Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ฐานเศรษฐกิจ_Thansettakij
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 07:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ทัวร์จีนวิกฤตฉุดรายได้ สมาคมโรงแรมร้องคลัง ขอทบทวนภาษีที่ดินใหม่
สมาคมโรงแรมไทย เตรียมเสนอคลังทบทวนกฎหมายภาษีที่ดินใหม่ให้เหมาะกับสภาพธุรกิจจริง เสนอผสมรูปแบบภาษีโรงเรือนเดิมกับภาษีที่ดิน หลังโรงแรม 2-3 ดาวได้รับผลกระทบหนักจากนักท่องเที่ยวจีนลดลง จ่ายภาษีไม่ไหว หลายแห่งเตรียมขายกิจการ ชี้มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวยังไม่ตรงจุด ช่วยได้เพียงบางกลุ่ม
นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าสมาคมโรงแรมไทย เตรียมจะเสนอกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนกฎหมายภาษีที่ดินที่เหมาะสมกับประเทศไทย โดยวิเคราะห์ถึงผลกระทบธุรกิจตามความเป็นจริง
รวมถึงควรประยุกต์ใช้ภาษีโรงเรือนแบบในอดีต ผสมกับภาษีที่ดิน ซึ่งภาษีโรงเรือนจะแปรผันตามรายได้ของธุรกิจ โรงแรมที่อยู่ในช่วงปรับปรุงไม่มีรายได้ ในอดีตสามารถแจ้งงดเว้นการจ่ายภาษีโรงเรือนได้ ในขณะที่ภาษีที่ดินไม่มีข้อยกเว้นนี้
เนื่องจากปัจจุบันแม้นักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกล อย่าง ยุโรป และอเมริกา จะเดินทางเข้าไทยเติบโตต่อเนื่องสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แต่ตลาดนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักของไทยยังชะลอตัว โดยในปี 2568 นี้ คาดจะมีนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยตลอดทั้งปีประมาณ 5 ล้านคน ลดลงจากปี 2567 ที่มี 7 ล้านคน และต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 (ปี 2562) ที่เคยมีนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยจำนวน 11 ล้านคน การลดลงของนักท่องเที่ยวจีน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมของไทยในปีนี้ จึงยังไม่สามารถเทียบเท่าปีที่แล้วได้
ทั้งนี้โรงแรมที่พึ่งพาทัวร์จีน ยอดเข้าพักลดลง 50% ส่วนใหญ่อยู่หัวเมืองหลัก อาทิ กรุงเทพและภูเก็ต มีผลกระทบสำคัญจากปัญหาความเชื่อมั่นด้านปลอดภัย และพฤติกรรมการท่องเที่ยวจีนที่เปลี่ยนมาเดินทางเที่ยวเอง (FIT) มากขึ้น ตลาดกรุ๊ปทัวร์จีนหายไป ทำให้โรงแรมที่พึ่งพาทัวร์จีน โดยเฉพาะโรงแรมขนาดเล็กเริ่มขาดสภาพคล่องมากขึ้น จากรายได้ลดลง แต่ต้นทุนคงที่ อาทิ ค่าพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ
ทำให้ธุรกิจประสบปัญหาใน 2 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.มีกิจการบางประเภทที่ประสบภาวะขาดทุน หรือแทบไม่มีรายได้ เช่น โรงแรม 2-3 ดาว แต่ต้องเสียภาษีที่ดินทุกปี และทุกรอบประเมินราคาที่ดินใหม่จากกรมธนารักษ์ จะสูงขึ้นทุกครั้ง แต่ธุรกิจเช่นโรงแรมไม่สามารถมีรายได้สูงขึ้นตามราคาที่ดินที่มีการประเมินใหม่
2.ราคาประเมินที่ดินจากกรมธนารักษ์ ปกติใช้ไว้เป็นฐานสำหรับธนาคารเพื่อประเมินหลักประกันสำหรับการกู้เงิน และใช้เป็นฐานในการคำนวณค่าธรรมเนียมการโอนและภาษีในการโอนที่ดิน อาจไม่เหมาะกับการเก็บภาษีที่ดินที่ได้รับการพัฒนาแล้ว เช่นโรงแรม แต่จะเหมาะกับกรณีที่ที่ดินรกร้าง
นายเทียนประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า การท่องเที่ยวช่วงไฮซีซัน จะพบว่าในช่วงตารางบินฤดูหนาวปีนี้ มีเที่ยวบินเปิดจุดบินใหม่และเพิ่มเที่ยวบินเข้าไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะจากเส้นทางบินระยะไกล (Long-haul)ทั้งจากยุโรปและอเมริกา ซึ่งปีนี้แม้แต่ช่วงโลว์ซีซันที่ผ่านมาก็ยังเห็นการขยายตัวของนักท่องเที่ยวยุโรป และในช่วงไฮซีซันนี้ก็มีปริมาณเที่ยวบินใหม่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกลที่เดินทางมาเที่ยวไทยในปีนี้ เติบโตสูงกว่าปีที่ผ่านมา
สำหรับจุดหมายปลายทางยอดนิยมในช่วงไฮซีซันนี้ ยังคงเป็นเมืองหลักและแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ได้แก่ ภูเก็ต สมุย กระบี่ กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ โดยจังหวัดกระบี่ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการเปิดใช้งานอาคารผู้โดยสารใหม่ อีกทั้งด้วยตลาดระยะไกล เป็นกลุ่มมีกำลังซื้อ ทำให้ความต้องการเข้าพักในในเมืองหลักเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ในช่วงไฮซีซันนี้โรงแรมระดับ 5 ดาวจะได้รับการจองเต็มก่อน จากนั้นความต้องการก็ไหลไปถึงโรงแรมระดับ 4 ดาว
ส่วนโรงแรมระดับ 2-3 ดาว ยอดจองเข้าพักยังไม่ดีมากนัก เนื่องจากโรงแรม เหล่านี้ส่วนใหญ่จะพึ่งพานักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์จีน ที่ตลาดยังไม่ฟื้นตัว อีกทั้งเทรนด์นักท่องเที่ยวจีนปลี่ยนไปเป็นนักท่องเที่ยวอิสระ หรือ FIT แล้ว หลายแห่งประสบปัญหาขาดทุน แต่ก็ยังคงต้องจ่ายภาษีที่ดิน บางแห่งไปไม่ไหวต้องปิดกิจการไป หรือ หากมีการขายโรงแรมออกไป ผู้ซื้อใหม่ก็จะต้องรับภาระจ่ายภาษีที่ดินต่อ ซึ่งจะทำให้การทำธุรกรรมเป็นไปได้ยาก ดังนั้นสมาคมโรงแรมไทยจึงเตรียมเสนอกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้ทบทวนการจัดเก็บภาษีที่ดินดังกล่าว
ด้านนายวุฒิพล ถาวรธวัช กรรมการผู้จัดการกลุ่ม บริษัท เออร์เบิน ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป จำกัด หรือ UHG ผู้บริหารโรงแรมเครือเดอะควอเตอร์ กล่าวว่า แม้ปัจจุบันจะมีนักท่องเที่ยวรัสเซีย อินเดีย และยุโรปเข้ามาเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่สามารถทดแทนนักท่องเที่ยวจีนได้ทั้งหมด ขณะที่ช่วงวันหยุดยาววันชาติจีน หรือ Golden Week ปี 2568 มียอดเข้าพักลดลง 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ปัจจัยหลักมาจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว บางส่วนเลือกเที่ยวในประเทศ
ส่วนกลุ่มที่ออกมาต่างประเทศก็เลือกไปประเทศอื่นแทนไทย เช่น กลุ่มงบน้อยอาจเลือกเวียดนาม กลุ่มงบสูงเลือกไปญี่ปุ่น เป็นต้น
“โรงแรมที่รับนักท่องเที่ยวจีน กลุ่มที่ปรับตัวรับนักท่องเที่ยวจีนกลุ่ม FIT ยังไปได้ดีในหลายพื้นที่ อาทิ สีลม ศาลาแดง ซึ่งได้อานิสงส์จากการเปิดตัวศูนย์การค้าเซ็นทรัลพาร์ค แต่หากยังเจาะเพียงทัวร์จีน ค่อนข้างลำบาก เพราะปัจจุบันทัวร์จีนหายไป และทดแทนด้วยกลุ่ม FIT เกือบหมดแล้ว เราพบว่า โรงแรมเจาะทัวร์จีน ขนาด 100-200 ห้องหลายแห่ง เริ่มเข้ามาเสนอขายโรงแรมให้กับบริษัทฯ จากช่วงก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน” นายวุฒิพล กล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่ในส่วนของมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวของรัฐบาลที่เพิ่งออกมานั้น นายเทียนประสิทธิ์ มองว่า มาตรการกระตุ้นการ ท่องเที่ยวล่าสุดของรัฐบาล ยอมรับว่าช่วยผู้ประกอบการได้บ้าง แต่ไม่ตรงจุดเท่าที่ควร เพราะมาตรการบางส่วนอาจยังไม่สามารถเข้าถึง และช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กได้อย่างแท้จริง
โดยมาตรการ “เที่ยวดี มีคืน” ซึ่งเป็นการลดหย่อนภาษี มาตรการนี้ “คงช่วยได้” เพราะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ดีในกลุ่มบุคคลที่มีรายได้ค่อนข้างดี และอยู่ในฐานภาษีที่สามารถใช้สิทธิได้ ขณะนี้สมาคมโรงแรมไทยกำลังประชาสัมพันธ์ และเปิดอบรมสมาชิก เพื่อเข้าระบบ e-invoice เพื่อรองรับมาตรการนี้ ซึ่งขณะนี้ยังมีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อย ที่ยังมีความรู้เรื่องนี้น้อย
สำหรับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมที่พัก มาตรการนี้โรงแรมขนาดเล็กอาจไม่ได้ประโยชน์ แต่กลุ่มที่ได้รับประโยชน์หลักมักจะเป็นโรงแรม 5 ดาว ซึ่งส่วนใหญ่มักบริหารโดยเชนโรงแรมขนาดใหญ่ กลุ่มนี้มักจะมีรายได้และดำเนินการรีโนเวตตามระยะเวลาอยู่แล้ว
ในทางกลับกัน โรงแรมที่เป็นคนไทย หรือโรงแรมระดับ 3 ดาวลงมา ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการการรีโนเวตอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นโรงแรมเก่าที่ประสบปัญหาขาดทุนและขาดทุนจากการระบาดของโควิด กลับอาจไม่ได้รับผลประโยชน์จากสิทธิทางภาษีนี้ เนื่องจากหากพวกเขาประสบภาวะขาดทุน ก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีได้เต็มที่
“มองว่าหากต้องการให้โรงแรมอยู่ในสภาพที่ดีและเป็นภาพลักษณ์ที่ดีของการท่องเที่ยวไทย รัฐบาลควรพิจารณามาตรการเสริมที่ตรงจุดยิ่งกว่านั่นคือ การจัดทำ Soft Loan (เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ) ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการรีโนเวตโรงแรมตามเงื่อนไขที่กำหนด เพราะสิทธิ์ทางภาษีอาจไม่เกิดประโยชน์หากผู้ประกอบการไม่มีเงินทุนหมุนเวียนพอที่จะไปรีโนเวต”
ด้านมาตรการเร่งรัดเบิกจ่ายงบสัมมนาข้าราชการถือว่าเป็นแนวคิดที่ดี แต่ช่วงไฮซีซันกลับไม่เหมาะ เพราะงบราชการไม่เพิ่มมานานกว่า 10 ปี โรงแรมส่วนใหญ่จึงไม่อยากรับกรุ๊ปราชการในช่วงนี้ เนื่องจากได้รายได้ต่ำกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป ทำให้การเร่งเบิกจ่ายงบช่วงตุลาคม 2568-มกราคม 2569 แทบไม่เกิดผล โรงแรมคงเลือกที่จะรับนักท่องเที่ยวมากกว่ากลุ่มข้าราชการ เนื่องจากได้ราคาที่ดีกว่า
1 บันทึก
3
1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย