เมื่อวาน เวลา 07:12 • สิ่งแวดล้อม

ผู้นำบราซิลเปิด COP30 ชี้โลกร้อนคือโศกนาฏกรรม ถึงเวลาหยุดปฏิเสธวิทยาศาสตร์

  • ประธานาธิบดีบราซิลเปิดประชุม COP30 โดยชี้ว่าภาวะโลกร้อนคือโศกนาฏกรรมในปัจจุบัน และเรียกร้องให้โลกหยุดปฏิเสธหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
  • การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นใจกลางป่าแอมะซอน เพื่อเน้นย้ำว่าแอมะซอนเป็นส่วนสำคัญของการแก้ปัญหาวิกฤติสภาพภูมิอากาศ ไม่ใช่แค่หัวข้อถกเถียง
  • COP30 มีเป้าหมายหลักในการเป็น "COP แห่งการปฏิบัติ" ที่จะเปลี่ยนคำมั่นสัญญาให้เป็นการลงมือทำจริง และเริ่มต้นทศวรรษแห่งการดำเนินการตามข้อตกลงปารีส
ลุยซ์ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ประธานาธิบดีบราซิล เปิดการประชุม COP30 ที่เมืองเบเลง ใจกลางป่าแอมะซอน โดยได้อธิบายถึงเสาหลัก 3 ประการที่จะเป็นแนวทางให้กับการเจรจาในที่ประชุม COP30 ได้แก่ การปฏิบัติตามพันธสัญญาด้านภูมิอากาศที่ได้ให้ไว้แล้ว การเสริมสร้างธรรมาภิบาลระดับโลก และการให้ประชาชนอยู่ในศูนย์กลางของการตัดสินใจด้านภูมิอากาศ
การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 30 (COP30) เปิดฉากอย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน ณ เมืองเบเล็ง รัฐปารา ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางป่าแอมะซอน ถือเป็นครั้งแรกที่การประชุมด้านภูมิอากาศที่ใหญ่ที่สุดของโลกจัดขึ้นในภูมิภาคซึ่งสะท้อนถึงทั้งความเร่งด่วนและความหวังของโลก
ตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ ผู้นำและผู้เจรจาการจากทั่วโลกจะหารือถึงแนวทางการเปลี่ยนคำมั่นให้กลายเป็นการปฏิบัติจริง และเสริมสร้างพันธมิตรระดับโลกเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ในพิธีเปิด ประธานาธิบดีลุยซ์ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา กล่าวว่าการจัด COP30 ที่เบเลงนั้นเป็น การตัดสินใจทางการเมืองและสัญลักษณ์ ที่มีเป้าหมายเพื่อแสดงให้เห็นว่า ป่าแอมะซอนไม่ใช่เพียงหัวข้อในการถกเถียง แต่คือส่วนสำคัญของการแก้ปัญหาภูมิอากาศ
ระบบนิเวศที่หลากหลายที่สุดในโลกแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของประชากรราว 50 ล้านคน รวมถึงชนพื้นเมืองกว่า 400 กลุ่ม ป่าแอมะซอนไม่ใช่สิ่งสมมุติ มันคือบ้าน เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และชีวิต การนำ COP มาจัดกลางหัวใจของแอมะซอนเป็นภารกิจที่ยากลำบาก แต่จำเป็น เมื่อผู้แทนออกจากเบเลง พวกเขาจะนำคำมั่นสัญญาในการลงมือปฏิบัติกลับไป ส่วนชาวเมืองจะได้รับผลประโยชน์จากการลงทุนที่การประชุมนี้นำมา
ข้อเสนอสำคัญ ลูลาได้ผลักดันแนวคิดการจัดตั้ง “สภาภูมิอากาศโลก” (Global Climate Council) ภายใต้การกำกับของสมัชชาสหประชาชาติ เพื่อให้เกิดการประสานงานและความรับผิดชอบทางการเมืองที่มากขึ้นระหว่างประเทศ
เราต้องการสถาบันที่มีขนาดและความสามารถสอดคล้องกับวิกฤติที่กำลังเผชิญ
ในมุมมองของประธานาธิบดีลูลา COP30 จะต้องเป็น COP แห่งความจริง ที่ยืนยันบทบาทของวิทยาศาสตร์และต่อสู้กับข้อมูลบิดเบือน พร้อมทั้งเป็น COP แห่งการปฏิบัติ ที่เปลี่ยนคำมั่นสัญญาให้เป็นการลงมือจริง เขากล่าวว่าแม้จะมีความคืบหน้าหลังข้อตกลงปารีส แต่ความเร็วของโลกในปัจจุบันยังไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งภาวะโลกร้อน
เรากำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่ด้วยความเร็วที่ผิดพลาด การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่ภัยคุกคามในอนาคตอีกต่อไป แต่คือโศกนาฏกรรมของปัจจุบัน
พร้อมยกตัวอย่างอุทกภัยครั้งใหญ่ทางตอนใต้ของบราซิล และพายุเฮอร์ริเคนเมลิสซาในแคริบเบียน
เรากำลังอยู่ในยุคที่คนบางกลุ่มปฏิเสธหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และโจมตีสถาบัน ถึงเวลาที่เราต้องเอาชนะกระแสการปฏิเสธอีกครั้ง
ในทำนองเดียวกัน เอกอัครราชทูตอังเดร กอร์เรอา ดู ลาโก ประธาน COP30 กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ ที่เข้าสู่ทศวรรษแห่งการดำเนินการตามข้อตกลงปารีส
COP ครั้งนี้จะต้องถูกจดจำว่าเป็น COP แห่งการลงมือจริงการประชุมที่เปลี่ยนคำมั่นให้เป็นผลลัพธ์ ถึงเวลาแล้วที่เราจะผสานเรื่องภูมิอากาศ เศรษฐกิจ และการพัฒนาเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างงาน ลดความเหลื่อมล้ำ และเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศ
จาก COP29 สู่ COP30 ยุคแห่งการส่งมอบผลลัพธ์
มุกห์ตาร์ บาบาเยฟ ประธาน COP29 ได้ส่งมอบบทบาทผู้นำกระบวนการภูมิอากาศโลกอย่างเป็นทางการให้แก่บราซิล โดยเน้นย้ำว่าโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการดำเนินการอย่างแท้จริง
COP30 เป็นจุดเริ่มต้นของวัฏจักรการดำเนินการตามข้อตกลงปารีสอย่างสมบูรณ์ ตั้งแต่นี้ไปจะไม่มีพื้นที่ให้คำมั่นที่ไร้การปฏิบัติอีกต่อไป นี่คือทศวรรษแห่งการลงมือ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว และความน่าเชื่อถือ
บาบาเยฟยังกล่าวถึงการประชุมครั้งก่อนที่บากู ซึ่งได้บรรลุข้อตกลงทางการเงินครั้งประวัติศาสตร์ และย้ำว่าการประชุมที่เบเลงจะต้องต่อยอดจากคำมั่นเหล่านั้นโดยมุ่งเน้นผลลัพธ์ที่จับต้องได้และเป็นธรรม โดยเฉพาะต่อประเทศกำลังพัฒนา
โฆษณา