Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
DR. PIPAT
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
16 ก.ย. เวลา 02:53 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เป็นไปได้ไหมที่การส่งออก “ทองคำ” เป็นแค่อาการ แต่ไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็ง?
ออกตัวว่านี่เป็นข้อสังเกต ยังไม่มีข้อมูลยืนยันตรง ๆ แต่ชวนให้คิดกันครับ เผื่อว่าจะมีคนช่วยไปสืบเพิ่มเติมครับ
ช่วงที่ผ่านมา คนจำนวนไม่น้อยสงสัยว่า เงินบาทแข็งเพราะการส่งออกทอง โดยเฉพาะการส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน จนจะตามไปเก็บภาษีทองคำ
แต่ถ้าเราดูตัวเลขจริง ๆ จะเห็นว่า ประเทศไทยเป็นผู้นำเข้าทองสุทธิ คือเรานำเข้าทองมากกว่าที่เราส่งออกเสียอีก ตัวอย่างเช่น การส่งออกทองไปบางประเทศอาจมีมูลค่าไตรมาสละประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเมื่อเทียบกับการนำเข้าทองที่มีมูลค่าสูงกว่าอย่างมากแล้ว แทบจะไม่มีโอกาสทำให้เงินบาทแข็งได้มากขนาดนี้
🟡 สมมติฐาน: “ทอง” เป็นอาการปลายทาง
สมมุตินะครับสมมุติว่ามีธุกรรมแบบนี้เกิดขึ้น ลองคิดดูว่าเป็นไปได้ไหม
1. มี เงินไหลเข้ามาไทยจากต่างประเทศ ผ่านช่องทางที่ตรวจสอบยาก เช่น ตลาดคริปโต เข้ามาในบัญชีของ residence
2. เงินนี้ถูกแปลงเป็น เงินบาท → เพิ่ม demand ต่อบาท ทำบาทแข็ง แต่ธุรกรรมนี้อาจจะไม่ได้ถูกบันทึกใน BoP เพราะดูไม่ออกว่าเป็น cross border transaction
3. มีการใช้เงินบาทไปซื้อ ทองคำ
4. ทองถูกส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน → เราจึงเห็นการส่งออกทองพุ่ง
สิ่งที่เห็นในสถิติ = การส่งออกทอง
แต่แรงกดดันบาทแข็งเกิดขึ้นตั้งแต่ ขั้นแรก แล้ว
🔍 ทำไมเรื่องนี้น่าสงสัย
• ประเทศเพื่อนบ้านของเรา (และอาจจะเราด้วย) ได้กลายเป็น hub ธุรกิจสีเทา
• แม้แต่สหรัฐยังรายงานว่าในปีเดียว (2024) มีประชาชนถูกหลอกลวงผ่าน scams มากกว่าหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (เฉพาะในสหรัฐประเทศเดียว) โดยมิจฉาชีพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่รู้ประเทศอื่นจะโดนอีกเท่าไร
https://th.usembassy.gov/imposing-sanctions-on-online-scam-centers-in-southeast-asia/
• และที่น่าสังเกตคือใน Balance of Payments (BOP) ของไทย มีรายการ Errors & Omissions หรือธุรกรรมที่ “ไม่สามารถอธิบายได้” ที่ขยายตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ — นี่อาจเป็นสัญญาณว่ามีเงินเข้า–ออกจำนวนมากที่เรายังไม่แน่ใจว่าคืออะไร
ถ้าไม่เข้าใจ เราอาจจะไม่รู้ว่าเราควรทำอะไรกับมันหรือไม่
• ยิ่งไปกว่านั้น ธุรกรรมที่ผ่านตลาดอย่างคริปโตอาจไม่ได้ถูกบันทึกใน BOP เลยด้วยซ้ำ
📌 ปัญหาสำคัญ: กลไกการกำกับที่ไม่เท่าเทียมกัน
• ภาคธนาคารมีกฎ KYC, AML, Travel Rule ชัดเจน → เงินเข้า–ออกต้องรายงาน มี residency code
• แต่ในตลาดคริปโต ยังไม่มีเครื่องมือเทียบเท่า หลายครั้งการซื้อขายใน exchange ไทยถูก “netting” ทำให้ไม่รู้ว่าเงินมาจากคนไทยหรือชาวต่างชาติ
• นี่คือ ช่องโหว่ ที่ทำให้เงินบาทแข็งจาก inflows ที่ตรวจสอบไม่ได้ และอาจถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน
🚨 ความเสี่ยงหากแก้ปลายเหตุ
ถ้าเราโฟกัสแต่ “การส่งออกทอง” โดยไม่แก้ที่ต้นตอ อาจซ้ำรอยเดิม:
• ธุรกิจสุจริต ต้องรับภาระ ถูกตรวจสอบหนัก ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวกับฟอกเงิน
• ต้นเหตุจริง (crypto/illicit inflows) กลับไม่ถูกแตะ ปัญหายิ่งย้ายไปช่องทางอื่น
• ผลลัพธ์คือ รักษาอาการ แต่ไม่รักษาแผล
✅ สิ่งที่นโยบายควรทำ
1. ปิดช่องฟอกเงินที่ต้นทาง — ทำให้ crypto exchanges ในไทยมีกฎ AML/CFT เทียบเท่าธนาคาร
2. เชื่อมข้อมูล Exchange – Banking – Customs – ปปง. – BoT เพื่อเห็นทั้งเส้นทางเงิน
3. ลงทุนใน blockchain analytics เพื่อตามรอย inflows ที่ไม่ถูกจับในสถิติ BOP
4. ปรับสู่มาตรฐานสากล — ให้ระบบกำกับ AML/CFT ของเรามีระดับเดียวกับประเทศชั้นนำ ไม่อย่างนั้น ไทยอาจถูกมองเป็น ช่องโหว่ระดับภูมิภาค สำหรับการฟอกเงิน
5. ทำมาตรฐานการตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินในธุรกรรมการส่งออกทองคำและการทำ export due diligence และเน้นเรื่อง “source of funds transparency
💡 คำถามที่สำคัญจึงไม่ใช่เพียงว่า
“ทำไมส่งออกทองเยอะ?”
แต่คือ…
“ทองคือปลายทางของเงินจากไหน?”
“เงินบาทแข็งเพราะทองจริง ๆ หรือเพราะกระแสเงินที่เรายังไม่สามารถจับได้?”
เผื่อจะได้ช่วยกันทำความเข้าใจและตรวจสอบ เผื่อไม่ใช่จะได้รู้ว่าไม่ใช่ครับ
1 บันทึก
3
1
1
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย