29 ส.ค. เวลา 16:10 • ข่าวรอบโลก

ประธานาธิบดีโปแลนด์คนใหม่ ความสัมพันธ์กับยูเครนที่เปลี่ยนแบบ “หน้ามือเป็นหลังมือ”

หลังจาก “คาโรล นาวรอตกี” ประธานาธิบดีโปแลนด์คนใหม่เข้ารับตำแหน่งเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างโปแลนด์กับยูเครนก็แย่ลงอย่างมาก เมื่อนาวรอตสกีเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้งเข้ามา เขาพยายามขัดขวางนโยบายของรัฐบาลของนายกโดนัลด์ ทัสก์ ซึ่งยังคงรักษาแนวทางความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนกับยูเครนเอาไว้
เขาได้ใช้อำนาจ “วีโต” กฎหมายว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยยูเครน เสนอให้เปรียบเทียบ “บันเดรา” (ผู้นำชาตินิยมยูเครนในอดีต) กับลัทธิกลุ่มนาซี และเรียกร้องให้ยอมรับความรับผิดชอบต่อการสังหารหมู่ที่โวลิน แม้แต่ฝ่ายค้านในรัฐบาล โดนัลด์ ทัสก์ (นายกโปแลนด์) ก็ยังเห็นด้วยกับเขาบางส่วน
1
คาโรล นาวรอตกี ประธานาธิบดีโปแลนด์คนใหม่กับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง เครดิตภาพ: AP
นาวรอตกีได้ใช้อำนาจวีโต “ร่างกฎหมายที่จะขยายการสนับสนุนผู้ลี้ภัยชาวยูเครน” นักการเมืองสายอนุรักษนิยมผู้นี้โต้แย้งว่าหลังจากสงครามยูเครนดำเนินการมากว่าสามปีครึ่ง ถึงเวลาแล้วที่จะต้องลดการเข้าถึงสวัสดิการสังคมของกลุ่มผู้ลี้ภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินช่วยเหลือบุตรและการรักษาพยาบาลฟรี
ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าชาวโปแลนด์หลายคนเห็นด้วย บางคนมองว่าชาวยูเครนเป็นพวกเกาะกิน แม้ว่าข้อมูลทางเศรษฐกิจจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่นก็ตาม การตัดสินใจของนาวรอตกีอาจผลักดันให้ผู้ลี้ภัยชาวยูเครนเกือบล้านคนในโปแลนด์ข้ามเส้นแบ่งสู่โซนสีเทาทางกฎหมายได้
  • จากการต้อนรับอย่างอบอุ่นสู่ความไม่พอใจที่เพิ่มมากขึ้น
ชาวยูเครนเป็นกลุ่มชาวต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดในสังคมโปแลนด์ คิดเป็น 78% ของพลเมืองต่างชาติทั้งหมดในประเทศ ชาวยูเครนประมาณ 1.55 ล้านคนถือใบอนุญาตพำนักชั่วคราวหรือถาวรในโปแลนด์ ในจำนวนนี้ 993,000 คนได้รับสถานะทางกฎหมายภายใต้โครงการคุ้มครองผู้ลี้ภัยที่เริ่มต้นหลังจากรัสเซียเปิดสงครามเต็มรูปแบบในยูเครน อีกประเทศเดียวที่มีชาวยูเครนซึ่งมีสถานะเทียบเท่ากันคือเยอรมนี ซึ่งมี 1.2 ล้านคน โดยรวมแล้วผู้ลี้ภัยชาวยูเครนในยุโรป 23% ได้ตั้งถิ่นฐานในโปแลนด์
2
ในช่วงแรกประชากร 37 ล้านคนของโปแลนด์ยอมรับผู้ที่หลบหนีการรุกรานยูเครนของรัสเซีย อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป ความปรารถนาดีดังกล่าวก็ค่อยๆ เสื่อมถอยลง ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ
นักการเมืองจากทุกสารทิศต่างจับจ้องประเด็นนี้ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีโปแลนด์เมื่อต้นปีนี้ ตัวเต็งหลักทั้งสองคน (นายกเทศมนตรีกรุงวอร์ซอสายเสรีนิยม กับ ประธานาธิบดีปัจจุบันที่รับเลือกเข้ามาสายอนุรักษนิยม) ได้เสนอให้ยกเลิกสิทธิประโยชน์สำหรับชาวยูเครน
ผู้ลี้ภัย 1.55 ล้านคนจากยูเครน ซึ่งสังคมโปแลนด์ยอมรับอย่างยินดีเมื่อสามปีก่อน ได้กลายเป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง แม้แต่ราฟาล ตรซาสคอฟสกี ผู้สมัครจากสายเสรีนิยม หวังว่าจะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากผู้ลงคะแนน ยังได้พูดถึงความเป็นไปไม่ได้ในการปฏิบัติต่อชาวยูเครนให้เท่าเทียมกับพลเมืองของโปแลนด์เอง ในเรื่องสิทธิต่างๆ และเสนอให้เพิกถอนเงินช่วยเหลือบุตรจากผู้ปกครองชาวยูเครนที่ว่างงาน
ในที่สุด “นาวรอตกี” ก็ชนะการเลือกตั้ง โดยหาเสียงภายใต้สโลแกน “Poland first, Poles first” เขาผลักดันให้กระชับความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกา (รัฐบาลทรัมป์) มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธข้อเสนอของยูเครนที่จะเข้าร่วมนาโต ชัยชนะของเขาเป็นสัญญาณของการท้าทายรัฐบาลซ้ายกลางของนายก “โดนัลด์ ทัสก์” ซึ่งสนับสนุนการบูรณาการอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับสหภาพยุโรปและให้ความช่วยเหลือยูเครนอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่านาวรอตกีจะไม่ได้ปฏิเสธความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะส่งกองกำลังโปแลนด์ไปยังยูเครน นอกจากนี้เขายังบอกผู้ลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับทัศนคติที่ย่ำแย่ของ “เซเลนสกี” ผู้นำยูเครนที่มีต่อโปแลนด์อีกด้วย
นาวรอตกี ชูนโยบายหาเสียงว่า Poland First เครดิตภาพ: Notes From Poland
  • ตำแหน่งประธานาธิบดีหรือประมุขแห่งรัฐของโปแลนด์ถือว่ามีอำนาจจำกัด ไม่ได้ลงมาบริหารรัฐบาลหรือแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี แต่มีอำนาจวีโต (คัดค้าน) เหนือร่างกฎหมายที่ผ่านโดยรัฐสภาแล้ว
เมื่อ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีนาวรอตกีได้ใช้อำนาจวีโตร่างกฎหมายที่รัฐสภาผ่าน ซึ่งจะขยายการสนับสนุนชาวยูเครน กฎหมายดังกล่าวขยายสิทธิในการได้รับความคุ้มครองชั่วคราว สวัสดิการเด็ก และการรักษาพยาบาลฟรีไปจนถึงวันที่ 4 มีนาคม 2026 หากไม่มีสิทธิดังกล่าว สวัสดิการเหล่านี้จะหมดอายุในวันที่ 30 กันยายนที่จะถึงนี้
นาวรอตกีอธิบายถึงการตัดสินใจของเขา โดยชี้ไปที่โครงการสวัสดิการเด็ก ภายใต้โครงการ Family 800+ ของโปแลนด์ ครอบครัวจะได้รับเงิน 800 ซวอตี (ประมาณ 217 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อเดือนสำหรับบุตรแต่ละคน ซึ่งเป็นเงินที่ผู้ลี้ภัยชาวยูเครนก็มีสิทธิ์ได้รับเช่นกัน แต่ผลสำรวจในปี 2025 แสดงให้เห็นว่าชาวโปแลนด์ 54% เชื่อว่าโครงการนี้ควรสงวนไว้สำหรับครอบครัวชาวยูเครนที่พ่อแม่ทำงานและจ่ายภาษีเข้ารัฐให้โปแลนด์เท่านั้น ไม่ใช่ผู้ลี้ภัยที่รอรับเงินช่วยเหลืออย่างเดียว
เรายังคงเป็นประเทศที่เปิดกว้างสำหรับการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยจากยูเครน… แต่กฎหมายที่ประกาศใช้เมื่อสามปีครึ่งที่แล้วต้องเปลี่ยนแปลง แวดวงการเมืองหลักๆ ในโปแลนด์ต่างออกมาประกาศว่าเงินช่วยเหลือกว่า 800 ซวอตี ควรจ่ายให้เฉพาะพลเมืองยูเครนที่ตกลงจะทำงาน [ในโปแลนด์] เท่านั้น แต่ร่างกฎหมายที่ผมได้รับกลับไม่มีการแก้ไขใดๆ เลย
นาวรอตกีกล่าวเพื่อปกป้องอำนาจวีโตของเขา
หลังจากใช้สิทธิวีโตร่างกฎหมายของรัฐบาลในการสนับสนุนผู้ลี้ภัยชาวยูเครน ประธานาธิบดีโปแลนด์ได้เสนอแนวคิดของตนเอง โดยเสนอให้เพิ่มระยะเวลาพำนักอาศัยในโปแลนด์เป็นสามเท่า เพิ่มโทษสำหรับการข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมาย
  • นาวรอตสกีรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับยูเครน?
นาวรอตสกีในฐานะที่เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ เขาได้เตือนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงถึง “เหตุการณ์สังหารหมู่ที่โวลิน” (สมัย WWII) และการปฏิเสธไม่ยอมรับของยูเครน ในวันสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี เขาได้วางดอกไม้ที่อนุสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงเหยื่อโศกนาฏกรรมในหมู่บ้านโดโมสตาวา ชายแดนยูเครน อนุสาวรีย์นี้เป็นรูปศพของทารกที่ถูกเสียบด้วยตรีศูล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตราแผ่นดินของยูเครน
เกมการเมืองเชิงประวัติศาสตร์ที่นาวรอตสกีเริ่มเล่นเป็นอันดับแรกหลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อ 6 สิงหาคม 2025 เขาเชื่อมโยงการที่ยูเครนอาจเข้าร่วมสหภาพยุโรปกับการยอมรับความรับผิดชอบต่อการสังหารหมู่ที่โวลินโดยตรง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางการเคียฟปฏิเสธเหตุการณ์ในครั้งนั้น
อนุสาวรีย์เหตุการณ์สังหารหมู่ที่โวลิน เครดิตภาพ: Patryk Ogorzałek / Agencja Wyborcza.pl
และเขายังสั่งห้ามใช้ “สัญลักษณ์บันเดอไรต์” (เกี่ยวข้องกับอดีตแกนนำชาตินิยมยูเครน) ในโปแลนด์ ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องหมายของนาซีและคอมมิวนิสต์ ซึ่งทางการยูเครนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเคียฟมองว่าบันเดอราเป็นวีรบุรุษในประวัติศาสตร์ของยูเครน
1
  • ทิศทางแนวโน้มของความสัมพันธ์ระหว่าง โปแลนด์-ยูเครน
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ประเด็นเรื่อง “การไหลบ่าธัญพืชจากยูเครนเข้ามาในโปแลนด์” ซึ่งเกษตรกรท้องถิ่นคัดค้านการนำเข้ามาสองปี เพราะมันเข้ามาทำลายโครงสร้างราคาสินค้าภาคการเกษตรในโปแลนด์ ได้กลับมาเป็นประเด็นร้อนในโปแลนด์อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามไม่ใช่นาวรอตกี แต่เป็นทัสก์ต่างหากที่จำฝังใจถึงปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข นายกโปแลนด์กล่าวว่าการนำเข้าธัญพืชราคาถูกในปริมาณไม่จำกัดโดยไม่ได้รับการแก้ไขนั้นเป็นอันตรายต่อภาคเกษตรกรรมของโปแลนด์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีมาตรการต่างๆ เพื่อจัดการกับปัญหานี้
ร่างกฎหมายที่ประธานาธิบดีนาวรอตกีใช้สิทธิวีโตและปฏิเสธที่จะลงนาม ไม่เพียงแต่ครอบคลุมสถานะทางกฎหมายของผู้ลี้ภัยชาวยูเครนในโปแลนด์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความช่วยเหลือรูปแบบอื่นๆ แก่ยูเครนด้วย ซึ่งรวมถึงเงินทุนสำหรับระบบอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ของ อีลอน มัสก์
“คริสตอฟ กาวาวสกี” รัฐมนตรีกระทรวงกิจการดิจิทัลของโปแลนด์ กล่าวว่าการวีโตของประธานาธิบดี “หมายถึงการสิ้นสุดบริการอินเทอร์เน็ต Starlink ที่โปแลนด์ให้บริการแก่ยูเครน” เขากล่าวเสริมว่า “นึกไม่ออกเลยว่าจะมีของขวัญใดที่ดีไปกว่านี้สำหรับกองทัพของปูติน”
แต่ในขณะที่ “ซบิกเนียว โบกุคกี” หัวหน้าทำเนียบประธานาธิบดีโปแลนด์ยืนยันว่า นาวรอตกีไม่ได้คิดอยากขัดขวางการดำเนินงานของ Starlink ในยูเครน
เครดิตภาพ: Getty Images
ลีออน พินซ์ซัก นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงและกิจการยุโรปตะวันออกจากสถาบันวิจัยโพลิตีกา อินไซต์ ในกรุงวอร์ซอ บอกกับสำนักข่าวบีบีซีประจำยูเครนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างยูเครนและโปแลนด์อาจเย็นชาลงภายใต้การปกครองของนาวรอตกี ในฐานะนักประวัติศาสตร์มืออาชีพของประธานาธิบดีโปแลนด์ นาวรอตกีมีแนวโน้มที่จะหยิบยกประเด็นทางประวัติศาสตร์ขึ้นมาพูดถึงบ่อยขึ้น ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ยูเครนมองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายใน
เรียบเรียงโดย Right Style
29th Aug 2025
  • อ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: Artur Widak / NurPhoto / Getty Images>
โฆษณา