ถ้านับราคาปัจจุบัน ตอนที่ผมกำลังขียนอยู่นี้ DUOL ราคาหุ้นอยู่ที่ 187 ดอลลาร์ครับ จากราคานี้ P/FCF อยู่ที่ 26 เท่าครับ
2 วันมานี้ หุ้นหลายตัว ราคาร่วงลงมาหนักมาก แม้งบจะประกาศออกมาว่าดีมาก หลายตัวมีการ Raise Full Year Guidance ด้วยซ้ำ
ความเข้าใจส่วนตัวของผมนะ มองว่า ไม่ว่ามันจะดีแค่ไหน แต่เมื่อมองดู Multiple ของหุ้นเทพหลายตัว เทียบกับ Growth แล้ว ก็ต้องยอมรับว่า ราคาหุ้นได้สะท้อนภาพการเติบโตไปหลายปีแล้ว คนเข้ามาลงทุน จะไปหวัง Return แบบสูง ๆ ในหุ้นเหล่านี้ ไม่ค่อยจะได้อีก
ผมเชื่อเรื่อง Dynamic ของจิตวิทยามวลชนที่อยู่ในตลาดนะ มันก็จะมีช่วงขึ้น-ลง หมุนเวียนกันไปตลอด
เมื่อความคาดหวังขึ้นไปสู่จุดสูงสุด มันก็จะต้องมีช่วงที่ Expectation Reset เกิดขึ้น
ผมนึกถึงมุมมองของคุณ Howard Marks น่ะครับ สภาวะตลาดคือแกว่งไปมาเหมือนลูกตุ้ม โดยที่จะมีจุดที่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงอยู่ แต่ลูกตุ้มจะไม่เคยหยุดนิ่งที่มูลค่าเลย แต่กลับแกว่งไปมาใน 2 ทิศทางระหว่าง Overvalued และ Undervalued
แค่ช่วงที่ผ่านมา ผมก็เชื่อนะว่า มัน Overvalued มาสักพักแล้ว
ไม่ว่าหุ้นเหล่านี้ จะคุณภาพดีแค่ไหน แต่จาก Multiple ระดับนี้ คิดดูว่า จะต้องรักษา Growth ได้เท่าไร แล้วใช้เวลากี่ปี ถึงจะทำให้รู้สึกว่ามัน Fair Value ได้
ซึ่งหลายตัวแพงมากจริง ๆ การตกกลับมา แม้งบจะดีมาก ผมว่าบางทีมันก็เป็นเรื่องที่มีเหตุผลนะครับ
ในช่วงที่เข้าสู่ Overvalued เราไม่รู้หรอกว่า จุดไหนคือจุดพีค ที่ลูกตุ้มฝั่งขาขึ้นจะอ่อนแรง จนตกลงมา
(ในทางกลับกัน เมื่อเข้าสู่ฝั่ง Undervalued ที่เป็นตลาดขาลง เราก็จะไม่รู้หรอกว่า ตรงไหนคือจุดต่ำสุดในรอบนี้ จนกว่ามันจะผ่านไปแล้ว เช่นกันครับ)
ในหลายครั้ง (ซึ่งผมก็เห็นมาบ่อยกว่าที่คิด) เราจะได้เห็นคนจำนวนมาก ที่เราดูก็รู้ว่า คนประเภทนี้ ไม่น่าจะลงทุนประสบความสำเร็จได้เลย เข้ามาลงทุน
คนเหล่านี้ ก็มักจะถือหุ้นร้อนแรงคล้าย ๆ กัน โชว์พอร์ตโชว์ผลตอบแทนที่ทำได้เป็นกอบเป็นกำ และต่างพากันพูดสนุกปากว่า การลงทุนง่ายจังเลย ลงไปแป๊บ ๆ ก็ได้เงินกลับมาแล้ว
Loop นี้จะดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ คนที่เข้ามาช่วงแรก ๆ ไปจนถึงกลาง ๆ ตอนปลาย ถ้าออกทัน ก็จะได้เงินกลับมาจำนวนมาก ซึ่งจากสถิติแล้ว มีไม่กี่คนหรอกครับที่ออกทัน
แต่คนที่เข้ามาตอนท้าย ๆ แล้วออกไม่ทัน เพราะเชื่อว่าตลาดอาจจะย่อแค่สักพัก แล้วเดี๋ยวก็จะวิ่งต่อ เนี่ยสิ ที่จะจ่ายเงินรอบวง
ซึ่งสุดท้ายแล้วน่ะครับ ในช่วงแต่ละ Loop ที่ผมเห็น อย่างครั้งล่าสุดคือเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ที่พวก Crypto, Defi, NFT บูมมาก มันก็จะเหลือผู้รอดชีวิต และไปต่อได้ แค่จำนวนเล็กน้อยเท่านั้น
คนส่วนใหญ่จะต้องสูญเสียเงิน อาจจะเจอกับ Snake Bite Effect จนต้องออกจากตลาดไปตลอดกาลด้วยซ้ำ
และเมื่อ Loop ของช่วง Undervalued มาถึง เรามักจะเห็นว่า เรื่องของตลาดหุ้น หรือตลาดในสินทรัพย์ใดก็ตาม ที่กำลังเกิดสภาวะตลาดหมีขึ้น มักจะเป็นเรื่องน่าเบื่อ คนส่วนใหญ่จะไม่สนใจ แถมเข็ดขยาดมากด้วยซ้ำ
แต่นั่นกลับเป็น ช่วงเวลาที่มีสินทรัพย์ดี ๆ ขายเทกระจาดราคาถูก ให้ซื้อสะสมมากที่สุด
คนที่ฉลาดสักหน่อย และมีความอดทนมากพอ จะสามารถเปลี่ยนชีวิตได้ ถ้ารู้จักใช้ประโยชน์ในช่วงเวลานี้ครับ
ซึ่งนั่นเป็นการกระทำที่โคตรเหงาเลยครับ เพราะเรากำลังทำสิ่งที่สวนทางกับคนส่วนใหญ่ คือเรากำลังเดินบนทางสายเปลี่ยวอยู่
เรื่องแบบนี้ ผมมีโอกาสได้พบเจอจากประสบการณ์ตรงอยู่บ้าง
พูดตามตรงเลยก็คือ ในชีวิตนี้ ผมเจอคนรู้จักน้อยมาก ที่เปลี่ยนชีวิตจากหุ้น META ได้เหมือนผม
ผมเจอคนที่ กล้าคว้าโอกาส ซื้อหุ้น META ตอนราคาประมาณ 100 ดอลลาร์ เมื่อ 3 ปีก่อน และอดทนถือมาจนได้ประมาณ 8 เด้ง เป็นจำนวนที่น้อยมากครับ
แน่นอน บางคนก็อาจจะเปลี่ยนชีวิตได้จากหุ้นตัวอื่น ที่วิ่งแรงกว่า เช่น NVDA, AMD, NFLX, และ PLTR
แต่พูดก็พูดเถอะ จากที่ผมสังเกตุ คนที่กล้าซื้อและถือพวกหุ้นเหล่านี้ ผ่านวันเวลาที่คนส่วนใหญ่มองว่าเลวร้าย จนได้รับผลตอบแทนระดับเปลี่ยนชีวิต ก็ยังมีน้อยมากเหลือเกิน
น้อยจนผมสงสัยว่า เหตุใดมนุษย์เรา ถึงพลาดโอกาสอันดี ที่จะเปลี่ยนชีวิตของเรา จนกลายเป็นคนรวยมาก ๆ ไปได้
ผมเองก็โชคดีมาก โชคดีที่ช่วงชีวิตที่ผ่านมา ได้ผ่านการ Connecting the dots มามากมาย ได้เรียนรู้หลายเรื่อง ได้เห็นมุมมองสุดล้ำ จากคนที่เก่งมากจริง ๆ
กระบวนการนี้ ถ้าเป็น Charlie Munger คงเรียกว่า "Multidisciplinary" ครับ
กระบวนการนี้ ช่วยให้ผมได้ซื้อหุ้นอย่าง META, TSM, GOOGL ในตอนที่คนกำลังร้องยี้อยู่
ซึ่งตอนนี้เอง ผมว่าผมได้เห็นหุ้นเติบโตคุณภาพดีบางตัว ที่มีโอกาสจะเปลี่ยนชีวิตคนได้ แต่คนส่วนใหญ่กำลังร้องยี้ อยู่เหมือนกันครับ
หุ้นเหล่านี้ มีความสามารถในการแข่งขัน มีรายได้แล้ว มี FCF เป็นบวก เห็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า เป็นบริษัทที่จะทำผลตอบแทนต่อเงินลงทุนได้คุ้มค่ามาก ๆ ด้วย
หุ้นเหล่านี้ ก็แปลกที่คนไม่สนใจ Top Line Growth ยังดีมากด้วย แต่ Multiple กลับอยู่ในระดับที่ไม่เกิน 30 เท่าด้วยซ้ำ
มีบางตัวหลักหน่วย บางตัวก็แค่หลัก 10 กว่าเท่า เท่านั้นเอง
บางทีผมก็แปลกใจ ผมเห็นคนจำนวนมากในช่วงนี้ กำลังลงทุนในบริษัทที่ ยังไม่มีรายได้ กระแสเงินสดติดลบ และยังน่าจะต้องติดลบไปอีกสัก 2 ปีด้วย เพราะกว่าจะ Scale จน Break-even ได้ ก็ยังต้องใช้ความพยายามในการขยายธุรกิจอีกมาก
บางบริษัทหนี้เยอะมาก ยังต้องลงทุนเผาเงินอีกสักพัก ซึ่งสถานการณ์บ่งบอกว่า ต้องเพิ่มทุนด้วยซ้ำ
แถมหุ้นเหล่านี้ ราคากลับวิ่งขึ้นไปหลายเด้ง จนหุ้นคุณภาพดี ยังต้องละอายใจเลย
ไม่ใช่ว่าหุ้นเหล่านี้ไม่ดีนะครับ บางตัว Story น่าสนใจมาก แต่เส้นแบ่งระหว่าง บริษัทจะทำได้จริงหรือไม่จาก Story นั้น มันคลุมเครือมาก
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมเชื่อว่า มันมีบริษัทแบบนี้ ที่พาให้นักลงทุนหลงไปเชื่อ เป็นจำนวนไม่น้อยครับ
คำถามคือ แล้วถ้าบริษัทเกิดทำไม่ได้ตามภาพฝันขึ้นมาล่ะ เรามีวิธีในการรับมืออย่างไร ?
ผมเห็นพอร์ตของนักลงทุนหน้าใหม่หลายคน ผมก็ตกใจมากอยู่นะ คือทั้งพอร์ตมีแต่หุ้นที่ไม่มีรายได้ทั้งนั้น แต่ราคาขึ้นไปหลายเด้ง
ผมอาจจะมองผิด แต่พวกเค้าถูก ก็ได้ครับ แต่สำหรับผมก็ยังมองว่า มันเสี่ยงมากเลยครับ
ถ้าเกิดผิดพลาดไม่ตรงตามที่คิดที การ Drawdown ครั้งใหญ่จะตามมาแน่ ๆ
แล้วสมมติว่า ถ้าบริษัทเกิดต้องใช้เวลาแก้ปัญหาหลายปี กว่าจะพลิกฟื้นความเชื่อมั่นของตลาดหลับมาได้ คิดว่าจะมีนักลงทุนกี่คนกัน กล้าอดทนถือหุ้นเหล่านั้น จนได้รับกำไรอย่างงดงามในตอนท้ายล่ะครับ ?
ผมว่า ก็คงจะเหมือนกับทุกครั้ง จากคนจำนวนมาก ที่ไปลงทุนหุ้น Meme กัน ก็จะเหลือแค่เพียงหยิบมือเท่านั้น ที่รอดมาได้
ผมก็ไม่รู้หรอกว่า รอดมาได้เพราะฝีมือ หรือเพราะเราแค่โชคดี ซึ่งเป็นผลจากการสุ่มกันแน่
การลงทุนในหุ้นไม่มีรายได้ ผมว่าไม่ผิดหรอก ถ้าเรารู้จริง ๆ ว่า เรากำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายปี ผมได้สังเกตุคนมามากมาย หลายคนก็เป็นเพื่อนที่ผมรู้จักมากนาน ไม่ว่าจะเป็นช่วง Overvalued ครั้งก่อน หรือครั้งนี้ก็ตาม ผมพบว่า ส่วนใหญ่ไม่รู้หรอกครับว่า ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
เพื่อไม่ให้มันยาวเกินไป เพราะผมก็เหนื่อยแล้ว ผมจึงจะขอสิ้นสุดที่การกล่าวถึง DUOL ต่อสักหน่อย
ผมว่าคุณ Luis ซึ่งเป็น Founder ของบริษัท เป็นคนที่เก่งมากครับ ผมเข้าใจทั้ง 2 ฝั่ง ที่มองบวกและลบ ต่อหุ้น DUOL ครับ
ซึ่งเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ครับ ว่าใครมองถูกกันแน่
มันอาจจะใช้เวลาแค่ไม่นาน หรืออาจะสัก 2-3 ปี ไม่มีใครรู้หรอกครับ
แต่ผมเชื่อนะ ถ้าเรามองเหมือนคนส่วนใหญ่ และทำไปตามนั้น เราก็จะได้ผลตอบแทนพอ ๆ กัน คือไม่ได้ประสบความสำเร็จสักเท่าไร
ประสบการณ์สอนผมมาว่า คนที่ประสบความสำเร็จในวงการลงทุน ซึ่งมีจำนวนอยู่น้อยมาก เมื่อเทียบกับจำนวนนักลงทุนทั้งหมดในตลาด ถ้าไม่ได้ใช้หูลอกหุ้นคนเก่ง ๆ เอา ก็ล้วนจะสวนกระแส และมี High Conviction ต่อแนวทางของตัวเองกันทั้งนั้นครับ
ไม่ว่าจะเป็นประเภท อ่อนน้อมถ่อมตน หรือพวกหัวแข็ง Aggressive ก็ตาม ก็จะมี High Conviction ในสิ่งที่ตัวเองเลือกเสมอครับ
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
