Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealthy Thai
•
ติดตาม
16 ต.ค. เวลา 03:04 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ตราสารหนี้ มีค้ำประกัน vs ไม่มีค้ำประกัน เลือกอย่างไรให้เหมาะกับความเสี่ยงของคุณ?
เวลาพูดถึง “ตราสารหนี้” (Bond) หลายคนอาจคุ้นแค่คำว่า “พันธบัตรรัฐบาล” หรือ “หุ้นกู้เอกชน”
แต่รู้ไหมว่า ตราสารหนี้จริงๆ แล้ว ยังแบ่งได้หลายแบบ และหนึ่งในนั้นคือแบ่งระหว่างตราสารหนี้แบบมีการค้ำประกัน และไม่มีการค้ำประกัน ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความเสี่ยงและผลตอบแทนของนักลงทุน
การค้ำประกันคืออะไร?
การค้ำประกัน หมายถึงการที่ผู้ออกตราสารหนี้นำทรัพย์สินบางอย่างมาใช้เป็นหลักประกัน ว่าจะชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยตามสัญญา
ถ้าเกิดผิดนัดชำระหนี้ นักลงทุนสามารถใช้สิทธิ์ขายทรัพย์สินนั้น เพื่อนำเงินกลับคืนบางส่วนได้
ตราสารหนี้ที่ “มีการค้ำประกัน” (Secured Bond) คืออะไร?
ตราสารหนี้ที่มีทรัพย์สินเป็นหลักประกัน เช่น ที่ดิน, อาคาร,โรงงาน, หรือเครื่องจักรของบริษัท
หากบริษัทผู้ออกตราสารหนี้ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ นักลงทุนมีสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นก่อนผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ
ตัวอย่างของตราสารหนี้ที่มีการค้ำประกัน
-Mortgage Bond (หุ้นกู้มีหลักทรัพย์จำนอง / ตราสารหนี้ที่มีอสังหาริมทรัพย์ค้ำประกัน): ใช้ “ที่ดิน อาคาร หรือโรงงาน” เป็นหลักประกัน
-Collateral Trust Bond (หุ้นกู้มีหลักทรัพย์ค้ำประกันทางการเงิน): ใช้ “หลักทรัพย์ทางการเงิน” เช่น หุ้นของบริษัทอื่น หรือพันธบัตรรัฐบาล เป็นหลักประกัน
ข้อดี
-มีความเสี่ยงต่ำกว่า เพราะมีสินทรัพย์ค้ำประกัน
-นักลงทุนมั่นใจได้มากกว่าในกรณีเกิดปัญหาทางการเงิน
ข้อควรระวัง
-มูลค่าหลักประกันอาจลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ
-ถ้าขายทรัพย์สินได้ยาก อาจใช้เวลานานกว่าจะได้เงินคืน
เหมาะกับใคร
นักลงทุนที่เน้น “ความปลอดภัยของเงินต้น” มากกว่าผลตอบแทนสูง
ตราสารหนี้ที่ “ไม่มีการค้ำประกัน” (Unsecured Bond หรือ Debenture) คืออะไร?
ตราสารหนี้ที่ไม่ได้มีทรัพย์สินค้ำประกันเลย นักลงทุนจึงต้องอาศัยความน่าเชื่อถือทางการเงินของผู้ออกตราสารเป็นหลัก
ตัวอย่าง
-หุ้นกู้เอกชนทั่วไป (Corporate Debenture)
-พันธบัตรรัฐบาล (Government Bond)
ข้อดี
-ให้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้แบบมีค้ำประกัน
-ผู้ออกตราสารที่มีเครดิตดี เช่น บริษัทใหญ่หรือรัฐบาล มักได้รับความเชื่อมั่นสูง
ข้อควรระวัง
-ความเสี่ยงสูงกว่า ถ้าผู้ออกตราสารมีฐานะการเงินอ่อนแอ
-ควรตรวจสอบ “เครดิตเรตติ้ง” (Credit Rating) ทุกครั้งก่อนลงทุน
เหมาะกับใคร
นักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ เพื่อแลกกับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
สรุป
“การค้ำประกัน” คือหนึ่งในตัวแปรสำคัญของการลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารหนี้ที่มีค้ำประกันให้ความมั่นใจและความปลอดภัยมากกว่า ในขณะที่ตราสารหนี้ไม่มีค้ำประกันให้ผลตอบแทนสูงกว่า แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นด้วย
ดังนั้นก่อนตัดสินใจลงทุนในตราสารหนี้ ควรดูทั้ง “เครดิตเรตติ้ง” และ “ลักษณะการค้ำประกัน”
เพราะนั่นคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เราสร้างพอร์ตตราสารหนี้ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของเราได้อย่างแท้จริง
การลงทุน
เศรษฐกิจ
หุ้น
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย