28 ต.ค. เวลา 03:44 • ข่าว

การประชุมไทย-กัมพูชา JBC ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดจันทบุรี

จบลงไปแล้วอย่างราบรื่น กับการประชุม JBC ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดจันทบุรี ระหว่างวันที่ 21 - 22 ตุลาคม 2568 ซึ่งทั้งไทย และกัมพูชา ต่างก็ได้ข้อตกลงร่วมกัน ในเรื่องเขตแดนที่มีปัญหา
โดยทั้งไทย และกัมพูชาได้สรุป 3 ผลลัพธ์ร่วมกัน คือ
(1) รับรองและเห็นชอบการซ่อมแซมและจัดทำหลักเขตแดนเพื่อเปลี่ยนหรือทดแทนหลักเขตแดนเดิมที่เสียหาย
(2) ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้เร่งรัดการแก้ไข TOR 2003 หรือแผนแม่บทว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก เพื่อนำเทคโนโลยี Light Detection and Ranging (LiDAR) มาใช้ในการทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ
(3) เห็นพ้องต่อกระบวนการสำรวจและจัดทำหมุดชั่วคราวอย่างเร่งด่วนบริเวณพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายดำเนินการสำรวจและวางหมุดชั่วคราวเสร็จสิ้นแล้ว จะนำผลการสำรวจดังกล่าวเสนอต่อรัฐบาลเพื่อขอความเห็นชอบ เพื่อกำหนดกลไกที่เหมาะสมสำหรับการปรับการถือครองที่ดินของทั้ง 2 ฝ่าย
โดยนอกจากนี้ ฝั่งไทย ก็ยังได้เสนอต่อที่ประชุมว่าฝ่ายไทยมีแนวคิดที่จะสร้างรั้วชายแดนไทยกัมพูชาเพื่อป้องกันจากกระทบกระทั่งระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย การหลบหนีเข้าเมือง และการขนถ่ายยาเสพติด โดย นาย ฬำเจีย ประธาน JBC ฝั่งกัมพูชา ระบุว่า ตนเอง และคณะไม่มีอำนาจในการหารือ เรื่องการสร้างรั้ว จึงไม่ได้พูดคุยกันในการประชุมครั้งนี้
สำหรับการจัดการประชุม JBC ครั้งต่อไป จะเกิดขึ้นในสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2569 ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
การจัดการประชุม JBC
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ให้ความเห็นว่า ในวงเจบีซี ทุกอย่างที่ประเทศไทยให้ความสำคัญค่อนข้างลงตัวแล้ว และตกลงกันได้ในระดับหนึ่ง ทั้งการถอนอาวุธหนัก การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการกวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมีแผนงานและแผนการดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน รวมถึงการนำชาวกัมพูชาออกจากดินแดนที่เป็นพื้นที่ประเทศไทย เช่นเดียวกับวงจีบีซี ก็น่าจะเรียบร้อย และมีการลงนามบันทึกสรุปการประชุมของไทย-กัมพูชา
การจัดการประชุม JBC
ใครคือ "หัวโต๊ะ" ในการเจรจาทั้ง 2 วง
การประชุมเจบีซี สมัยวิสามัญ มีประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม 2 คน
ฝ่ายไทยนำโดย นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านเขตแดน
ฝ่ายกัมพูชานำโดย นายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา
การจัดการประชุม JBC
ก่อนการประชุมจะเริ่มต้นขึ้น ฝ่ายไทยตั้งประเด็นที่เตรียมไปหารือ-หาข้อสรุป ดังนี้
การประชุมเจบีซี มีวาระหลัก 2 ประเด็นคือ 1. หารือกรณีประชาชนกัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทยบริเวณบ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว และ 2. แจ้งให้กัมพูชาทราบว่าไทยจะสร้างรั้วแนวตรงเชื่อมหลักเขตแดนที่ 2 ฝ่ายเห็นตรงกัน
การประชุมจีบีซี มีวาระสำคัญคือการขับเคลื่อนการปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทั้ง 2 ฝ่ายให้ความเห็นชอบในการประชุมจีบีซีเมื่อ 10 ก.ย. ใน 4 ประเด็น ได้แก่ 1. การถอนอาวุธหนัก 2. การเก็บกู้และทำลายทุ่นระเบิด 3. ความร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Scam) 4. การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนอย่างเป็นระบบ
ข้อสรุปที่ได้จากการประชุมเจบีซี และแถลงข่าวโดยประธานของ 2 ฝ่าย ระบุว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจะดำเนินการ ดังต่อไปนี้
มอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการเทคนิคร่วม หรือเจทีเอสซี (Joint Technical Sub-Commission: JTSC) ดำเนินการสร้างหลักเขตแดนใหม่เพื่อทดแทนหลักเขตแดนเดิมที่ชำรุดหรือสูญหาย จำนวน 15 หลัก ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายมีความเห็นตรงกันแล้ว ให้กลับคืนสู่ที่ตั้งและตำแหน่งเดิม
ตกลงที่จะจัดทำหลักเขตแดนเพื่อเปลี่ยนหรือทดแทนหลักเขตแดนเดิมที่จมน้ำ จำนวน 3 หลัก โดยจะกำหนดตำแหน่งที่ตั้งใหม่ร่วมกันในภายหลัง
เห็นพ้องให้เร่งรัดการแก้ไข Terms of Reference 2003 (TOR 2003) เกี่ยวกับการจัดทำแผนที่ภาพถ่าย (Orthophoto Maps) เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ เช่น Light Detection and Ranging (LiDAR) มาใช้ในการทำแผนที่ภาพถ่าย เพื่อให้การสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ส่วนการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ระหว่างหลักเขตแดนที่ 42 ถึง 47 บริเวณบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว
ก. ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงที่จะหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับคำแนะนำทางเทคนิค (Technical Instruction: TI) สำหรับการสำรวจและวางหมุดชั่วคราวในพื้นที่ภูมิประเทศที่มีความเร่งด่วนในบริเวณหลักเขตแดนที่ 42 ถึง 47
ข. เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายดำเนินการสำรวจและวางหมุดชั่วคราวเสร็จสิ้นแล้ว จะนำผลการสำรวจดังกล่าวเสนอต่อรัฐบาลเพื่อขอความเห็นชอบ เพื่อกำหนดกลไกที่เหมาะสมสำหรับการปรับการถือครองที่ดินของทั้งสองฝ่ายต่อไป
ค. การวางหมุดชั่วคราวนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการสำรวจเท่านั้น และจะไม่กระทบต่อสิทธิของไทยและกัมพูชาในเรื่องเขตแดนทางบกตามกฎหมายระหว่างประเทศ และ
ง. ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะกำชับให้หน่วยงานท้องถิ่น ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน รับประกันความปลอดภัยให้กับชุดสำรวจจากทุ่นระเบิด ตามข้อ 3 ของ MOU 2543
และเพื่อให้ชุดสำรวจสามารถปฏิบัติงานได้โดยปราศจากการขัดขวางและการยั่วยุที่อาจส่งผลให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มเติมในบริเวณดังกล่าว
สำหรับการประชุมเจบีซีครั้งต่อไป จะเกิดขึ้นในสัปดาห์แรกของเดือน ม.ค. 2569 ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
ในระหว่างการแถลงข่าว นายประศาสน์เปิดเผยว่า "การประชุมเป็นไปภายใต้บรรยากาศแห่งมิตรภาพและฉันท์มิตร"
ส่วนการแก้ไขปัญหาบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว นายประศาสน์บอกว่า มีการปรับเปลี่ยนถ้อยคำจาก "การย้ายออกจากพื้นที่" เป็น "ปรับการครอบครองที่ดิน" โดยกรอบการทำงานอยู่ในรายละเอียดที่จะดำเนินการ ก่อนเสนอต่อรัฐบาล เพื่อกำหนดตัวบุคคลในการพูดคุย และกำหนดแผนดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา อย่างไรก็ตามต้องรอให้สำรวจพื้นที่ให้เสร็จก่อน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 สัปดาห์ เพราะเป็นปัญหาที่สะสมมานาน
ข้อมสรุป 4 ข้อ ในการประชุม JBC
1. การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ขัดแย้ง
ทั้ง 2 ฝ่ายบรรลุข้อตกลงในการจัดทำข้อกำหนด หรือทีโออาร์ (Terms of Reference: TOR) สำหรับคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน หรือเอโอที (ASEAN Observer Team: AOT) และได้มีการลงนามโดยผู้แทนทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว
ทั้งนี้คณะเอโอทีมีหน้าที่สำคัญในการสังเกตและติดตามผลความคืบหน้าของการถอนอาวุธหนักของแต่ละฝ่ายออกจากพื้นที่ขัดแย้ง รวมถึงได้กำหนดกรอบเวลาและเป้าหมายปลายทางในการถอนอาวุธเรียบร้อยแล้ว
ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบในแผนปฏิบัติการ (action plan) และมอบหมายให้แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย และผู้บัญชาการภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชา ขับเคลื่อนแผนไปสู่การปฏิบัติ โดยจะหารือรายละเอียดเพิ่มเติม 25 ต.ค.นี้
2. การเก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
ทั้ง 2 ฝ่ายได้ประสบความสำเร็จในการจัดทำระเบียบปฏิบัติตามมาตรฐาน หรือเอสโอพี (Standard Operating Procedure: SOP) สำหรับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดน ทั้งในพื้นที่ที่มีการกำหนดเขตแดนชัดเจนแล้ว และพื้นที่ที่ยังเห็นไม่ตรงกัน หลังจากนี้ชุดประสานงานของทั้ง 2 ฝ่ายจะเริ่มปฏิบัติการเก็บกู้ได้ทันที
ที่ผ่านมาศูนย์ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของฝ่ายไทยไม่สามารถเก็บกู้ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากถูกขัดขวางจากฝ่ายกัมพูชาบ่อยครั้งเมื่อเข้าไปใกล้พื้นที่ชายแดน แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฝ่ายกัมพูชายอมนำประเด็นการเก็บกู้ทุ่นระเบิดมาพูดคุยในรายละเอียดอย่างจริงจัง
3. การปราบปรามขบวนการไซเบอร์สแกม ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบแผนปฏิบัติการร่วม ซึ่งถือเป็น "เครื่องมือสำคัญ" ในการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานตำรวจของไทยและกัมพูชา โดยจะมีการจัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจร่วมภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อเริ่มกวาดล้างแกนนำหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการไซเบอร์สแกมต่อไป
ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงร่วมกันเกี่ยวกับขั้นตอนที่ชัดเจนในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร หลักฐาน พยาน เหยื่อที่ถูกหลอกลวง และผู้ต้องหา รวมถึงมีมาตรการคุ้มครองพยาน อันจะทำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น
4. การจัดการพื้นที่หมู่บ้านชายแดน ใน จ.สระแก้ว
ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบในการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจแนวเส้นที่แต่ละฝ่ายอ้างสิทธิ์ โดยจะทำการสำรวจร่วมจากหลักเขตที่ 42 ถึง 47 ช่วงบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว
เรียบเรียงโดยอาจารย์ต้นสัก สนิทนาม
#ไทย #กัมพูชา #การลงนาม #JBC #GBC #ลงนามเขตเเดน #ข่าว #ข่าวรอบโลก
โฆษณา