Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealthy Thai
•
ติดตาม
14 ต.ค. เวลา 03:08 • หุ้น & เศรษฐกิจ
กลุ่มธุรกิจประกันกับโค้งสุดท้ายปี 68 ยังมีเสน่ห์อยู่ไหม ใครมาวินเหนือตลาด?
หากจะกล่าวถึงกลุ่มธุรกิจที่ไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองหรือแม้แต่ภาพรวมเศรษฐกิจจะเป็นไปในทิศทางไหนก็ยังคงหยัดยืนอยู่ได้ และบ่อยครั้งที่ภาพรวมในประเทศยิ่งเผชิญความผันผวนมากเท่าไหร่ กลับยิ่งทำให้ธุรกิจนี้เฟื่องฟูมากขึ้นเท่านั้น เพราะถูกผูกไว้กับความไม่แน่นอนที่ไม่ว่าใครก็ต้องการหลักประกันให้กับชีวิต
ดังนั้น กลุ่ม “ธุรกิจประกัน” จึงเป็นกลุ่มที่มีความมั่นคงสูง แม้จะไม่ได้หวือหวาเหมือนธุรกิจอื่น ๆ แต่ด้วยภาพรวมของประเทศไทยในปีนี้ที่ดูจะไม่สู้ดีนัก ทำให้เกิดคำถามว่าในปี 2568 ที่เดินทางมาจนถึงช่วงโค้งสุดท้ายแบบนี้ กลุ่มธุรกิจประกันยังน่าสนใจอยู่หรือไม่ และหุ้นตัวไหนที่ดูมีเสน่ห์ที่สุดในช่วงเวลานี้
โดยอ้างอิงบทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุ สมาคมประกันชีวิตไทย (TLAA) รายงานว่า เบี้ยประกันภัยปีเทียบเท่า (APE) รวมของประเทศไทยในเดือน ส.ค. อยู่ที่ 9.6 พันล้านบาท ลดลง 3% จากเดือนก่อน แต่ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 APE รวมอยู่ที่ 8.56 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI รายงานการเติบโตของ APE แข็งแกร่งที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามด้วย บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ KTAL เพิ่มขึ้น 12% และบริษัท เอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด (AIA) เพิ่มขึ้น 11% อย่างไรก็ดี บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ FWD รายงานยอดลดลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยลดลง 8% ตามด้วย บริษัท อลิอันซ์อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (AZAY) ที่ลดลง 2%
อย่างไรก็ดี เบี้ยประกันภัยปีแรก (FYP) ของประกันโรคร้ายแรง (CI) และสุขภาพในเดือน ส.ค.68 รวมอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท ลดลง 14% จากเดือนก่อน และ 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยทุกบริษัทประกันรายงานยอดลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 FYP ของ CI และสุขภาพรายงานการเติบโตแข็งแกร่งอยู่ที่ 1.73 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดย บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA รายงานการเติบโตในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 สูงสุด โดยเพิ่มขึ้น 100% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามด้วย KTAL เพิ่มขึ้น 70%, AZAY เพิ่มขึ้น 49% และ TLI เพิ่มขึ้น 37%
ทั้งนี้ APE ประกันชีวิตในปี 2568 อาจเติบโตช้ากว่าปี 2567 การชะลอตัวเห็นได้จากแนวโน้มรายเดือน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความต้องการซื้อกรมธรรม์กระจุกตัวอย่างมากในไตรมาส 1/68 ก่อนการบังคับใช้นโยบายร่วมจ่าย หลังจากไตรมาสแรก การเติบโตสะสมเชิงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ค่อย ๆ ลดลง ซึ่งสะท้อนถึงการชะลอตัวของการซื้อกรมธรรม์ใหม่
โดยหากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไปตลอดช่วงที่เหลือของปี 2568 คาดว่า APE ประกันชีวิตจะเติบโตช้าลงมาอยู่ที่ 3–5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อเทียบกับการเติบโต 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในปี 2567 แม้การเติบโตจะมีปัจจัยหนุนจาก FYP ที่สูงขึ้นในประกัน CI และสุขภาพ แต่สภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอยังคงกดดันยอดขายประกันภัยโดยรวม
อย่างไรก็ตาม ตรงกันข้ามกับแนวโน้มของตลาดโดยรวม TLI รายงานการเติบโตของ APE ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 ที่แข็งแกร่งถึง 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยไม่พบรูปแบบการเติบโตที่ชะลอตัวเหมือนกับบริษัทประกันแห่งอื่น ๆ ซึ่งสะท้อนถึงยอดขายประกันชีวิตที่แข็งแกร่ง หนุนจากช่องทางตัวแทนที่มีความแข็งแกร่งของ TLI ซึ่งน่าจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของกำไรปกติในปี 2568
หากเปรียบเทียบกัน APE ของ BLA แสดงให้เห็นการลดลงของการเติบโตสะสมเชิงเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่เร็วกว่ามาก โดยลดลงอย่างมากตั้งแต่ต้นปี 2568 และทรงตัวในระดับตัวเลขหลักหน่วยตอนต้นในช่วงเดือน ก.ค.–ส.ค. ของปี 2568
โดย บล.กสิกรไทย ลดมุมมองต่อกลุ่มเป็น “กลาง” จาก “บวก” กลุ่มประกันยังเป็นกลุ่มที่ปลอดภัยในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจผันผวน อย่างไรก็ดี คาดว่าสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงจะส่งผลให้เบี้ยประกันเติบโตช้าลงในปี 2568 และกลุ่มขาดปัจจัยหนุนในขณะนี้จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและโมเมนตัมการเติบโตของ APE ที่ช้าลง
อย่างไรก็ดี มองว่าผลการดำเนินงานของ TLI โดดเด่นที่สุด หนุนจาก APE ที่ขยายตัวขึ้นแข็งแกร่งต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนการเติบโตของกำไรปกติแม้ในช่วงที่ตลาดเติบโตช้าลง
นอกจากนี้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” TLI ด้วยราคาเป้าหมายที่ 13.80 บาท อิงด้วยวิธี Price-to-Embedded Value ที่ 0.87 เท่า TLI โดดเด่นที่สุดจากสัดส่วนทางการเงินที่แข็งแกร่งกว่าภายใต้มาตรฐานบัญชี TFRS 17 โดยเฉพาะอัตราส่วน CSM ต่อหนี้สินตามสัญญาประกันภัย และอัตราการตัดจำหน่าย CSM
ซึ่งสะท้อนถึงอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่สูงของบริษัทได้ดีขึ้น ในไตรมาส 2/68 อัตราส่วน CSM-to-ICL ของ TLI อยู่ที่ 19.5% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของคู่แข่งระดับโลกที่ 14.9% และของ BLA ที่ 15.5% ส่วนอัตราการตัดจำหน่าย CSM อยู่ที่ 12.2% เทียบกับค่าเฉลี่ยของคู่แข่งระดับโลกที่ 10.5% และของ BLA ที่ 9.1%
หุ้น
การลงทุน
เศรษฐกิจ
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย