ก่อนจะถามว่าควรลงทุน “ที่ไหน” ลองถามตัวเองก่อนว่า “ลงทุนไปเพื่ออะไร”
Keytakeaway บางส่วนจากเซคชัน “ก่อนเลือกตลาด ต้องรู้เป้าหมาย ด้วยสามหลักการลงทุนที่ใช้ได้ตลอดชีวิต” ของคุณศรารัญย์ คาน Investor & Content creator เจ้าของเพจ “Earthh Evans"
1. คุณไม่จำเป็นต้องลงทุน ถ้ารับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้อยู่แล้ว
- คุณสามารถรับมือกับ เงินเฟ้อเฉลี่ยปีละ 3% และ ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นปีละ 10% ได้สบาย
- คุณมี รายได้จากการทำงาน (Active Income) ไปได้ตลอดชีวิต (เช่น ทำงานได้ถึงอายุ 80 ปี)
- คุณมั่นใจว่า เงินบำนาญ เพียงพอต่อการใช้ชีวิตหลังเกษียณ
- คุณมี เงินสดสำรองหรือมรดก มากพอ (เช่น Cash Balance 50–100 ล้านบาท) ที่ใช้ได้อีก 10–30 ปี
- หรือคุณ เชื่อว่างานประจำมั่นคงกว่าการลงทุน — แม้เหตุการณ์อย่างโควิดจะสอนเราว่า “ไม่มีอะไรแน่นอน”
👉 เพราะจริง ๆ แล้ว “การไม่ลงทุนเลย” ก็ถือเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่ง
เป็นการลงทุนด้วย “ความหวัง” ว่าโลกในอนาคตจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก
2. ความมั่งคั่งทางการเงิน สร้างได้จาก “ดอกเบี้ยทบต้น” (Compound Interest)
สูตรพื้นฐานของการเติบโตแบบทบต้น มีอยู่แค่ 3 อย่าง
1. เงินต้น ที่มากพอ
2. เวลา ที่ยาวพอ
3. ผลตอบแทน ที่ต่อเนื่องและมีคุณภาพ
👉 สามสิ่งนี้คือเสาหลักของความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
3. เลือกสินทรัพย์ให้ตรง “เป้าหมาย” ไม่ใช่แค่ตามกระแส
จะลงทุนในไทยหรือต่างประเทศ ไม่มีอะไรดีกว่ากัน
อยู่ที่ “จริต” และ “เป้าหมาย” ของแต่ละคนมากกว่า
4. ตั้งเป้าหมายให้ชัดก่อนลงทุน
ถามตัวเองก่อนว่า “ลงทุนระยะสั้น” หรือ “ระยะยาว”
📌 ระยะสั้น (Short-term)
เหมาะกับการ “พักเงิน” มากกว่าการ “ลงทุนจริงจัง” เช่น กองทุนตลาดเงิน (Money Market) หรือบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง
⚠️ อย่านำเงินที่ต้องใช้เร็ว ๆ นี้ (เช่น เงินแต่งงาน) ไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เพราะอาจขาดทุนหนักได้ เช่น พอร์ตติดลบ 40% ภายใน 2 เดือน
📈 ระยะยาว (Long-term)
สามารถเลือกสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อใช้พลังของดอกเบี้ยทบต้น ให้เวลาทำงานแทนเงินของคุณ
5. เข้าใจความต่างระหว่าง “หุ้นปันผล” และ “หุ้นเติบโต”
💵 หุ้นปันผล (Dividend Stocks)
👉 เหมาะกับคนที่ต้องการ “กระแสเงินสด” (Cash Flow)
👉 เกิดจากการที่บริษัทนำกำไรบางส่วนมาจ่ายเป็นปันผลให้ผู้ถือหุ้น
🚀 หุ้นเติบโต (Growth Stocks)
👉 บริษัทไม่จ่ายปันผล แต่ นำกำไรกลับไปขยายธุรกิจ (Reinvest)
👉 เหมาะกับนักลงทุนที่มองการเติบโตระยะยาว และรับความผันผวนได้
👉 ตัวอย่างเช่น Tesla ที่ลงทุนต่อเนื่องใน AI, โรงงานผลิตรถยนต์ (Gigafactory) และหุ่นยนต์ Optimus
[ 🏦 3 เสาหลักในการตัดสินใจลงทุน ]
1.ความสบายใจหรือระดับที่คุณ “ยอมรับความเสี่ยง” ได้ และเข้าใจปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น
- ภาษี กำไรจากการลงทุนต่างประเทศที่นำกลับเข้ามา ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดถึง 35%
- ความผันผวนของค่าเงิน อัตราแลกเปลี่ยนอาจทำให้พอร์ตติดลบ แม้ถือพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ
- เวลาเปิดตลาด ตลาดต่างประเทศเปิดตอนกลางคืน (21:30–04:00 น.) ต้องพร้อมติดตามข่าวช่วงคนนอน
2. ความเข้าใจ เป็นหัวใจของการลงทุนทั้งหมด
- เข้าใจว่า “ธุรกิจหาเงินอย่างไร”
- รู้ว่า “รายได้–Margin–กระแสเงินสด” มาจากไหน
3. เข้าใจอุตสาหกรรมและความเสี่ยง
- รู้ว่าในอุตสาหกรรมนั้นมี คู่แข่ง ใครบ้าง
- และธุรกิจที่คุณลงทุนมี ความเสี่ยงเฉพาะตัว อะไรที่ต้องระวัง
#aomMONEY #การเงิน #ลงทุน #วางแผนชีวิต #FinancialPlanning #WorkAndWealth #MoneyGoals #WorkLifeFestival2025 #การลงทุน
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
