Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
aomMONEY
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
10 พ.ย. เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์
เมื่อโลกไม่แน่ใจ... ทำไมทองคำถึงเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเศรษฐี?
เคยไหม? ที่เห็นคนรุ่นคุณปู่คุณย่าถือทองคำไว้เงียบๆ ในยุคที่ใครๆ ก็พูดถึงหุ้น คริปโต หรือกองทุนเทคโนโลยี? คุณอาจจะเคยหัวเราะในใจ แต่เมื่อตลาดหุ้นร่วงหนัก พอร์ตติดลบ คุณอาจเริ่มเข้าใจว่า
"ทองคำไม่ได้มีไว้ดูเล่น แต่มันมีไว้ดูใจตัวเองในวันที่โลกไม่แน่นอน"
Keytakeaway บางส่วนจาก Session ของคุณแอนนาเบล คชนันทน์ (Private Banker ประจำกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สถาปนิกการเงิน และ เจ้าของเพจ Annabel - Your Wealth Architect)
💰 บทเรียนที่ 1: ทองคำ ไม่ใช่แค่โลหะ แต่คือ "ระบบความเชื่อที่เก่าแก่ที่สุด"
ทองคำไม่ใช่เครื่องมือเก็งกำไรที่ทำให้รวยเร็วในชั่วข้ามคืน แต่คือ "ระบบความเชื่อที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษย์" ในวันที่โลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ทองคำมักจะพุ่งขึ้นเสมอเพราะมันเติบโตด้วย "ความกลัว" ของมนุษย์ ไม่ใช่ด้วยความหวังที่ฟุ้งเฟ้อ
ทองคำจึงเปรียบเสมือนสินทรัพย์ที่ "เงียบแต่โหด" ไม่พุ่งหวือหวาเหมือนคริปโตฯ แต่ก็ไม่หายไปเหมือนหุ้นที่อาจกลายเป็นศูนย์ได้
💰บทเรียนที่ 2: ทองคำคือ "กันชนชีวิต" ของคนรวย
จากประสบการณ์ของคุณแอนนาเบล สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้จากห้องกระจกในสวิตเซอร์แลนด์ เธอสังเกตเห็นว่า "คนรวยทุกคน... ถือทองไว้เงียบๆ" แต่ไม่ใช่เพื่อการเก็งกำไร ตรงกันข้าม ลูกค้าใน Private Bank ส่วนใหญ่ถือทองเพียง 5-15% ของพอร์ตเพื่อ "ป้องกัน" ไม่ใช่เพื่อ "รวยขึ้น" แต่เพื่อ "อยู่รอด" ในวันที่โลกไม่แน่นอน
ทองคำของคนรวยจึงไม่ใช่แค่ก้อนโลหะ แต่มันคือ "ระบบกันกระแทกของชีวิต"
💰บทเรียนที่ 3: "ดอกเบี้ย" ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทองคำฟังอีกต่อไป
ในอดีต ราคาทองคำกับดอกเบี้ยมักจะวิ่งสวนทางกันเพราะทองคำไม่มีดอกเบี้ยตอบแทน แต่โลกหลังปี 2022 ทุกอย่างเปลี่ยนไป แม้ดอกเบี้ยจริง (Real Yield) จะสูงขึ้น แต่ราคาทองคำกลับพุ่งสวนทาง นี่เป็นเพราะแรงซื้อครั้งใหญ่ไม่ได้มาจากนักลงทุนทั่วไป แต่มาจาก "ธนาคารกลาง" และ "กองทุน ETF" พูดอีกอย่างคือ ทองคำในยุคนี้ "ไม่ฟังธนาคารกลางอีกต่อไป" เพราะคนไม่ได้ซื้อทองเพื่อทำกำไร แต่ซื้อเพื่อ "เอาตัวรอด"
💰บทเรียนที่ 4: จุดเปลี่ยนของทองคำในยุคใหม่ (เมื่อโลกไม่ไว้ใจดอลลาร์)
ปี 2022 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์ทองคำยุคใหม่ เมื่อกลุ่ม G7 (กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ ซึ่งเป็นเวทีความร่วมมือทางเศรษฐกิจและเมืองที่ไม่เป็นทางการ ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร) แช่แข็งทรัพย์สินของรัสเซียกว่า 280 พันล้านดอลลาร์ ทำให้โลกตาสว่างขึ้นมาทันทีว่า "เงินที่อยู่ในระบบดอลลาร์... ไม่ใช่ของคุณเสมอไป"
1
หลังเหตุการณ์นั้น ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มทยอย "ลดดอลลาร์" และ "เพิ่มทองคำ" พวกเขาไม่ถามราคา ไม่สนอัตราผลตอบแทนพันธบัตร แต่แค่ไม่อยากเป็นเหยื่อรายต่อไปของระบบดอลลาร์ นี่คือการสร้าง "Financial Sovereignty" หรืออธิปไตยทางการเงิน เพราะทองคำคือสินทรัพย์เดียวที่ไม่มีใครยึดได้ ไม่มีระบบควบคุม และไม่มี "กติกาที่คนอื่นตั้งให้"
💰บทเรียนที่ 5: ทองคำในยุคใหม่ จากโลหะสู่สินทรัพย์ดิจิทัล
ในยุคดิจิทัล ทองคำไม่ได้อยู่แค่ในตู้เซฟอีกต่อไป แต่ยังอยู่ใน "ระบบดิจิทัลที่มีของจริงรองรับ" หรือที่เรียกว่า "Tokenized Gold" เศรษฐีรุ่นใหม่จึงถือทองคำทั้งในโลกจริงและโลกดิจิทัลไปพร้อมกัน ทองคำจึงเป็นเสมือน "สะพานเชื่อมระหว่างโลกเก่าและโลกใหม่"
สรุป: "ทองไม่ได้ทำให้คุณรวยขึ้นในพริบตา แต่มันกันไม่ให้คุณจนลงในวันที่โลกพัง" และนี่คือเหตุผลที่คนรวยไม่ค่อยพูดเรื่องทอง แต่เลือกที่จะ "ถือมันไว้เงียบๆ" เพราะความมั่งคั่งที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ในสิ่งที่เปล่งประกายที่สุด... แต่อยู่ในสิ่งที่ยังคงอยู่ได้ แม้ทุกอย่างรอบตัวจะสั่นคลอน
#aomMONEY #การเงิน #ลงทุน #วางแผนชีวิต #FinancialPlanning #WorkAndWealth #MoneyGoals #WorkLifeFestival2025 #Annabel #YourWealthArchitect #ระบบทองคำ #การลงทุนทอง
6 บันทึก
9
3
6
9
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย