24 ต.ค. เวลา 13:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สรุปเสวนา “ผ่าทางรอดเศรษฐกิจไทย รับ 2 ผู้นำใหม่”

เมื่อเศรษฐกิจไทยยังโตต่ำ แต่เรากำลังเปลี่ยนผู้นำทั้งรัฐบาลและแบงก์ชาติ นักลงทุนควรเดินหน้าต่ออย่างไร?
“สองผู้นำใหม่” ทั้งนายกรัฐมนตรี และผู้ว่าการ ธปท. มาพร้อมนโยบายใหม่ที่อาจเป็น “ความหวังครั้งสำคัญ” ในการปลุกเศรษฐกิจ ฟื้นความเชื่อมั่น และผลักดันตลาดหุ้นไทยกลับมาอีกครั้ง
1
ตลาดยังคงจับตา…ค่าเงินบาทจะไปทางไหน? ดอกเบี้ยจะขยับหรือหยุด? และกลยุทธ์การลงทุนแบบไหนที่ “รอด” ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง?
SCBWEALTH ขอเชิญร่วมฟังเสวนาพิเศษ “ผ่าทางรอดเศรษฐกิจไทย รับ 2 ผู้นำใหม่” โดย 4 กูรูเศรษฐกิจและการลงทุน พบคำตอบในไลฟ์เสวนาออนไลน์ครั้งนี้
ผู้ร่วมเสวนา
ดร. ฐิติมา ชูเชิด ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาค SCB EIC
• ความท้าทายด้านเศรษฐกิจ คาดการณ์ GDP ไทยปี 2568 โต 1.8% โดยเฉพาะไตรมาส 4 คาด โตไม่ถึง 1% ปี 2569 คาดส่งออกไทยติดลบ รับผลกระทบภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เต็มปี
• ความท้าทายด้านปัจจัยภายนอก US Government Shutdown อาจยืดเยื้อกว่าในอดีตเสี่ยงกระทบเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากกว่าเดิมทำให้ไทยได้รับผลกระทบผ่านการส่งออกและตลาดเงิน
• วิเคราะห์นโยบายรัฐบาลใหม่ นโยบาย Quick Big Win สะท้อนความตั้งใจเร่งให้เกิดผล 3 ด้านพร้อมกัน คือกระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัวทั่วถึงต้องจับตาผลทางเศรษฐกิจ เพราะรัฐบาลอยู่สั้น และมีข้อจำกัดการคลัง
คุณสุทธิชัย คุ้มวรชัย Head of Research Department บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด
มองเป้าหมาย SET Index ปี 2569 อยู่ระหว่าง 1,350-1,400 จุด จาก P/E Ratio ที่ประมาณ 14.5 เท่า
• ปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทย
• การลดดอกเบี้ยของ Fed หนุนตลาดหุ้นเกิดใหม่รวมถึงตลาดหุ้นไทย
• นโยบายรัฐบาลใหม่ กระตุ้นความคาดหวังของตลาด
• คาด กนง. ลดดอกเบี้ย จากเงินเฟ้อไทยยังต่ำและเศรษฐกิจที่โตต่ำ
• กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาลใหม่
• นโยบายรัฐบาล กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์
• มาตรการคนละครึ่ง Plus ค้าปลีก, พาณิชย์, เครื่องดื่ม, ร้านอาหาร
• มาตรการแก้หนี้ ค้าปลีก, การเงิน
• มาตรการภาคท่องเที่ยว การท่องเที่ยว, สายการบิน, โรงแรม, ค้าปลีก
• โครงการโครงสร้างพื้นฐาน ขนาดใหญ่ รับเหมาก่อสร้าง
คุณวชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส SCB Financial Markets
แนวโน้มค่าเงินบาท
ในระยะสั้น - มีแรงกดดันให้เงินบาทอ่อนค่า มีโอกาสทดสอบใกล้ระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ได้
• กรณี US Government Shutdown ยังดำเนินต่อไป ตลาดจะให้ความสำคัญปัจจัยที่ Fed อาจยังไม่ลดดอกเบี้ยแรง
• กรณี US Government Shutdown จบเร็ว ก่อนตัวเลขสำคัญของสหรัฐฯ ออกมา ในระยะยาว - เงินบาทมีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันด้านแข็งค่า
• จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างไทยและสหรัฐฯ ที่แคบลง
• สกุลเงินอื่นที่เป็นสกุลเงินหลักของโลก เช่น เงินยูโร กลับมาแข็งค่า ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า
• เงินทุนเคลื่อนย้ายมายังตลาดเกิดใหม่เอเชีย
คาดปลายปีนี้ เงินบาทจะอยู่ที่ประมาณ 31.25 – 32.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
คำแนะนำ
• ผู้ส่งออกป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทำ Hedging หรือ Forward เมื่อเงินบาทอ่อนค่าใกล้ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
• ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าอาจพิจารณาทำ Options
• เปิดบัญชี FCD หรือพิจารณาผลิตภัณฑ์การลงทุน Dual Currency Investment : DCI หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ลงทุนที่ต้องการใช้สกุลเงินต่างประเทศในอนาคต
• ทำธุรกรรมการค้าโดยใช้สกุลเงินท้องถิ่นของคู่ค้าโดยตรง
คุณนิสารัตน์ ชมภูพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายให้คำปรึกษาด้านความมั่งคั่งและการลงทุน SCB CIO
คำแนะนำจัดสรรสินทรัพย์ลงทุน
- ควรให้น้ำหนักการลงทุนไปที่ตลาดหุ้นและตราสารหนี้โลกเป็นหลัก ใน Core Portfolio
ตลาดหุ้นโลก - GDP ตลาดโลกน่าจะดีกว่าตลาดไทย กำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดโลกน่าจะยังสูงกว่าตลาดหุ้นไทย และการลงทุนในตลาดโลกยังช่วยให้เราได้เข้าถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง (Structural Change) ที่เป็นพลังขับเคลื่อนระยะยาว
• ตลาดหุ้นสหรัฐฯ น่าจะเติบโตได้ดี จาก ธีม AI
• ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ที่มีการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง และการได้ผู้นำใหม่ น่าจะช่วยให้เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น
• ตลาดหุ้นเกิดใหม่เอเชีย ได้ประโยชน์จากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มอ่อนค่า
ตลาดหุ้นไทย - ลงทุนเป็นส่วนหนึ่งใน Core Portfolio ได้
• ระยะสั้นต้องเลือกลงทุนในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาล
• ระยะยาว เลือกลงทุนในหุ้นปันผลสูง หรือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ที่อัตราเงินปันผลระดับสูง เฉลี่ยที่ 8-9%
ตลาดตราสารหนี้
• ตราสารหนี้ไทย - ระยะถัดไป อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสปรับตัวลดลงได้อีก ยังหนุนโอกาสการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทย แต่โอกาสรับผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากราคา อาจมีไม่มากแล้ว เนื่องจาก Bond Yield ปรับลดไปมากแล้ว
• ตราสารหนี้โลก - หากรับความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้น แนะนำให้แบ่งสัดส่วนเงินลงทุนไปยังตราสารหนี้โลก ที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Capital Gain) จาก Bond Yield ที่มีโอกาสปรับลดลงตามแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของ Fed
ดำเนินรายการโดย
คุณรุ่งโรจน์ เสกสรรค์วิริยะ ผู้อำนวยการ Investment Product Selection
#เศรษฐกิจ #การลงทุน #ผู้นำใหม่ #ดอกเบี้ย #SCBWEALTH
เอกสารนี้จัดทำขึ้นโดย SCB CIO ข้อมูล ณ วันที่ 14 ต.ค. 2568 เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึง /
1
ต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเอง และรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง / การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน /
การลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงมีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อน ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนหรือใช้บริการผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนทั่วไป ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน /
การลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / บัญชี FCD จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด /
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ SCB Call Center โทร. 02-777-7777
โฆษณา