable Future):
บูรณาการกรอบการกำกับดูแลที่แข็งแกร่งเข้ากับการพัฒนาสังคมและการจัดการสิ่งแวดล้อม
เป้าหมายด้านความยั่งยืน ได้แก่ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดการน้ำ การใช้ PET รีไซเคิล และการส่งเสริมสุขภาพและความปลอดภัยในที่ทำงาน
10. ประเด็นข่าวล่าสุดของบริษัท (Latest News)
- ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2025: ประกาศผลประกอบการเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2025 โดยมีปริมาณการขายลดลง 2.2% แต่รายได้เติบโต 10.0% (ตามที่รายงาน).
- การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี: เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2025 Coca-Cola FEMSA ได้จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี โดยผู้ถือหุ้นได้อนุมัติงบการเงินรวมสำหรับปี 2024 รายงานประจำปีของคณะกรรมการบริษัท การประกาศและจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2024 (7.36 เปโซเม็กซิกันต่อ KOF UBL unit หรือ 0.92 เปโซเม็กซิกันต่อหุ้น) และการแต่งตั้ง/เลือกตั้งซ้ำสมาชิกคณะกรรมการและคณะกรรมการชุดต่างๆ สำหรับปี 2025
- การยื่นรายงาน Form 20-F: บริษัทได้ยื่นรายงานประจำปี Form 20-F ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC) เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2025
- การจัดการควบคุมภายใน: การควบคุมภายในด้านการรายงานทางการเงินของบริษัทไม่มีประสิทธิภาพ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2024 เนื่องจากจุดอ่อนที่สำคัญในการควบคุม IT ทั่วไปของระบบบัญชีการเงินและระบบเงินเดือน. อย่างไรก็ตาม งบการเงินรวมของปี 2024 ไม่ได้รับผลกระทบจากการบิดเบือนที่สำคัญ
- กฎหมายใหม่ในบราซิล: ในเดือนธันวาคม 2024 รัฐบาลบราซิลได้ออกกฎหมาย No. 15,042 ซึ่งจัดตั้งระบบการซื้อขายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบราซิล
- การเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร:
Ian Marcel Craig Garcia ได้รับการแต่งตั้งเป็น CEO ในปี 2023
Gerardo Cruz Celaya ได้รับการแต่งตั้งเป็น CFO ในปี 2023
Martin Felipe Arias Yaniz ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการและประธานคณะกรรมการวางแผนและการเงินในปี 2025
Claudia Lorenzo ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการในปี 2025
การรวมกิจการขนส่ง: ในเดือนมีนาคม 2024 บริษัทได้รวมสินทรัพย์และพนักงานบางส่วนของ Solistica เข้ากับการดำเนินงานในเม็กซิโก ซึ่งเป็นการสิ้นสุดข้อตกลงบริการ
11. ประเทศที่ทำธุรกิจ
ประเทศที่ Coca-Cola FEMSA ดำเนินการอยู่ได้แก่:
- เม็กซิโก (Mexico) รวมถึงปฏิบัติการทางธุรกิจในเม็กซิโกกลาง (Valley of Mexico) และพื้นที่อื่นๆ เช่น เกร์เรโรและวาฮากา
- บราซิล (Brazil)
- กัวเตมาลา (Guatemala)
- โคลอมเบีย (Colombia)
- อาร์เจนตินา (Argentina)
- คอสตาริกา (Costa Rica) (ทั่วประเทศ)
- นิการากัว (Nicaragua) (ทั่วประเทศ)
- ปานามา (Panama) (ทั่วประเทศ)
- อุรุกวัย (Uruguay) (ทั่วประเทศ)
- เวเนซุเอลา (Venezuela) ผ่านการลงทุนใน KOF Venezuela (ตัวนี้ครอบคลุมทั้งประเทศเลย)
พื้นที่เหล่านี้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลักสำหรับการรายงานผลประกอบการ ได้แก่:
- แผนกเม็กซิโกและอเมริกากลาง (Mexico and Central America division) ซึ่งประกอบด้วย เม็กซิโก (รวมถึงการดำเนินงานของบริษัท), กัวเตมาลา, นิการากัว, คอสตาริกา และปานามา
- แผนกอเมริกาใต้ (South America division) ซึ่งประกอบด้วย บราซิล, อาร์เจนตินา, โคลอมเบีย และอุรุกวัย
โฆษณา