4 ต.ค. เวลา 05:45 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

ผกก. สก็อตต์ เดอริคสัน เผย “Black Phone 2” จะเป็นภาคต่อที่เติบโต แตกต่าง และรุนแรงกว่าภาคแรก

คำเตือน : มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของ “The Black Phone”
เป็นขนบปกติที่หนังสยองขวัญสักเรื่องที่ประสบความสำเร็จ จะถูกสำรวจความเป็นไปได้และนำมาซึ่งภาคต่อตามมา แต่ ณ ตอนที่ประกาศสร้างภาคต่อ “Black Phone 2” คำถามที่น่าสงสัยก็คือ เจ้านักฉุดที่น่าจะพบชะตากรรมของตัวเองในภาคก่อนจะกลับมาได้อย่างไร จนกระทั่งตัวอย่างแรกภาคต่อเผยโฉมว่า เจ้าฆาตกรตนนี้กลายเป็นวิญญาณพยาบาทที่ตามหลอกหลอนในสายโทรศัพท์ และมาพร้อมเนื้อหาที่อาจโหดหาญขึ้นหลายเท่า
โดยผู้กำกับฯ สก็อตต์ เดอริคสัน ได้เคยให้สัมภาษณ์กับทาง The Hollywood Reporter เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อพูดถึงตัวหนังภาคต่ออย่าง “Black Phone 2” ว่ามันถูกสร้าง เพราะได้เนื้อหาเสริมที่ โจ ฮิลล์ เจ้าของต้นฉบับเรื่องสั้นได้วางเอาไว้ และมันมีศักยภาพพอจะกลับมาสานต่อ ซึ่งมันเปิดโอกาสให้ตัวหนังภาคนี้ มีความซับซ้อนและแตกต่างจากภาคแรกกว่ามาก
“‘Black Phone 2’ เป็นหนังที่มีบทหนังซับซ้อนกว่ามาก เพราะขณะที่ ‘The Black Phone’ จะมีความเรียบง่ายมากกว่า และถึงแม้ความสามัญมันจะไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไปก็ตาม แต่ ‘Black Phone 2’ ไม่ใช่อะไรแบบนั้น“
“ภาคนี้ มันมาพร้อมโลกและไอเดียซับซ้อนมากกว่าเดิม และเป็นความน่าตื่นเต้นที่ไม่เดินซ้ำรอยหนังภาคแรก เพราะหนังสยองขวัญภาคต่อที่แย่สุด คือการที่คุณพยายามย้ำตามรอยเดิมอีกครั้ง แต่แค่เพิ่มของเก่าเข้าไปหน่อย ซึ่งจริง ๆ มันก็เป็นสูตรซ้ำซากของภาคต่อในหนังทุกแนว และผมก็รู้ว่า ผมไม่อยากได้แบบนั้นเลย”
”ซึ่งภาคต่อที่ดี ก็มักเป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจให้กับคุณ เป็นเรื่องที่พวกเขากล้าเสี่ยงจะย่างเท้าสู่พรมแดนที่ต่างออกไป และมอบประสบการณ์ที่สดใหม่ให้กับคนดู ถึงแม้ว่าคุณจะต้องจัดการกับเหล่าตัวละคร ที่คุณใส่ใจจากตัวหนังภาคแรกก็ตามที” เดอริคสัน กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อถูกถามถึงข้อแตกต่างของภาคต่อ “Black Phone 2” เพิ่มเติม เดอร์ริคสัน ก็ชี้ว่า หลัก ๆ มันคือ ช่วงอายุของตัวละครแบบ ฟินนีย์ (รับบทโดย เมสัน เทมส์) ที่เติบโตมาสู่ช่วงวัยรุ่นม.ปลายเต็มตัว ซึ่งเขาก็รู้สึกว่า มันเป็นจุดเปลี่ยนใหญ่ที่มนุษย์ทุกคนล้วนได้ประสบพบเจอ และจากการเพิ่มพูนของช่วงอายุตัวละครนี้เอง มันก็เปิดทาง ให้ตัวหนังได้สำรวจไปสู่แนวทางที่แตกต่าง รวมถึงความโหดเหี้ยมของหนังที่จะรุนแรงและน่ากลัวกว่าภาคแรกอยู่มาก
“จุดแตกต่างหลัก ๆ ก็คือ มันเป็นหนังก้าวข้ามพันวัยในช่วงม.ปลาย แบบเดียวกับที่หนังภาคแรก เป็นหนังก้าวข้ามพ้นวัยในช่วงม.ต้น แต่ทั้งสองแนวนี้ เป็นประเภทหนังที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งในช่วงม.ปลายมันเรียกร้องบริบทมากกว่า คือมันต้องถึงเครื่องกว่า คือผมคิดว่า มันต้องทั้งรุนแรงและน่ากลัวกว่ามาก”
“ผมคิดว่า จุดพลิกผันสำคัญของมนุษย์คนเรา เกิดขึ้นในช่วงระหว่างม.ต้นและม.ปลาย นั่นเป็นจุดเปลี่ยนใหญ่สุดที่คุณต้องเผชิญในชีวิต ดังนั้น การได้หวนกลับไปเยี่ยมเยือนตัวละคร ที่เราได้พัฒนาร่วมกันในฐานะผู้คน ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาระหว่างหนังสองภาค เป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับผมเลย หรือแม้กระทั่งความรัก ก็มีที่ทางของมันเอง แบบใน ‘Black Phone 2’ ที่ผมถ่ายเสร็จไปก็ตาม มันก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะว่า สองความรู้สึกที่ทรงพลังมากสุดที่เรามีในชีวิต คือความรักและความกลัว” เดอร์ริคสัน กล่าวเสริม
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ถือเป็นที่ขยันขันแข็งของเดอร์ริคสัน ที่ก่อนภาคต่ออย่าง “Black Phone 2” เจ้าตัวก็เพิ่งมีผลงานแอ็คชั่นสยองขวัญโรแมนติกแบบ “The Gorge” ไปหมาด ๆ เมื่อต้นปี เดอร์ริคสัน จึงอธิบายเพิ่มเติมต่อคำถาม ที่ตัดสินใจกลับมากุมบังเหียนภาคต่อ “Black Phone 2” แทบจะทันที และมีผลงานมากถึง 3 เรื่องจากช่วงระยะเวลา 4 ปี ทั้งที่จาก “Doctor Strange” และ “The Black Phone” เดอร์ริคสัน ทิ้งช่วงยาวไปถึง 5 ปีเลยทีเดียว
โดย เดอร์ริคสัน ก็กล่าวว่า สาเหตุสำคัญไม่ใช่ความขยัน หรือชดเชยเวลาที่เสียไปจากผลงานก่อนหน้า แต่เหตุผลหลัก ๆ ในการเปิดกล้อง “Black Phone 2” ต่อจาก “The Gorge” เป็นเงื่อนไขด้านอายุของนักแสดงเด็กที่โตขึ้น และเหมาะกับเนื้อหาของหนังที่เติบโตขึ้น รวมถึงคิวของนักแสดงหลัก ๆ อย่าง อีธาน ฮอว์ค ก็สอดคล้องกันพอดี
“เป็นคำถามที่ดี เพราะขณะที่คุณกำลังสงสัยในเรื่องนั้น แต่คำตอบคือไม่เลย ใจจริง สิ่งที่ผลักดันผม มันคือการตัดสินใจสร้างภาคต่อของ ‘The Black Phone’ คือผมไม่รู้สึกถึงความจำเป็น ต้องกลับมากำกับภาคต่อเลยด้วยซ้ำ แต่มือเขียนบท โจ ฮิลล์ มาพร้อมไอเดียที่ผมชอบ และมันก็กลายเป็นสารตั้งต้นจากบทที่พวกเราเขียน”
“จากนั้น ผมก็ตระหนักได้ว่า ถ้าผมได้ทำหนังฟอร์มยักษ์แบบ ‘The Gorge’ ก่อน นักแสดงเด็กจาก ‘Black Phone’ แบบ เมสัน เทมส์ และ เมเดลลีน แม็คกรอว์ จะขึ้นระดับชั้นมัธยมปลาย ในตอนที่ผมได้ปิดกล้องเรื่องนั้น ดังนั้น ผมจึงจะได้ช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ในระดับชั้นมัธยมปลาย ที่ผมสามารถสร้างหนังก้าวข้ามพ้นวัยในช่วงมัธยมฯ แบบเดียวกับที่ภาคแรกเป็นเรื่องก้าวข้ามพ้นวัยในช่วงมัธยมต้น“
“ดังนั้น ตอนที่ผมเริ่มวางแผน ผมเจอว่าคิวของทุกคน รวมถึงอีธาน ฮอว์ค ต่างสะดวก และต้องการให้ผมทำตามกำหนดที่ผมวางไว้ ซึ่งหลังผมปิดกล้องเรื่องนั้น และการเปิดกล้องต่อทันที ก็ขึ้นอยู่กับช่วงอายุของเด็กมากกว่าใด ๆ ทั้งสิ้น มันไม่ใช่การลุ่มหลงไม่ยอมพักผ่อน หรือชดเชยเวลาที่เสียไป ผมไม่ติดในการพักผ่อนหลังเสร็จจากหนังเรื่องนึง สิ่งที่สำคัญของหนังแต่ละเรื่องที่ผมทำคือ มันเป็นหนังที่ผมต้องการจะทำมากสุดในตอนนั้น นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าปริมาณที่ได้ทำเสียอีก” เดอร์ริคสัน กล่าวทิ้งท้าย
“Black Phone 2” กำกับโดย สก็อตต์ เดอริคสัน (“Sinister” และ “Doctor Strange”) จากภาคแรก จากบทที่เขียนร่วมกันกับ ซี. โรเบิร์ต คาร์กิล นำแสดงโดย อีธาน ฮอว์ค, เมสัน เทมส์, เมเดลลีน แม็คกรอว์, เจเรมี เดวีส์, มิเกล คาซาเรซ มอรา, เดเมียน บิชีร์, อาเรียนน่า ริวาส และ แอนนา ลอร์
“Black Phone 2” วางกำหนดฉาย 16 ตุลาคม 2025
โฆษณา