Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ข่าวสาร รอบโลก 🌎
•
ติดตาม
7 ก.ค. เวลา 08:03 • ข่าวรอบโลก
จาก “เพื่อนรัก” สู่ “เพื่อนร้าย”... สัมพันธ์ “ทรัมป์-มัสก์” สะบั้น
สร้างแรงกระเพื่อมไปทั้งวงการการเมือง และธุรกิจของสหรัฐฯ หลังจากที่ “อีลอน มัสก์” มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลก ซีอีโอของบริษัทเทสลา และสเปซเอ็กซ์ ได้ประกาศแตกหักกับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐฯ ทั้งที่มัสก์ เคยเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ให้กับทรัมป์ ในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งที่ผ่านมา โดยมัสก์ บริจาคเงินกว่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อการหาเสียงในปี 2567 ให้กับทีมทรัมป์
หลังจากที่ทั้งคู่เดินหน้าหาเสียงอย่างหนัก จนในที่สุดทรัมป์ก็ได้รับชัยชนะเข้าสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง และเขาก็มีมัสก์เป็นเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษา และมีบทบาทในการทำงานในรัฐบาลชุดใหม่ของเขา
ในช่วงแรกของการจัดตั้งรัฐบาล ทรัมป์ได้มอบหมายหน้าที่สำคัญให้กับมัสก์ คือ ดูแลกระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล หรือ Department of Government Efficiency (DOGE) โดยมีเป้าหมาย ในการปรับขนาดและลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง ยุบรวมหน่วยงานที่ซ้ำซ้อน และใช้เทคโนโลยีช่วยลดต้นทุน และที่สำคัญคือ การเลิกจ้างผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานรัฐไปมากถึง 2.8 แสนคน
แต่จากนโยบายดังกล่าว ส่งผลให้ชาวอเมริกันหลายพันคนทั่วทั้ง 50 รัฐ และหลายเมืองทั่วโลก ได้รวมตัวประท้วงครั้งใหญ่ ภายใต้ชื่อ "Hands Off" ต่อต้านนโยบายของ "ทรัมป์-มัสก์" ที่ตัดงบฯ หน่วยงานรัฐ และผลักดันกำแพงภาษี จนกระทบระบบสาธารณะและการค้าไปทั่วโลก
ในการแถลงข่าวหรือปรากฏตัวของทรัมป์แต่ละครั้ง มักจะมีมัสก์อยู่เคียงข้างเสมอ แต่ชนวนเล็กๆ ที่ทำให้มัสก์เริ่มไม่ค่อยพอใจนโยบายของทรัมป์ คือนโยบายเรื่องการเรียกเก็บภาษีจากประเทศคู่ค้าทั่วโลก เพราะนโยบายดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทในเครือของมัสก์ โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนของเทสลา ที่มีฐานการผลิตอยู่ต่างประเทศ ได้รับผลกระทบเช่นกัน
จากนั้น การทำงานระหว่างทรัมป์ กับมัสก์ ค่อนข้างลุ่มๆ ดอนๆ แม้ทั้งคู่จะไม่เคยพูดถึงปัญหาระหว่างกัน แต่การให้สัมภาษณ์กับสื่อฯ บางครั้ง ไม่สอดคล้องกัน
ปัญหาการไม่ลงรอยกันของทั้งคู่ เริ่มเด่นชัดขึ้น โดยในช่วงปลายเดือนเมษายน มัสก์ประกาศว่า เขาจะถอยออกจากงานของรัฐบาล และมาบริหารบริษัทของเขาอีกครั้ง หลังยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเทสลาของเขา ลดลงอย่างมาก โดยยอดขายรถยนต์เทสลา ลดลง 13% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท ส่วนราคาหุ้นของบริษัท ก็เคยร่วงลงไปมากถึง 45% แต่ฟื้นตัวขึ้นมาจนลดลงไป 10% เท่านั้น ซึ่งส่วนหนึ่ง มัสก์ระบุว่า เป็นผลจากการที่เขาทำงานกับทรัมป์
ความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ปรากฏชัดเจนมากขึ้นในช่วงต้นพฤษภาคม 2568 เมื่อมัสก์ได้ลาออกจากรัฐบาลทรัมป์ หลังจากที่เขาได้วิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายเกี่ยวกับภาษีและงบประมาณของพรรครีพับลิกัน ที่กำลังพิจารณาในสภาคองเกรส โดยเผยว่า รู้สึกผิดหวังที่เห็นร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายจำนวนมหาศาล ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และยังบั่นทอนการทำงานของหน่วยงาน DOGE ที่เขาเคยดูแลอีกด้วย และนี่ถือเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่มัสก์ประกาศแยกทางการทำงานกับรัฐบาลทรัมป์ อย่างเป็นทางการ
จุดเดือดของทั้งคู่ ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อมัสก์ได้โจมตีร่างกฎหมายงบประมาณขนาดมหึมาของทรัมป์ ซึ่งครอบคลุมเรื่องภาษี การลดค่าใช้จ่าย พลังงาน และประเด็นชายแดน และคาดการณ์ว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ จะทำให้สหรัฐฯเผชิญกับการขาดดุลงบประมาณพุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาลถึง 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ และเป็นภาระหนี้สิน ที่กดขี่ประชาชนอเมริกันไปอีกนาน
กระทั่งเช้าวันต่อมา ทรัมป์ ไม่ยอม และได้ออกมาตอบโต้มัสก์อย่างรุนแรง และซัดกลับมัสก์ ว่า ที่มัสก์ออกมาวิจารณ์ร่างกฎหมายดังกล่าว เพราะไม่พอใจที่รัฐบาลได้ยกเลิกเงินอุดหนุนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ไปก่อนหน้า ซึ่งทำให้ธุรกิจของรถยนต์เทสลา เสียผลประโยชน์นั่นเอง
การตอบโต้ของทั่งคู่ เพิ่มระดับความร้อนแรง โดยเฉพาะฝั่งมัสก์ ที่ระบุว่า ทรัมป์ไม่สามารถชนะการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมาได้ หากไม่มีเขา และเสริมว่า “ช่างอกตัญญูยิ่งนัก” และเขายังสนับสนุนแนวคิดการถอดถอนทรัมป์ ออกจากตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ และเสนอให้แต่งตั้ง “เจ.ดี.แวนซ์” รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน
และทั้งคู่ ยังสาดโคลนผ่านโซเชียลมีเดีย กันอีกหลายประเด็น
ภาพการเป็นคู่แข่งและประกาศเป็นฝ่ายตรงข้าม ชัดเจนขึ้นอีกระดับ เมื่อล่าสุด 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา มัสก์ได้ประกาศผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) เตรียมเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ ภายใต้ชื่อ “พรรคอเมริกา” (America Party) และถือเป็นการท้าทายระบบสองพรรคใหญ่ในสหรัฐฯ คือ “เดโมแครต” และ “รีพับลิกัน” ที่ฝังรากลึกในสังคมอเมริกา มาช้านาน
แต่ทั้งนี้ยังไม่ชัดเจนว่า พรรคใหม่ดังกล่าว ได้จดทะเบียนอย่างเป็นทางการกับหน่วยงานการเลือกตั้งของสหรัฐฯ แล้วหรือไม่ และมัสก์ก็ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่า ใครจะมาเป็นผู้นำพรรคที่ตั้งขึ้น
และพลันที่มัสก์ ประกาศตั้งพรรคการเมืองใหม่ ฝั่งเพื่อนที่เคยรักอย่างทรัมป์ ก็ออกมาปรามาส โดยบอกว่า การตั้งพรรคการเมืองที่สามนั้น “เป็นเรื่องตลกสิ้นดี” และย้ำว่า “พรรคการเมืองที่สาม ไม่เคยไปรอดในการเมืองสหรัฐ”
จาก “เพื่อนรัก” สู่ “เพื่อนร้าย” ระหว่าง “อีลอน มัสก์” มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลก กับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถือเป็นบทพิสูจน์ว่า ไม่มีอะไรแน่นอนในแวดวงการเมือง และยิ่งโดยเฉพาะนักการเมืองที่ยึดโยงกับธุรกิจ
แต่ก็มีเสียงสะท้อนจากอีกหลายฝ่าย มองว่า ในอนาคต เสือทั้งสองตัวนี้ อาจจะโคจรกลับมาอยู่ถ้ำเดียวกันก็อาจจะเป็นได้ เพราะในแวดวงการเมือง “ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร” หากการเจรจาลงตัว.
มนตรี ขัดเรือง
NBT Connext
#nbtconnext #โดนัลด์ทรัมป์ #อีลอนมัสก์
https://www.facebook.com/share/p/16ocGTeX5L/?mibextid=wwXIfr
https://collshp.com/kkw_shopee
📌 #ประกันภัยรถยนต์ กับ 22 บริษัท #ประกันภัยออนไลน์ ผ่านมือถือ รับส่วนลดสมาชิก รับรายได้เสริม เริ่มต้น 2%
#### สมัครสมาชิก👫🚗
👉
https://bit.ly/3WYAbT7
fairdee.co.th
คุณขายประกันรถยนต์อยู่หรือไม่? เราจะช่วยให้คุณทำงานได้เร็ว และ ขายได้มากขึ้น
คุณขายประกันรถยนต์อยู่หรือไม่? เราจะช่วยให้คุณทำงานได้เร็ว และ ขายได้มากขึ้น
ข่าวรอบโลก
สหรัฐอเมริกา
เศรษฐกิจ
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย