4 พ.ย. เวลา 11:02 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ทองคำยังฮอต ธนาคารกลางทั่วโลกเร่งซื้อพุ่ง 28% ตุนต่อเนื่องแม้ราคานิวไฮ

  • ธนาคารกลางทั่วโลกเร่งซื้อทองคำในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมียอดซื้อสุทธิราว 220 ตัน
  • การเข้าซื้อทองคำยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าราคาจะปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ ซึ่งสะท้อนถึงการสะสมเชิงกลยุทธ์
  • กลุ่มธนาคารกลางในตลาดเกิดใหม่เป็นผู้ซื้อหลัก นำโดยคาซัคสถาน บราซิล และตุรกี ขณะที่โปแลนด์ยังคงเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดในปีนี้
ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเป็นเสาหลักของอุปสงค์ทองคำในไตรมาส 3 โดยเร่งซื้อเพิ่มขึ้นหลังจากชะลอติดต่อกันสองไตรมาสก่อนหน้า โดยมีการซื้อทองคำสุทธิราว 220 ตันในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาส 2 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยรายไตรมาสในรอบ 5 ปีประมาณ 6%
แม้ ราคาทองคำ ที่ปรับขึ้นราว 50% ตั้งแต่ต้นปีจนทำสถิติสูงสุดใหม่ อาจจำกัดปริมาณการซื้อในช่วงแรกของปี แต่การเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ในไตรมาสล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ธนาคารกลางยังคงทยอยสะสมทองคำอย่างมีแผนเชิงกลยุทธ์ แม้ต้องเผชิญราคาที่สูงขึ้น
แนวโน้มนี้สอดคล้องกับผลสำรวจ Central Bank Gold Survey 2025 ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่ามี ความตั้งใจสูงที่จะเพิ่มทุนสำรองทองคำในปีข้างหน้า
ในภาพรวมตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (year-to-date) ธนาคารกลางทั่วโลกได้เพิ่มทองคำรวม 634 ตัน แม้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของสามปีก่อนหน้า แต่ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยต่อปีของช่วงก่อนปี 2022 ซึ่งอยู่ระหว่าง 400–500 ตัน แม้มีแนวโน้มว่าอุปสงค์ทองคำประจำปี 2025 อาจไม่เท่ากับระดับในสามปีก่อน แต่โดยรวมอุปสงค์ยังคงแข็งแกร่งอย่างมีนัยสำคัญ
ตลาดเกิดใหม่ซื้อต่อเนื่อง พร้อมหลายประเทศกลับเข้าตลาดอีกครั้ง
กลุ่มธนาคารกลางในตลาดเกิดใหม่ยังคงเป็นผู้ซื้อทองคำหลักในไตรมาส 3 โดยมีบางประเทศกลับเข้ามาซื้ออีกครั้งหลังจากหยุดไปนาน
ธนาคารกลางคาซัคสถาน เป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดในไตรมาสนี้ โดยเพิ่มทองคำสำรอง 18 ตัน รวมเป็น 324 ตัน
ธนาคารกลางบราซิล ซึ่งซื้อทองคำครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนกรกฎาคม 2021 รายงานว่าซื้อเพิ่ม 15 ตันในเดือนกันยายน ทำให้ถือครองทองคำรวม 145 ตัน
ธนาคารกลางตุรกี เดินหน้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยทองคำสำรองอย่างเป็นทางการ (รวมของธนาคารกลางและกระทรวงการคลัง) เพิ่มขึ้น 7 ตันในไตรมาส 3 เป็น 641 ตัน
ธนาคารกลางกัวเตมาลา เพิ่มทองคำสำรอง 6 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 91% ทำให้ถือทองคำรวม 13 ตัน คิดเป็น 5% ของทุนสำรองทั้งหมด
กลุ่มประเทศที่รายงานการซื้อทองคำปริมาณน้อยกว่าในไตรมาสนี้
  • ธนาคารกลางอิรัก (6 ตัน)
  • ธนาคารประชาชนจีน (5 ตัน)
  • ธนาคารกลางเช็ก (5 ตัน)
  • ธนาคารกานา (4 ตัน)
  • กองทุนพัฒนาน้ำมันแห่งอาเซอร์ไบจาน (4 ตัน)
  • ธนาคารกลางบัลแกเรีย (2 ตัน) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสมทบทุนสำรองของ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) หลังจากบัลแกเรียจะเข้าร่วมยูโรโซนในปี 2026
  • ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (2 ตัน)
  • ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (2 ตัน)
  • ธนาคารแห่งคีร์กีซสถาน (1 ตัน)
  • ธนาคารกลางเซอร์เบีย (1 ตัน)
ในทางกลับกัน มีเพียงสองประเทศที่รายงานการลดทุนสำรองทองคำในไตรมาสนี้ ได้แก่ ธนาคารกลางอุซเบกิสถาน (-3 ตัน) และ ธนาคารกลางกาตาร์ (-1 ตัน)
โปแลนด์ยังคงเป็นผู้ซื้อมากสุดในปีนี้ แม้พักซื้อชั่วคราว
ธนาคารกลางโปแลนด์ (NBP) ยังคงเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุดในปีนี้ แม้ว่าจะอยู่ข้างสนามตั้งแต่เดือนพฤษภาคม แต่ได้ตอกย้ำเจตนารมณ์ที่จะเพิ่มทุนสำรองทองคำ โดยปรับเป้าหมายสัดส่วนทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศจาก 20% เป็น 30%
ธนาคารกลางโปแลนด์ระบุว่า ขนาดและความเร็วของการซื้อจะขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดโดยปัจจุบันถือครองทองคำรวม 515 ตัน คิดเป็น 24% ของทุนสำรองทั้งหมด
อุปสงค์ที่ยังไม่เปิดเผยกว่า 66% ของไตรมาสนี้
เมื่อรวมข้อมูลอุปสงค์ทองคำในไตรมาส 3 เข้ากับสถิติรายเดือน พบว่าราว 66% ของอุปสงค์ไตรมาสนี้ยังไม่ถูกรายงานอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นแนวโน้มต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022 ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวอาจปรับลดลงได้ หากมีการเปิดเผยข้อมูลล่าช้าในภายหลัง
แนวโน้มระยะถัดไป Q4
คาดว่าธนาคารกลางจะยังคงซื้อทองคำสุทธิต่อในไตรมาส 4 แม้ปริมาณอาจอ่อนไหวตามระดับราคา แม้การสะสมทองคำในปีนี้อาจต่ำกว่าช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่อุปสงค์ยังคงอยู่เหนือค่าเฉลี่ยในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับผู้จัดการทุนสำรอง สิ่งนี้ตอกย้ำว่าทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ที่มีบทบาทสำคัญในพอร์ตการลงทุนของธนาคารกลางทั่วโลก
ดีมานด์ลงทุนทองแท่งในไทย Q3/68 ทุบสถิติในรอบ 7 ปี
สภาทองคำโลก (World Gold Council: WGC) เปิดเผยรายงานแนวโน้มความต้องการทองคำประจำไตรมาส 3 ปี 2568 โดยระบุว่า ประเทศไทยมีความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำเพื่อการลงทุนสูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2562 ขณะที่ความต้องการทองคำโดยรวมทั่วโลกจากทุกภาคส่วน ซึ่งรวมถึงการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ (Over-the-counter: OTC) อยู่ที่ 1,313 ตัน หรือราว 1.46 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นระดับความต้องการรายไตรมาสที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
เซาไก ฟาน หัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน) และหัวหน้าฝ่ายธนาคารกลางระดับโลกของสภาทองคำโลก กล่าวว่า แนวโน้มตลาดทองคำในประเทศไทยยังคงเคลื่อนไปในทิศทางบวก โดยความต้องการทองคำได้สร้างสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง และสภาวะตลาดในปัจจุบันบ่งชี้ว่ามีโอกาสเพิ่มขึ้นอีก
ด้านผลตอบแทนสำหรับนักลงทุนไทย โดยเฉพาะการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำที่มีความต้องการสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2562 รายงานของเราชี้ให้เห็นว่าตลาดทองคำในประเทศไทยยังไม่อิ่มตัว ดังนั้น การถือครองทองคำเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตการลงทุนจึงยังคงเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ
อ้างอิงข้อมูล
สภาทองคำโลก (World Gold Council: WGC)
โฆษณา