Stephen Elop ฮีโร่หรือวายร้ายผู้ทำลาย Nokia? กับเส้นทางอันขมขื่นของยักษ์ใหญ่วงการมือถือ
เรื่องราวนี้เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 10 กันยายน 2010 เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วสำนักงานใหญ่ของ Nokia ที่ฟินแลนด์ เมื่อ Stephen Elop ก้าวขึ้นรับตำแหน่ง CEO คนใหม่ เขาคืออดีตผู้บริหารจาก Microsoft และเป็นคนนอกที่ไม่ใช่ชาวฟินแลนด์คนแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัท
หลายคนชี้ไปที่ Elop ว่าเป็นคนทำลาย Nokia เพราะเขามาจาก Microsoft แล้วก็เลือกใช้ซอฟต์แวร์ของ Microsoft จนพาบริษัทไปไม่รอด การตัดสินใจครั้งนั้นได้ทำลายล้าง Nokia ไปตลอดกาล
แต่คำถามที่น่าคิดกว่านั้นคือ… Stephen Elop คือคนที่จุดไฟเผา Nokia จริงหรือ? หรือเขาเป็นเพียงคนที่เข้ามาเปิดไฟ แล้วพบว่าทั้งตึกกำลังจะมอดไหม้อยู่แล้ว?
เพื่อจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เราต้องย้อนเวลากลับไป ในวันที่ Nokia ยังยืนอยู่บนบัลลังก์ของโลกเทคโนโลยี ก่อนที่ Elop จะมาถึง และก่อนการตัดสินใจที่เปลี่ยนทุกอย่างไป
ไม่ว่าจะเป็น Nokia 3310 ที่กลายเป็นตำนานด้านความทนทาน, N95 ที่หรูหราและล้ำสมัย หรือ E series ที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินของนักธุรกิจ ชื่อของ Nokia กลายเป็นของสามัญประจำบ้านไปทั่วโลก
วันที่ 29 มิถุนายน 2007, Apple ได้เปิดตัว iPhone และในปี 2008, Google ก็ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Android แพลตฟอร์มใหม่เหล่านี้ ไม่ใช่แค่โทรศัพท์ที่ดีกว่า แต่มันกำลังจะเปลี่ยนนิยามว่าโทรศัพท์มือถือทำอะไรได้บ้าง
ขณะที่โลกกำลังหมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว Nokia กลับลังเลที่จะก้าวตาม ผู้บริหารระดับสูงในตอนนั้นยังคงเชื่อว่าหน้าจอสัมผัสเป็นแค่แฟชั่นชั่วคราว และ Symbian คืออนาคตที่แท้จริงของบริษัท
แต่ในปี 2010 บอร์ดบริหารของ Nokia ก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาต้องการการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และได้เลือก Stephen Elop เข้ามาเพื่อพลิกสถานการณ์ ภารกิจของเขาคือการนำพา Nokia ให้กลับมาทันสมัยอีกครั้ง
ในช่วงแรก Elop ดูเหมือนจะเป็นคนที่ใช่ เขามีประสบการณ์จาก Microsoft และขึ้นชื่อเรื่องการตัดสินใจที่เด็ดขาด แต่แล้วเหตุการณ์สำคัญที่พลิกทุกอย่างก็เกิดขึ้น
แต่ Elop เดิมพันว่าการทุ่มสุดตัวกับ Microsoft จะทำให้ Nokia สร้างความแตกต่างและกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ในช่วงแรกมันก็ดูเหมือนจะมีความหวังอยู่บ้าง
Nokia เปิดตัวสมาร์ทโฟนซีรีส์ Lumia ที่มีดีไซน์สวยงามและกล้องถ่ายรูปที่ยอดเยี่ยม Microsoft เองก็ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อโปรโมต Windows Phone ให้เป็นทางเลือกที่สามที่น่าสนใจ
แต่จุดอ่อนสำคัญที่ฉุดทุกอย่างไว้ก็คือระบบปฏิบัติการ Windows Phone ที่ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากไม่เลือกที่จะซื้อมัน
แล้วตลาดก็เป็นผู้ตัดสิน… ภายในปี 2012, Android ควบคุมตลาดสมาร์ทโฟนไปแล้วกว่า 75% และ iOS ของ Apple ก็ยึดส่วนแบ่งสำคัญไว้ได้ ทำให้แทบไม่เหลือที่ว่างให้ Windows Phone ได้เติบโต
คงไม่มีใครจำได้ว่า Nokia เคยมีสโลแกนเท่ๆ ว่า “Connecting People” หรือ “เชื่อมต่อผู้คน” เพราะในตอนนี้ บริษัทกลับกำลังสูญเสียการเชื่อมต่อกับผู้บริโภคของตัวเองอย่างรวดเร็ว
ผลลัพธ์คือส่วนแบ่งตลาดของ Nokia พังทลายลงอย่างไม่เป็นท่า ภายในปี 2013 ส่วนแบ่งตลาดลดลงเหลือเพียง 3% เท่านั้น เป็นการดิ่งเหวจากจุดสูงสุดในอดีตอย่างน่าใจหาย
นักลงทุนหมดความเชื่อมั่น ราคาหุ้นของ Nokia ร่วงลงไปถึง 75% ภายในเวลาแค่ 3 ปี บริษัทที่เคยขายโทรศัพท์ได้มากกว่า Apple และ Samsung รวมกัน ตอนนี้กำลังขาดทุนอย่างหนักจนยืนต่อไปไม่ไหว
ปลายปี 2013 ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าธุรกิจมือถือของ Nokia ไปต่อไม่ได้ บริษัทตัดสินใจขายแผนกโทรศัพท์ทั้งหมดให้กับ Microsoft ในราคาเพียง 7.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นแค่เศษเสี้ยวของมูลค่าในอดีต
การซื้อขายครั้งนี้คือจุดสิ้นสุดของ Nokia ในฐานะยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรศัพท์มือถืออย่างเป็นทางการ
หลังจากนั้น Elop ก็กลับไปทำงานที่ Microsoft พร้อมกับโบนัสก้อนโตมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ ยิ่งโหมกระแสทฤษฎีสมคบคิดที่ว่าเขาคือ “ม้าโทรจัน” ที่ Microsoft ส่งมาเพื่อทำลาย Nokia จากภายใน
แต่เขาคือตัวร้ายในเรื่องนี้จริงๆ หรือ? หรือว่า Nokia มันพังเกินกว่าจะซ่อมได้แล้ว ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเข้ามา?
ตอนที่ Elop เข้ามาในปี 2010, Nokia ได้สูญเสียความได้เปรียบทั้งในด้านซอฟต์แวร์ นวัตกรรม และภาพลักษณ์ในตลาดไปแล้ว
Jorma Ollila อดีต CEO ของ Nokia เคยยอมรับในหนังสือของเขาเองว่า บริษัทประเมิน iPhone ต่ำไป คิดว่ามันเป็นแค่สินค้าเฉพาะกลุ่มที่ไม่น่าจะกระทบตลาดในวงกว้าง แถมยังติดกับดักวัฒนธรรมองค์กรที่อุ้ยอ้าย ทำให้ปรับตัวไม่ทัน
ยังมีอีกมุมหนึ่งของเรื่องนี้ แม้ว่า Nokia จะเลือก Android ก็ต้องใช้เวลาปรับตัวมหาศาลในการทิ้งระบบเก่า สร้างระบบใหม่ และอาจไม่รวดเร็วพอที่จะหยุดการไหลออกของส่วนแบ่งตลาดได้ทัน
สุดท้ายแล้ว ภายในปี 2014, Microsoft ก็ต้องปิดแผนกโทรศัพท์ของ Nokia ที่ซื้อมา และบันทึกขาดทุนไปเกือบ 8 พันล้านดอลลาร์ เป็นการพิสูจน์ว่ากลยุทธ์ Windows Phone นั้นล้มเหลวโดยสมบูรณ์
นอกจากปัญหาด้านกลยุทธ์ Nokia ยังมีปัญหาภายในอีกมาก วัฒนธรรมองค์กรที่แตกแยกเป็นไซโล ทำให้การทำงานล่าช้า ทีมวิศวกรและทีมการตลาดแทบไม่คุยกัน ทำให้ไม่สามารถตอบสนองตลาดได้รวดเร็วเหมือนคู่แข่ง
ทุกวันนี้ Nokia ยังคงอยู่ แต่ไม่ได้อยู่ในฐานะผู้ผลิตโทรศัพท์อีกต่อไป บริษัทหันไปทำธุรกิจอุปกรณ์เครือข่ายโทรคมนาคมและ 5G เพื่อแข่งขันกับ Huawei และ Ericsson
ส่วนแบรนด์สมาร์ทโฟน Nokia ถูกซื้อสิทธิ์ไปโดย HMD Global ซึ่งก่อตั้งโดยอดีตพนักงานของ Nokia เอง และพวกเขาก็ได้เปิดตัวโทรศัพท์ Nokia ที่ใช้ระบบ Android ในที่สุด แต่ก็เป็นเพียงผู้เล่นรายเล็กๆ ในตลาดเท่านั้น
สุดท้ายแล้ว Steven Elop เป็นเพชฌฆาตของ Nokia หรือเป็นแค่คนสุดท้ายที่ยืนอยู่ในวันที่ทุกอย่างพังทลายลง? คำตอบอาจไม่ได้มีแค่ขาวกับดำ เพราะปัญหาของ Nokia นั้นซับซ้อนและเริ่มต้นมานานก่อนที่เขาจะมาถึง
บทเรียนจาก Nokia บอกเราว่า เราต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่เสมอ แม้ในวันที่เราประสบความสำเร็จที่สุด เพราะในโลกของเทคโนโลยี ไม่มีใครสามารถนั่งอยู่บนบัลลังก์ได้นานเกินไปนั่นเองครับผม