เมื่อวาน เวลา 07:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

จีน ‘เปลี่ยนทิศทาง’ เศรษฐกิจใหม่ สู่ยุค ‘บริโภคขับเคลื่อน’ ลดพึ่งลงทุน–ส่งออก

เศรษฐกิจจีนกำลังเดินหน้าเข้าสู่ ‘ยุคบริโภคขับเคลื่อน’ หลังเครื่องยนต์เก่าอย่างการลงทุนและการส่งออกเริ่มอ่อนแรง ผู้นำจีนส่งสัญญาณชัดในแผนพัฒนา 5 ปีฉบับใหม่ว่า จะยกระดับ ‘การบริโภคภาคครัวเรือน’ ให้เป็นแรงขับหลักของเศรษฐกิจแทน
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า การพึ่งพาเครื่องยนต์อย่างการลงทุนและการส่งออกมากเกินไปของจีน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจมูลค่า 19 ล้านล้านดอลลาร์ของประเทศ ดูเหมือนจะถึง “ขีดจำกัด”แล้ว โดยผู้นำจีนกำลังส่งสัญญาณถึงการ “ปรับทิศทางเศรษฐกิจ” ขึ้น มุ่งเน้นไปที่ “การบริโภคภายในประเทศ” มากขึ้นแทนในช่วง 5 ปีข้างหน้า
“จีนจะเพิ่ม ‘สัดส่วนการบริโภคต่อจีดีพี’ ให้สูงขึ้น และดูเหมือนว่าปรัชญาด้านนโยบายการบริโภคของจีนได้เปลี่ยนจากแนวคิดที่เน้น ‘ด้านอุปทาน’ เกือบทั้งหมด มาเป็นแนวทางที่ ‘สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน’ มากขึ้น” นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ประบุในบันทึกวิเคราะห์
สัปดาห์นี้ ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ให้คำมั่นว่า จะ “เพิ่มสัดส่วนของงบประมาณรายจ่ายด้านบริการสาธารณะในงบประมาณภาครัฐอย่างเหมาะสม เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการบริโภคของประชาชน”
นอกจากนี้ ยังให้คำมั่นว่า จะเร่งออกนโยบายที่มุ่งเน้นผู้บริโภคมากขึ้น ปรับปรุงการกระจายรายได้เพื่อเพิ่มรายได้ของครัวเรือน และเพิ่มสัดส่วนงบประมาณทางสังคมจากรัฐบาลกลาง เพื่อสนับสนุนภาคครัวเรือนให้ดียิ่งขึ้น
“แผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปีฉบับถัดไปของจีน จะให้ความสำคัญกับ ‘ครัวเรือนและการบริโภคภายในประเทศ’ มากกว่าที่เคยเป็นมา” แอนดรูว์ แบตสัน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยจีนของบริษัท Gavekal Dragonomics กล่าว
“การจัดสรรทรัพยากรทางเศรษฐกิจของจีน จะเริ่มโน้มเอียงไปในทิศทางของการบริโภคมากขึ้น เพราะการขยายตัวครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมดั้งเดิมและโครงสร้างพื้นฐานได้ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว” ที่ปรึกษานโยบายรายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์ออกนามกล่าวเสริม “การลงทุนในอนาคตจะมุ่งไปที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง และโครงสร้างพื้นฐานรูปแบบใหม่”
ในปัจจุบัน การบริโภคของภาคครัวเรือนจีน มีสัดส่วนเพียงราว “40% ของจีดีพี” ซึ่งต่ำกว่าของสหรัฐที่อยู่เกือบ 70% อย่างมาก ที่ปรึกษารัฐบาลบางรายเสนอว่า จีนควรตั้งเป้าเพิ่มอัตราการบริโภคให้ถึง 50% ภายในหนึ่งทศวรรษข้างหน้า
ล่าสุด กิจกรรมภาคการผลิตของจีนในเดือนตุลาคม “หดตัวแรงกว่าที่คาด” ซึ่งลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ตามผลสำรวจอย่างเป็นทางการที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ของทางการจีน อยู่ที่ระดับ “49.0” ตามข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ซึ่งต่ำกว่าค่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 49.6 จากการสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ส โดยค่าดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึง “การขยายตัว” ส่วนค่าที่ต่ำกว่า 50 หมายถึง “การหดตัว” บ่งชี้ว่ารัฐบาลจีนจำเป็นต้องเร่งออกมาตรการกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ
นอกเหนือจากการให้ความสำคัญกับ “การบริโภค” แล้ว ผู้นำจีนยังยืนยันความมุ่งมั่นที่จะรักษาสัดส่วนของภาคการผลิตในเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยจะให้น้ำหนักกับ “อุตสาหกรรมเกิดใหม่” เช่น พลังงานใหม่ อวกาศ และวัสดุขั้นสูง ซึ่งปัจจุบัน ภาคการผลิตคิดเป็นประมาณหนึ่งในสี่ของจีดีพีจีน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จีนได้เปิดเผย “กรอบนโยบายเศรษฐกิจปี 2026–2030” โดยให้ความสำคัญกับ “การพึ่งพาการผลิตและเทคโนโลยี” เป็นหลัก พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะ “ส่งเสริมการบริโภค” มากขึ้นด้วย
โฆษณา