2 พ.ย. เวลา 21:54 • ปรัชญา
เวลาที่เราสูญเสียคนรักไป มันไม่ใช่เพียงความเศร้า แต่มันคือการถูกดึงออกจากสิ่งที่ผูกพันที่สุดในใจ เหมือนชีวิตถูกฉีกออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งยังอยู่ ส่วนหนึ่งจากไป และไม่มีวันกลับมาอีก
แต่แท้จริงแล้วสิ่งนี้คือธรรมดาของชีวิต ที่ไม่มีใครหนีพ้นได้เลย พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า สิ่งใดมีการเกิดขึ้น สิ่งนั้นย่อมมีการดับไปเป็นธรรมดา
ทุกชีวิตที่เกิดมา ย่อมต้องพบกับความพลัดพราก ไม่ว่าคนที่จากไปจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง คู่ชีวิต หรือลูกของเราเองก็ตาม แม้แต่ตัวเราเองก็หนีไม่พ้นเช่นกัน
ความเจ็บปวดจึงไม่ได้เกิดเพราะเราผิด หรือเพราะโชคร้าย แต่มันเกิดเพราะเรายังรัก ยังผูกพัน ยังยึดไว้ในใจ ว่าสิ่งนี้ควรอยู่กับเรา
แต่เมื่อเรามองให้ลึกลงไป จะเห็นว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ควรอยู่หรือเป็นของเราอย่างแท้จริงเลย ทุกอย่างเพียงมาอยู่ร่วมทางกันชั่วขณะ แล้วก็จากไปตามเหตุปัจจัยของมัน
เมื่อเราเข้าใจความจริงข้อนี้ได้ ความเศร้าจะไม่หายไปในทันที แต่จะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความสงบ เหมือนฝนที่ค่อยซึมลงในดิน แล้วกลายเป็นความชุ่มเย็นแทนการเจ็บปวด
อย่าฝืนลืม อย่าฝืนไม่ให้คิดถึง แต่จงระลึกด้วยความเข้าใจ ว่าความรักนั้นไม่สูญหาย เพียงแค่เปลี่ยนรูปจากการได้อยู่ใกล้ มาเป็นการอยู่ในใจ เป็นแรงผลักให้เราใช้ชีวิตอย่างมีค่าในเวลาที่เหลืออยู่
ในที่สุด เราจะมองเห็นว่า การจากลานั้นไม่ใช่จุดจบของความรัก แต่เป็นครูที่มาสอนให้เราเข้าใจคำว่า ไม่เที่ยง อย่างลึกที่สุดในชีวิต
และเมื่อเข้าใจเช่นนั้น เราจะไม่เพียงผ่านความเศร้าได้เท่านั้น แต่ยังเติบโตขึ้นจากมันได้ด้วยหัวใจที่อ่อนโยนและเข้มแข็งกว่าที่เคยครับ
โฆษณา