Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ดร. ธีร์รัฐ บุนนาค
•
ติดตาม
18 ส.ค. เวลา 10:22 • การศึกษา
“คดีลุงพล.. ยังไม่จบ..“
เรื่องน้องชมพู่ หายตัวไป พบเป็นศพอยู่บนภูเขา เป็นข่าวดังมานาน.. และคดียังไม่ถึงที่สุด แต่เป็นที่สนใจของประชาชน..
คดีนี้ ตำรวจจับลุงพลและภริยา ที่เป็นเครือญาติน้องชมพู่.. และอัยการสั่งฟ้องคดีตกเป็นจำเลยต่อศาล..
ต่อมา ศาลชั้นต้นตัดสินว่า.. จำเลยมีความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้น้องชมพู่ถึงแก่ความตาย.. ให้ลงโทษจำคุก..
มีข้อน่าสังเกตว่า..
1) ระบบดุลพินิจในการพิจารณาเป็นอิสระของศาลนั้น.. เคยมีกระแสเล็กๆ แสดงความไม่เชื่อถือหลายครั้ง อ้างว่า.. ผู้พิพากษาถูกครอบงำโดยฝ่ายการเมือง.. หรือผู้บังคับบัญชาสั่งให้ผู้พิพากษาตัดสินตามอำเภอใจได้..
และมักอ้างคดีก่อการร้ายภาคใต้ ที่อธิบดีผู้พิพากษาภาค เห็นต่างจากผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน..
ทำนองว่า ผู้ใหญ่เห็นควรลงโทษ แต่เจ้าของสำนวนเห็นควรยกฟ้อง..
กดดันจนผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนต้องทำร้ายตัวเอง..
ด้วยความเคารพ ผู้เขียนเห็นตามข่าวว่า.. จะมีการแทรกแซงกดดันหรือไม่ ก็เป็นข้อเท็จจริง..
แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ.. ในวันอ่านคำพิพากษา.. ท่านก็พิพากษายกฟ้องตามร่างนะครับ.. ไม่ได้ถูกกดดันจนต้องตัดสินไปตามความต้องการของใคร..
คดีนี้ ก็เช่นเดียวกัน.. ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน เห็นควรตัดสินว่า จำเลยมีความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้คนตาย..
แม้ศาลยุติธรรมจะมีรัฐธรรมนูญคุ้มครองความเป็นอิสระ ที่หน่วยงานอื่น.. หน่วยงานเดียวกัน หรือผู้บังคับบัญชา ก็แทรกแซงไม่ได้..
แต่ระบบตรวจสอบภายในเรื่องคุณภาพของคำพิพากษานั้น ระบุให้คดีสำคัญ.. เจ้าของสำนวนต้องส่งร่างไปให้ผู้บริหาร คือ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล และอธิบดีผู้พิพากษาภาคตรวจร่างคำพิพากษาก่อนอ่านได้..
หากเห็นว่า ส่วนใดไม่ถูกต้อง.. ท่านก็มีสิทธิให้คำแนะนำ แก้ไขให้สมบูรณ์ได้.. ถ้าเป็นเรื่องเนื้อหาคดี.. หากเจ้าของสำนวนยืนยันไม่แก้ไข.. ผู้บริหารก็อาจทำความเห็นแย้งติดไว้ในคำพิพากษาได้..
นี่ ไม่ใช่การแทรกแซงการทำคำพิพากษา.. เพราะไม่มีกฎหมายบังคับให้เจ้าของสำนวนต้องแก้ไขร่างตามคำแนะนำ หรือตามความเห็นแย้ง..
การเขียนความเห็นแย้ง มีลักษณะคล้ายเขียนคำพิพากษาครับ จะมีเหตุผล เป็นเหตุแห่งคำวินิจฉัยว่า ท่านชั่งน้ำหนักความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานแตกต่างไป เพราะอะไร..
ความเห็นแย้ง ไม่มีผลในคดี.. เป็นเพียงความคิดเห็นที่แตกต่างในเชิงวิชาการ..
เป็นประโยชน์แก่ผู้เกี่ยวข้องที่ได้อ่านคำพิพากษานี้..
ผู้สนใจเขียนหมายเหตุ หรือวิจารณ์คำพิพากษา.. ควรศึกษาวิธีเขียนคำวิจารณ์เชิงวิชาการจากความเห็นแย้งนี้ล่ะครับ..
จะได้เข้าใจว่า การวิจารณ์คำพิพากษาโดยไม่ผิดฐานดูหมิ่นศาล หรือละเมิดอำนาจศาลนั้น ต้องเขียนอย่างไร..
คดีนี้ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลและอธิบดีผู้พิพากษาภาคที่ตรวจสำนวนแล้ว เห็นตรงกันว่า.. พยานหลักฐานยังไม่มั่นคง ยังมีสิ่งที่น่าสงสัยอยู่.. ตามหลักแล้วจะต้องยกประโยชน์ให้จำเลย คือ ยกฟ้อง..
เพราะกฎหมายวางหลักว่า.. การที่ศาลจะตัดสินลงโทษจำเลยนั้น ต้องปรากฎพยานหลักฐานชัดเจน ไม่สงสัยเลยว่าเกิดความผิดและจำเลยเป็นคนร้าย..
ถ้ามีเหตุอันควรสงสัยอยู่ ก็ให้ยกประโยชน์แก่จำเลย คือ ยกฟ้องเสีย.. จะได้ไม่พลาดลงโทษผู้บริสุทธิ์..
คดีนี้ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลและอธิบดีผู้พิพากษา ทำความเห็นแย้งว่า ควรยกฟ้อง..
แต่เจ้าของสำนวนมีอิสระในการทำความพิพากษา.. ท่านพิจารณาแล้ว ยืนยันดุลพินิจของท่านเอง จึงพิพากษาลงโทษจำคุก..
ปกติ เรื่องนโยบายนั้น ผู้พิพากษาในฐานะข้าราชการ ต้องฟังและทำตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา.. แต่เรื่องการพิจารณาพิพากษาคดี เป็นข้อยกเว้นครับ..
ถ้าเจ้าของสำนวนมั่นใจในความถูกต้อง.. ท่านไม่ทำตามผู้บังคับบัญชาก็ได้.. ผู้ใหญ่ไม่พอใจ จะกลั่นแกล้งด้วยการโยกย้าย ไม่เลื่อนขั้นเขาแบบหน่วยงานอื่น ก็ทำไม่ได้..
เว้นแต่เขาจะสมัครใจ.. หรือเป็นมติ เสียงส่วนใหญ่ของคณะกรรมการตุลาการ (กต.) ซึ่งดูแลเรื่องนี้อยู่..
คดีนี้ ปรากฎต่อมาว่า.. ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาว่า.. จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล.. ให้ลงโทษจำคุกหนักขึ้นอีก..
ศาลชั้นต้นตัดสินว่า.. จำเลยไม่มีเจตนาฆ่า.. แต่กระทำโดยประมาทให้น้องชมพู่เสียชีวิต..
ศาลอุทธรณ์ตัดสินว่า.. จำเลยมีเจตนาฆ่าเลยล่ะ.. ไม่ใช่แค่กระทำโดยความประมาท..
คำว่า เจตนาเล็งเห็นผล.. หมายถึง กระทำโดยรู้ว่า ผลจะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ.. แม้ไม่ได้ประสงค์ให้ผลเกิดขึ้นโดยตรง..
เช่น ไม่ต้องการฆ่าคนบนขบวนรถไฟ เพราะไม่รู้จักกันมาก่อน.. แต่ก็เจตนายิงปืนเข้าไปในขบวนรถไฟที่มีผู้โดยสารเต็มขบวน.. ถือว่า รู้แน่ว่าต้องมีคนตาย..
หากไม่เจตนาประสงค์ให้ใครตาย.. และไม่เล็งเห็นผลด้วย เช่น มีผู้โดยสารในขบวนเพียงไม่กี่คน.. แต่มีคนถูกกระสุนปืนตาย.. จำเลยจะมีความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้คนตาย ซึ่งโทษเบากว่าเจตนาฆ่า..
เรียกว่า มีเจตนาฆ่าโดยเล็งเห็นผล.. ซึ่งมีโทษไม่ต่างจาก ฆ่าโดยมีเจตนาประสงค์ต่อผลนั่นล่ะ..
ความเห็นแย้งนี้ ไม่ใช่แต่ผู้บริหารที่ตรวจสำนวนจะมีสิทธิให้ความเห็นได้เท่านั้น..
ผู้พิพากษาที่เป็นองค์คณะเดียวกัน อาจไม่เห็นด้วยกับเจ้าของสำนวนก็ได้.. ท่านก็มีสิทธิทำความเห็นแย้งติดรวมไว้ในคำพิพากษาด้วยได้..
เสียดาย.. ในชั้นอุทธรณ์ที่ตัดสินล่าสุด ไม่มีการทำความเห็นแย้ง.. ถ้ามีเราอาจจะได้เห็นความเห็นแย้งในเชิงวิชาการชั้นอุทธรณ์อีกมุมหนึ่งก็ได้..
2) พยานหลักฐานที่ชัดเจนว่า จำเลยกระทำผิดจริงนั้น.. โดยทั่วไป ก็คือ ประจักษ์พยานที่น่าเชื่อถือ.. คือ พยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ เช่น ผู้เสียหาย..
แม้มีเพียงปากเดียว ก็ทำให้คดีมีความชัดเจนจนไม่สงสัย จนลงโทษจำเลยได้..
แต่ถ้ามีเพียงพยานแวดล้อม.. ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็น.. ถือว่า คดีนั้นหลักฐานมีน้ำหนักน้อย.. ส่วนใหญ่ ศาลจะยกฟ้อง..
มีตัวอย่างคำพิพากษาฎีกา ที่คดีไม่มีใครรู้เห็น.. แม้จำเลยปฏิเสธ.. แต่มีพยานแวดล้อม ที่สอดรับกัน.. ล้อมจนจำเลยหนีไม่ออก ปฏิเสธ จนน่าเชื่อจนไม่สงสัยว่าเขาเป็นคนร้ายก็มี.. อันนี้เป็นข้อยกเว้น..
เช่น คดีหมอวิสุทธิ์กับหมอผัสพรเป็นต้น.. เหมาะแก่การศึกษานะครับ..
และเช่นเดียวกันกับคดีนี้.. คดีลุงพล ไม่มีประจักษ์พยานที่เห็นการฆาตรกรรม น้องชมพู่.. ไม่เห็นว่าใครพาน้องชมพู่ขึ้นเขา.. จำเลยเองก็ไม่ได้รับสารภาพ..
แต่คดีนี้ ศาลตัดสินลงโทษจำเลย ยืนตรงกันถึง 2 ชั้นศาล.. แสดงว่า พยานแวดล้อมมีมากและสอดรับกัน จนน่าเชื่อโดยไม่สงสัยเลยว่า จำเลยเป็นคนร้าย..
น่าศึกษานะครับว่า.. ศาลท่านพิจารณาและให้คุณค่า ความน่าเชื่อถือพยานแวดล้อมใด และมีความสอดคล้องกับประเด็นแห่งคดีอย่างไรบ้าง..
แต่อย่างไรก็ดี คดีนี้ ยังไม่ถึงที่สุดนะครับ เพราะอาจมีการยื่นฎีกาต่อไป.. และศาลฎีกาอาจยืน หรือกลับให้ยกฟ้องก็ได้..
เรามารอดูเหตุผล แนวคิดวิธีชั่งน้ำหนักของศาลฎีกาว่าจะตรง หรือต่างจากศาลอุทธรณ์กัน..
ส่วนเรื่องให้ผู้เขียน คาดเดาผลคดีในชั้นฎีกา..
เห็นว่า.. การวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์..
รวมทั้ง การให้ความเห็นเกี่ยวกับการรับฟังพยานหลักฐานของศาล และของตำรวจว่าน่าเชื่อ ไม่น่าเชื่ออย่างไรนั้น.. โดยมารยาทแล้ว ยังไม่ควร..
ผู้เขียนขอยกไว้ก่อนนะครับ..
เพราะเราไม่ควรวิจารณ์จนกว่า จะเห็นคำให้การและพยานหลักฐานในคดี..
ถ้าจะวิจารณ์เชิงวิชาการ ก็ควรทำต่อคำพิพากษาศาลสุดท้าย หรือเมื่อคดีจะถึงที่สุดแล้วเท่านั้น..
ที่โพสต์มา เพียงต้องการสะท้อนมุมมองของระบบอิสระของศาล.. ระบบการตรวจทานคุณภาพงานภายในองค์กรศาล.. และความรู้ในข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง..
เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่นักศึกษากฎหมายและประชาชนทั่วไป..
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย