6 ส.ค. เวลา 11:49 • การศึกษา

“แจ้งเตือน.. world app.. สแกนม่านตา..”

..ช่วงนี้มีกระแสข่าวเรื่อง การสแกนม่านตา แล้วได้ค่าตอบแทน.. มีคนไปเข้าคิวรอสแกนม่านตากันทั่วโลก.. รวมทั้งในไทย..
คือ มีบริษัท เจ้าของเดียวกับ ChatGPT หรือ Open AI.. ก่อตั้งโครงการเพื่อพัฒนาระบบยืนยันตัวบุคคลล่วงหน้า.. ในการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล..
ด้วยข้อคิดว่า.. ทุกวันนี้ คนร้ายอาจใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ใช้เอไอ หรือ bot ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ปลอมใบหน้า ปลอมลายเซ็นต์ดิจิตัล เพื่อเข้าถึงเงินในบัญชีออนไลน์ เป็นต้น..
บริษัทเขาเลยคิดว่า.. ต้องการรวบรวมข้อมูลของบุคคลทั่วโลก (World ID) ที่ระบบเอไอ หรือ bot จะมาปลอม หรือใช้ยืนยันตัวตนแทนเราไม่ได้ นั่นคือ “ม่านตา”..
เขาจะรวบรวมข้อมูลม่านตาของคนทั่วโลก เก็บไว้.. เพื่อในอนาคตอาจมีการนำมาใช้ยืนยันตัวตนได้ โดยที่ระบบคอมพิวเตอร์จะแฮกค์ไม่ได้..
หากลูกค้า มี World ID .. ร้านค้าและการให้บริการต่างๆ ก็จะมั่นใจว่า จะไม่ถูกหลอกให้ขายสินค้าบริการแก่มิจฉาขีพที่ใช้เอไอมาปลอมตัวตนเป็นลูกค้าได้..
วิธีการ คือ บริษัทจะมาตั้งเครื่องสแกนม่านตาเรา ในที่สาธารณะ เช่น ตามห้างสรรพสินค้น..
หากเราสนใจ ก็ต้องดาวน์โหลด กระเป๋าเงินดิจิตัลแอพชื่อ World App ในโทรศัพท์มือถือก่อน.. แล้วเดินทางไปสถานที่ที่เขาตั้งเครื่องสแกนม่านตาไว้..
เมื่อเราสแกนม่านตาให้เขาแล้ว เขาจะตอบแทนด้วยการจ่ายเงินให้เราเป็นเหรียญดิจิตัล เรียกว่า Worldcoin (WLD).. ตีราคาขายจะได้เงินไทยประมาณ 1,000 บาท..
บริษัท รับรองว่า เมื่อเราสแกนให้เขาแล้ว เขาจะลบข้อมูลม่านตาของเราจากระบบสแกนม่านตาทันที และใส่รหัสข้อมูลม่านตาของเราไว้ เพื่อเก็บเป็นความลับ..
ที่ควรต้องระวัง คือ บริษัทนี้ แม้จะเป็นบริษัทใหญ่ น่าเชื่อถือ.. และอาจมีเจตนาดี..
แต่เขาเป็นบริษัทเอกชน และเป็นของต่างประเทศ.. ไม่ใช่บริษัทไทย และไม่เกี่ยวกับรัฐบาลไทย หรือรัฐบาลของประเทศใดๆในโลก..
ข้อมูลม่านตาของเรา เป็นข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเป็นผู้ควบคุม..
เมื่อสแกนม่านตาของเราเข้าระบบคอมพิวเตอร์แล้ว..ข้อมูลนั้น จะเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม พรบ. คอมพิวเตอร์ด้วย..
ข้อตกลงที่เราตกลงกับบริษัท ตามกฎหมายไทย ก็เป็นการทำนิติกรรมสัญญาทางแพ่ง.. แต่เงินดิจิตัลที่เขาให้ ก็ไม่ใช่เงินที่ใช้หนี้ได้ตามกฎหมาย..
สัญญาขายข้อมูลส่วนตัวแบบนี้.. เป็นสัญญานอกบรรพ 3.. ก็เป็นเสรีภาพส่วนบุคคล.. ใครอยากทำ ก็ทำได้..
แต่หากเขานำข้อมูลเราไปขาย.. หรือเก็บรักษาไว้ไม่ดีจนถูกแฮกค์เกอร์ขโมยไป.. หรือมีการนำมาใช้เข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ของเราเอง..
ถ้าข้อมูลส่วนบุคคลของเรา ตกไปอยู่ในมือของมิจฉาชีพ..
เราจะทำอย่างไง.. จะไปฟ้องร้องใคร..
ก็เลยอยากจะเตือนคนที่ิยากจะไปสแกนม่านตา หวังได้เงินดิจิตัล.. ให้ระวังไว้..
แม้การกระทำของบริษัท.. ยังไม่น่าจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา.. ไม่เป็นความผิดตามพรบ. คอมพิวเตอร์.. และไม่เป็นความผิดตามพรก มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี่ พ.ศ. 2566..
ที่อยากจะเห็นคือ รัฐบาย จะมีนโยบายอย่างไร..
อย่างน้อย.. ก็ควรออกมาเตือนผลร้าย ที่อาจจะเกิดขึ้นให้ประชาชนคนไทยได้ระมัดระวังไว้..
การเพิกเฉย.. ในยามที่ควรมีมาตรการใดๆออกมาป้องกันความเสียหาย..
อาจฟังได้ว่า เห็นด้วย..
ถ้าเป็นเช่นนั้น.. คนไทยทุกคนก็ควรต้องรักษาและปกป้องสิทธิของตนกันเองนะครับ..
ศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ..
โฆษณา