6 ต.ค. เวลา 01:55 • การเมือง

ปูติน-เซเลนสกี-ทรัมป์ คิดอะไรอยู่ในตอนนี้ กับ “สงครามยูเครนที่ไม่รู้วันสิ้นสุด”

“ซีมัวร์ เฮิร์ช” นักข่าวอเมริกันรุ่นเก๋าเจ้าของรางวัลพูลิตเซอร์ ผู้เปิดโปงเหตุการณ์สำคัญต่างๆในอดีตและอัพเดทในปัจจุบัน โด่งดังจากการเปิดโปงเรื่อง “การก่อวินาศกรรมท่อก๊าซนอร์ดสตรีมของอเมริกา” ได้ลงบทความล่าสุดของเขาบน Substack เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2025 ชื่อว่า “NO END IN SIGHT FOR UKRAINE”
บทความนี้เนื้อหาแบบเต็มได้ถูกล็อคไว้เฉพาะผู้ที่ใช้งานแบบจ่ายเงินบนแพลตฟอร์ม Substack อย่างไรก็ตามทางเพจได้อ่านและสรุปประเด็นสำคัญจากทั้งบทความของเฮิร์ชฉบับดังกล่าวไว้ดังนี้
  • สงครามยังมองไม่เห็นจุดจบ
เจ้าหน้าที่อเมริกันรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับทั้งทำเนียบขาวของทรัมป์และผู้เชี่ยวชาญรัสเซียที่สั่งสมประสบการณ์มายาวนาน เชื่อว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะยืดเยื้ออย่างไม่มีกำหนด
1
สิ่งที่เริ่มต้นจากการบุกเข้ายูเครนของรัสเซียเมื่อกุมภาพันธ์ 2022 ได้กลายเป็นสงครามที่ยืดเยื้อยาวนาน ทั้งสองฝ่ายไม่มีศักยภาพที่จะเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างเด็ดขาด
  • จุดยืนของปูติน: ทรงพลังแต่เปราะบาง
ปูตินล้มเหลวในเป้าหมายแรกของเขาในการเข้ายึดกรุงเคียฟอย่างรวดเร็ว พลร่มและหน่วยยานเกราะชั้นยอดของรัสเซียถูกขับไล่ตั้งแต่เนิ่นๆ ส่งผลให้เกิดความสูญเสียอย่างหนักและเกิดการล่าถอย ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลไบเดนได้เฉลิมฉลองต่อสาธารณชนในตอนนั้น
2
แม้จะพ่ายแพ้ในสนามรบหลายครั้ง แต่รัสเซียยังคงยึดครองดินแดนยูเครนเป็นบริเวณกว้าง และมีข้อได้เปรียบด้านกำลังพลและทรัพยากรเหนือยูเครน
แต่จุดอ่อนระยะยาวของปูตินกำลังเริ่มปริเป็นแผลให้เห็นเด่นชัดขึ้น ยังไงบ้าง?
  • เขากำลังเผชิญกับความตึงเครียดทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ รัสเซียกำลังกู้ยืมเงินจำนวนมาก ขายน้ำมันในราคาส่วนลดอย่างมาก และพึ่งพาการส่งออกไปยังอินเดียและประเทศอื่นๆ มากขึ้น
1
  • ความตึงเครียดระหว่างกลุ่มผู้มีอำนาจในรัสเซียกำลังเพิ่มขึ้นเนื่องจากต้นทุนในการต้องพยุงสงครามต่อไปของปูติน
  • ปัจจุบันเศรษฐกิจรัสเซียประมาณ 30% ต้องพึ่งพาการส่งออกน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ
ปูตินมีแรงผลักดันส่วนหนึ่งจากความปรารถนาที่จะได้รับการจดจำเยี่ยงกับผู้นำรัสเซียที่ยิ่งใหญ่ เช่น พระเจ้าปีเตอร์มหาราช แม้ว่าทรัพยากรของเขาจะมีจำกัด และเป้าหมายของเขาเริ่มคลุมเครือมากขึ้นเรื่อยๆ
เครดิตภาพ: Macdonald Laurier
  • ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐฯ และทรัมป์
ความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับปูตินเริ่มแลดูไม่สอดคล้องกัน โดยบางครั้งก็พิจารณาการเจรจาสันติภาพ บางครั้งก็สนับสนุนมาตรการทางทหารที่เข้มงวดยิ่งขึ้นต่อรัสเซีย
การหารือในช่วงแรกพิจารณาถึงการประนีประนอมที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ รัสเซียยังคงรักษาดินแดนที่ยึดครองไว้บางส่วน ขณะที่สหรัฐฯ สามารถเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ ได้ เช่น แรร์เอิร์ท การสร้างรีสอร์ทในไครเมีย โดยตอนนี้ทางเลือกเหล่านี้ถูกลบทิ้งออกจากหัวทรัมป์ไปแล้ว
รัฐบาลทรัมป์เพิ่งเสนอส่ง “ขีปนาวุธโทมาฮอว์ก” ให้กับยูเครน (แม้ว่าปัจจุบันยูเครนจะยังขาดขีดความสามารถทางเรือหรือเรือดำน้ำในการใช้ยิงขีปนาวุธดังกล่าว) แนวคิดนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อกดดันพันธมิตรยุโรปให้มีส่วนร่วมและลงทุนด้านกลาโหมมากขึ้น โดย “คีธ เคลล็อกก์” ทูตพิเศษของทรัมป์ได้เสนอแนะอย่างเปิดเผยว่าควรโจมตีรัสเซียด้วยโทมาฮอว์กอย่างหนักหน่วง
  • การเปลี่ยนแปลงนโยบาย: จุดยืนที่แข็งกร้าวของสหรัฐ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ โต้แย้งว่ารัสเซียไม่สามารถยกดินแดนยูเครนที่ยึดไว้แล้วให้ใครได้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการเจรจาครั้งก่อนๆ
กลยุทธ์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันคือการปล่อยให้ปูติน “จมปลัก” กับผลที่ตามมาจากการตัดสินใจของเขา โดยใช้แรงกดดันทางเศรษฐกิจอย่างไม่ลดละ ขณะเดียวกันก็รักษาระดับการต่อต้านของยูเครนต่อรัสเซียเอาไว้ จนกว่ารัสเซียจะอ่อนแอลงจากปัจจัยภายใน
ความเชื่อที่ว่าเศรษฐกิจของรัสเซียไม่สามารถรองรับสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้นได้ และในที่สุดปูตินจะต้องพ่ายแพ้ หรือไม่ก็สงครามจะจบลงแบบปริยายโดยไม่มีทางออกที่ชัดเจน
เครดิตภาพ: Mark Humphrey/AP
  • มุมมองผู้เชี่ยวชาญที่เสียงแตกกัน
แจ็ค แมทล็อก อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำรัสเซียเสนอว่า สันติภาพจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อยูเครนยอมสละไครเมีย (และอาจรวมถึงดอนบาส) อย่างเป็นทางการ โดยให้คำมั่นว่าจะวางตัวเป็นกลางและอยู่ห่างจากนาโต ซึ่งน่าจะทำให้ต้องเปลี่ยนตัวเซเลนสกีเป็นรัฐบาลยูเครนที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า เนื่องจากเขาจะไม่สามารถอยู่รอดทางการเมืองจากการยอมจำนนดังกล่าวได้
หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ บางส่วนเคยเสนอแนวคิดที่จะขับไล่เซเลนสกีออกไป โดยเลือกผู้นำทางทหารที่วอชิงตันมองว่าน่าเชื่อถือวางใจได้มากกว่า แม้ว่าจะยังไม่เกิดขึ้นจริงก็ตาม
  • ตำแหน่งและความเสี่ยงของเซเลนสกี
ถึงแม้ว่าเซเลนสกียังคงมีอำนาจอยู่ในยูเครน แต่ตัวเขาต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากหลายทาง:
  • ทางทหาร เนื่องจากยูเครนไม่สามารถผลักดันรัสเซียกลับได้อย่างเด็ดขาด
  • ทางการเมือง เนื่องจากบางคนในสหรัฐอเมริกาและยุโรปมองว่าเขาเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาสันติภาพ
เจ้าหน้าที่อเมริกันคาดการณ์ว่า หากเขาพยายามยกดินแดนให้รัสเซียหรือประนีประนอมกับนาโต เขาอาจเผชิญกับการตอบโต้อย่างรุนแรงจากภายในยูเครน (บทความยังกล่าวถึงความเสี่ยงที่จะถูกลอบสังหารโดยกลุ่มนีโอนาซีอีกด้วย)
เครดิตภาพ: Thomas Levinson/The Daily Beast/Getty Images
  • แนวโน้มที่จะเกิดขึ้น
สงครามได้พัฒนาไปสู่ภาวะชะงักงันอันยืดเยื้อโดยไม่มีจุดจบที่ชัดเจน
นโยบายของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์คือการสนับสนุนยูเครนทั้งทางทหารและเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็หวังพึ่งความอ่อนล้าทางเศรษฐกิจของรัสเซียเพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในในที่สุด
ในขณะนี้ความขัดแย้งยังคงเป็นการต่อสู้แบบปลายเปิด โดยไม่มีฝ่ายใดสามารถกำหนดเจตจำนงของตนเองได้ และสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าจะไม่ยอมให้ปูติน “ชนะ”
  • สรุปส่งท้าย
ดูเหมือนว่าบางคนยังคงเชื่อในเรื่องเล่าเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจ ทิศทางแรงกดดันกำลังพุ่งสูงขึ้นมากไปที่ปูติน แต่กลับไม่ใช่ที่ยูเครน
ดูเหมือนอยู่ในโลกคู่ขนานหรืออะไรทำนองนั้น ดูเหมือนจะอยู่ในความเป็นจริงที่แตกต่างออกไป การรุกคืบอันเลวร้ายทั้งหมดที่ยูเครนเปิดฉากขึ้น “บุกเข้าเคิร์สก์” ล้วนจบลงด้วยความพ่ายแพ้ ตอนนี้รัสเซียกำลังรุกคืบ แม้จะช้าแต่ก็เป็นระบบ ถ้าโปครอฟสค์ถูกตีแตก คิวถัดไปก็เป็นซีเวอร์สก์และครามาทอร์สค์...นั่นคือแนวป้องกันสุดท้ายในดอนบาส หลังจากนั้นก็กลายเป็นทุ่งโล่งสู่ดนิโปร
ยูเครนจะตรึงกำลังปกป้องได้อย่างไรในเมื่อแนวส่งกำลังบำรุงอยู่ไกลจากแนวหน้าขนาดนี้ เมืองต่างๆ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการขนส่ง นั่นคือสิ่งที่ทำให้แนวป้องกันในดอนบาสอยู่ได้ มีเมืองและเมืองใกล้เคียงมากมายที่สามารถสนับสนุนซึ่งกันและกัน และเป็นเส้นทางโลจิสติกส์ที่สำคัญ แต่ว่าหากเมืองเหล่านี้ในดอนบาสถูกตีแตกแล้ว ยูเครนแทบจะไม่มีอะไรเหลือเลยในการปกป้องตอนกลาง...
เรียบเรียงโดย Right Style
6th Oct 2025
  • อ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: (บน) Al Jazeera (ล่าง) Julia Wytrazek for The Week /Getty Images>
โฆษณา